ข้อเขียนของ น.พ. ประทีป พันธุมวนิช คณะทันตแพทย ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่า หลักการทางวิชาการทันตแพทยศาสตร์ ข้อบ่งชี้ในการจัดฟันเกิดจากความผิดปกติของการสบฟันหรือการเรียงตัวของฟันตามธรรมชาติ ซึ่งถ้าปล่อยไว้จะเป็นภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคในช่องปาก หรือมีผลต่อบุคลิกภาพในอนาคต อย่างไรก็ดี เมื่อคนเรามีสุขภาพดีซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญแล้วก็จะมีความต้องการด้านความสวยงามตามมาเป็นลำดับต่อไป ซึ่งเป็นจริงในกรณีของการจัดฟันเพื่อความสวยงาม
ทั้งนี้ การสบฟันของฟันหน้าจัดได้เป็น 3 ประเภท คือ ประเภทที่ 1 สบฟันหน้าปกติ คือ เมื่อกัดฟันภายหลังกลืนน้ำลายแล้วฟันหน้าบนจะคร่อมฟันหน้าล่างเล็กน้อย ทั้งด้านความลึกและความยาว ในขนาดเพียง 1-2 ม.ม.เท่านั้น ประเภทที่ 2 ฟันหน้าบนยื่นออกมามากแบบแก้วหน้าม้า เมื่อกัดฟันแล้วฟันหน้าบนส่วนมากไม่สามารถสบกับฟันหน้าล่างได้ ซึ่งอาจมากน้อยตั้งแต่ 2-6 ซี่ นับได้ว่าเป็นการสบฟันที่ไม่ปกติ เป็นผลจากการดูดนิ้วมือในระหว่างการเจริญเติบโตของขากรรไกร หรือจากกรรมพันธุ์อันมีลักษณะเดียวกับพ่อ แม่ หรือญาติข้างพ่อ แม่ เป็นต้น ในกรณีนี้จำเป็นต้องแก้ไขโดยการจัดฟันอย่างแน่นอนและ ประเภทที่ 3 ฟันหน้าล่างยื่นคร่อมฟันหน้าบนภายหลังกัดฟันหลังกลืนน้ำลาย โดยด้านตัดของฟันหน้าบนกัดลึกเข้ามาด้านในของฟันหน้าล่าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลทางกรรมพันธุ์คล้ายลักษณะเดียวกันของพ่อแม่หรือญาติฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นการสบฟันที่ไม่ปกติ และต้องรับการแก้ไขทางทันตกรรมจัดฟันร่วมกับศัลยกรรมกระดูกขากรรไกร
นอกจากแก้ไขการสบฟัน หลายกรณียังเป็นการแก้ไขในรายที่ฟันซ้อนเก หรือรวมกันแน่น อันเนื่องจากการเจริญของขากรรไกรไม่สัมพันธ์กับการงอกขึ้นของฟันถาวร ซึ่งอาจเป็นผลจากการคงอยู่ของฟันน้ำนมนานเกินไปจนฟันถาวรไม่สามารถขึ้นได้ตามปกติ โดยเฉพาะในช่วงอายุ 6-7 ขวบที่ฟันถาวรหน้าล่างจะเริ่มขึ้นมา แต่ฟันน้ำนมหน้าล่างก็ยังแข็งเกินไป หรือไม่ยอมหลุดตามกำหนด ฟันถาวรหน้าล่างจะซ้อนไปด้านในลิ้น และเป็นจุดเริ่มต้นของฟันถาวรหน้าล่างเกซ้อนต่อมา ในกรณีนี้ความจำเป็นในการจัดฟันเป็นที่เด่นชัดเพื่อป้องกันโรคในช่องปาก เนื่องจากฟันซ้อนเกเป็นที่หมักหมมของคราบจุลินทรีย์และเศษอาหาร และเป็นสาเหตุของโรคฟันผุและเหงือกอักเสบ
ในกรณีที่ฟันบิดจากแนวฟันหน้าเพียงเล็กน้อย ไม่ว่าฟันบนหรือฟันล่าง แต่การสบฟันยังเป็นปกติดังกล่าว หรือกรณีของฟันเขี้ยวเสน่ห์ ก็อยู่ในประเภทนี้ กรณีเหล่านี้ความจำเป็นในการจัดฟันไม่ชัดเจนแบบที่กล่าวข้างต้นเนื่องจากการทำหน้าที่ของฟันยังปกติได้ดี และไม่ใช่บ่อเกิดของการเกิดโรคในช่องปากในภายหน้าอย่างชัดเจน อันที่จริงแล้วการมีฟันหน้าบิดเล็กน้อย หรือแบบเขี้ยวเสน่ห์ นับเป็นความสวยงามตามธรรมชาติ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นความเรียบแนวเดียวกันเท่านั้น
การจัดฟันมีขั้นตอนมากมาย และส่วนใหญ่อาจต้องถอนฟันกรามน้อยออก 2-4 ซี่ และในระหว่างใส่เครื่องมือจัดฟันเป็นเวลา 1-3 ปี จะมีอาการเจ็บฟันจากการดึงและเคลื่อนที่ของฟันจากแรงของลวดจัดฟันเป็นระยะๆ นอกจากนี้ ยังอาจเจ็บแก้มหรือริมฝีปากจากการบาดของลวดที่เป็นส่วนเกิน และการจัดฟันยังอยู่ในภาวะเสี่ยงของการเกิดโรคฟันผุและเหงือกอักเสบได้ง่าย จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ทำความสะอาดฟันและแปรงฟันอย่างพิเศษ การจัดฟันจึงควรอยู่ภายใต้การพิจารณาอย่างถ่องแท้ของทันตแพทย์เฉพาะทางทันตกรรมจัดฟัน โดยคำนึงถึงหลักการรักษาเพื่อแก้ไขปัญหาการสบฟันหรือแก้ไขปัญหาโรคในช่องปากในอนาคตเป็นหลักในการพิจารณา
เมื่อตัดสินใจจัดฟัน ต้องเตรียมตัวทั้งค่าใช้จ่ายและความพร้อมในการรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในช่องปากระยะเวลาเป็นปีๆ ที่สำคัญยิ่งคือการดูแลทำความสะอาดช่องปากอย่างเป็นพิเศษ มิฉะนั้นแล้วการจัดฟันเพื่อความเท่เพียงอย่างเดียวอาจมีผลก่อให้เกิดปัญหาหรือโรคในช่องปากตามมาอย่างไม่คุ้มค่าได้