นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมอยู่ระหว่างประเมินราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั่วประเทศใหม่จำนวน 29.3 ล้านแปลง แยกเป็น กทม. 1.9 ล้านแปลง ต่างจังหวัด 27.4 ล้านแปลง ซึ่งเป็นการประเมินในทุก 4 ปี เพื่อจะนำมาใช้สำหรับการจัดเก็บภาษีจากการทำนิติกรรมต่างๆ เช่น การโอนบ้าน โอนที่ดิน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 55 โดยอยู่ระหว่างเสนอผ่านคณะกรรมการประเมินที่ดินระดับจังหวัด เพื่อส่งต่อให้คณะกรรมการประเมินที่ดินส่วนกลางที่มีกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน
ทั้งนี้ พบว่าราคาที่ดินในภาพรวมปรับขึ้นเฉลี่ย 10-15% ราคาที่ดินในกรุงเทพฯ ที่มีการปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุดได้แก่ ย่านเพลินจิต พระรามที่ 1 ช่วงสถานีรถไฟฟ้าหน้าสยามและห้างพารากอน ปรับจากตารางวาละ 3.5-4.3 แสนบาท เป็นตาราวาละ 7 แสนบาท ถือว่าเป็นการปรับเพิ่มขึ้นถึง 50% เนื่องจากเป็นย่านธุรกิจใกล้เมืองซึ่งอยู่ติดกับรถไฟฟ้า บีทีเอส และใกล้กับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ เป็นต้น
สำหรับที่ดินต่างจังหวัดที่มีการปรับขึ้นมากที่สุดคือ ย่านหัวหิน และพัทยา มีการปรับราคาสูงขึ้นถึง 40-50% โดยเฉพาะที่ริมทะเล เนื่องจากที่ดินบริเวณนี้มีการพัฒนาในเชิงธุรกิจมาก มีการปลูกสร้างที่พักอาศัย ที่พักตากอากาศมากขึ้น จนกลายเป็นที่ดินในเชิงพาณิชย์ไปแล้ว นอกจากนี้กรมธนารักษ์ยังเข้าประเมินราคาดอนโดมิเนียมและห้องชุดแบบต่อตารางเมตร เพื่อให้สะท้อนความเป็นจริง ทั้งนี้ การประเมินราคาที่ใหม่จะมีผลต่อร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่คาดว่าจะมีการประกาศใช้ในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้ผ่านภาษีบำรุงท้องถิ่นและภาษีโรงเรือนได้เพิ่มมากขึ้นด้วย