แกง เขียวหวาน ตำรับรัก
แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลา อกไก่ พริกไทยอ่อน
มีความเชื่อแบบไทยโบราณ ที่พูดสืบต่อๆกันมาว่า ลักษณะรูปร่าง
ของเส้นขนมจีนนั้นเป็นมงคล แสดงถึงความยืนยาวของอายุ
วรรณะ สุขะ พละ ความรุ่งเรืองต่อเนื่องกันไปยาวนาน
จากชาตินี้ไปจนถึงชาติหน้า เป็นความต่อเนื่อง ไม่มีที่สิ้นสุดค่ะ
ขนมจีนเลยกลายเป็น อาหารมงคลประจำงานเลี้ยงในงานบุญ
ของทั้งชาวไทย พม่า ลาว และเขมร เช่นงานบวช
งานขึ้นบ้านใหม่ และงานแต่งงาน เพราะกินสะดวก
เป็นอาหารจานเดียว หยิบขนมจีนใส่จาน แล้วราดด้วยน้ำแกง
ใส่ผักและเครื่องปรุงตามชอบ แค่นี้ก็ได้อิ่มอร่อยกันถ้วนหน้า
ส่วนขนมจีนในงานแต่งและงานหมั้นนั้น ถือเคล็ดว่าต้องเป็นจับใหญ่
จับเรียงเรียบร้อย สวยงาม เส้นสวย และไม่ขาดลุ่ย
เพราะเชื่อว่าเส้นที่ยืดยาวเป็นนิมิตที่ดี ที่คู่บ่าวสาวจะครองรักกันยืดยาว
ตั้งแต่หวานหวานมาอยู่ภาคเหนือ ได้ทานขนมจีนน้ำเงี้ยวอยู่บ่อยๆค่ะ
วันนี้นึกอยากจะเปลี่ยนรสชาติเป็นแบบภาคกลางดูบ้าง
คิดถึงแกงเขียวหวานนะคะ แต่หาเจ้าที่แกงถูกปากถูกใจได้ยากเหลือเกิน
คงต้องลงมือแกงเองแล้วค่ะ สูตรนี้เป็นตำรับรัก ที่ปรับปรุงขึ้นมาเองค่ะ
น้ำพริกแกงใช้พริกไทยดำ แกงใส่ลูกชิ้นปลา อกไก่ และพริกไทยอ่อนสดๆ
เครื่องปรุงที่ต้องแสวงหามาเป็นพิเศษ เพื่อความอร่อยลิ้นมีดังนี้ค่ะ
เครื่องปรุงน้ำพริกแกง: พริกไทยดำ เม็ดผักชีคั่ว ยี่หร่าคั่ว กะปิ เกลือป่น
พริกขี้หนูเขียว ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด หัวหอม กระเทียม รากผักชี ใบพริกขี้หนูสด
ลูกชิ้นปลา อกไก่ เลือดไก่
มะเขือพวง มะเขือเปราะ พริกไทยอ่อน พริกชี้ฟ้าเขียว ใบโหระพา
กะทิกล่อง น้ำปลา น้ำตาลปึก
แบ่งกะทิอออกเป็นสองส่วนคือ หัวกะทิและหางกะทิ
แล้วแบ่งหัวกะทิเป็นสองส่วน สำหรับผัดน้ำพริกแกงหนึ่งส่วน
และเก็บไว้ราดหน้าแกงตอนสุดท้ายอีกหนึ่งส่วนค่ะ
วิธีทำหางกะทิ ทำได้โดยเติมน้ำลงในหัวกะทิเพื่อทำให้กะทิเจือจางลงค่ะ
ขนมจีน นึ่งให้ร้อนก่อนทานก็ดีค่ะ กันท้องเสียเพราะเชื้อแบคทีเรียนะคะ
โขลกพริกไทยดำ เม็ดผักชี ยี่หร่าให้ละเอียด แล้วใส่ข่า
ตะไคร้ ผิวมะกรูด รากผักชี เกลือป่น พริกขี้หนูเขียว
ใบพริกขี้หนูสด กระเทียม หัวหอม และกะปิ โขลกต่อให้ละเอียด
คงจะมีเพื่อนๆถามอีกว่า โขลกน้ำพริกครกนี้จะนึกถึงหน้าใครดี
คำตอบก็คือ ตามแต่จะศรัทธาก็แล้วกันนะคะ ..ฮา!!
แต่ครกนี้น่ะ ลูกสาว..เจ้าประจำรอคอยอยู่ด้วยความหิว ทำให้ต้องรีบๆโขลก
จนลืมนึกถึงหน้าใครๆไปเลยค่ะ..ฮา!!! อีกรอบ..ฮิ้วววววว!!!
ในขณะที่โขลก...รับรองว่ากลิ่นหอมเสียจนต้องก้มหน้าลงไปดมที่ครกแน่ค่ะ
น้ำพริกที่โขลกแล้วสีเขียวสวยด้วยใบพริกขี้หนูสด
หอมฟุ้ง อุดมไปด้วยสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกายค่ะ
ใส่หัวกะทิในกระทะ ใช้ไฟปานกลาง เคียวจนกะทิแตกมัน
แล้วใส่น้ำพริกแกง ผัดจนหอม
น้ำพริกแกงที่ผัดจนหอมแล้ว หน้าตาเป็นอย่างนี้ค่ะ
ใส่เนื้อไก่ลงผัดให้เข้ากับน้ำพริกแกงจนเนื้อไก่เกือบสุก
เติมหางกะทิ เมื่อกะทิเดือด ใส่ลูกชิ้นปลา เลือดไก่
น้ำพริกแกงที่โขลกเอง..แฮนด์เมด จะแหลกพอประมาณ
ยังเห็นใบพริกขี้หนู แล่นใบโต้ลมอยู่ในกระทะ ได้อารมณ์ไปอีกแบบนะคะ..อิอิ!!
เชอะ!!!!...หมดแรงโขลกละซี้...แก้ตัวไปน้ำเขียวๆ หุยฮา...เอิ๊กๆ!!!
รอจนเดือดอีกครั้งใส่น้ำปลาและน้ำตาลปึก ชิมให้ได้รสเค็มหวานจนถูกใจ
พอเดือดอีกครั้งใส่มะเขือพวง มะเขือเปราะ พริกไทยอ่อน และพริกชี้ฟ้า
ราดหน้าด้วยหัวกะทิ และโรยหน้าด้วยใบโหระพา
น้ำแกงสีเขียวจากใบพริกขี้หนู น่ารับประทานไหมคะ
สูตรนี้หาทานได้ยาก จึงต้องลงมือเองค่ะ
วางเคียงคู่กับขนมจีน หรือข้าวสวยร้อนๆนะคะ
รสชาติกำซาบลิ้น อิ่มนี้ประทับใจมิรู้ลืมค่ะ
บางท่านชอบทานกับไข่เค็มด้วย หวานหวานจัดไข่เค็มไชยาให้นะคะ
เชิญทุกท่านด้วยค่ะ ไข่เค็มมีหลายโหล ไม่มี..หมดค่ะ..เอิ๊กๆ
ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง และมีความสุขมากๆนะคะ