(รูป พิธีรับตำแหน่งของ โอโตไก)
มีการประชุมของสภาคอราคัม(สภาสูงสุดของมองโกล)อีกครั้ง
หลังเจงกิสข่านเสียชีวิต โอโตไก ลูกคนที่2 ของเจงกิสข่าน ได้รับเลือกให้เป็นข่านสูงสุด
นโยบายของมองโกลยังเหมือนเดิมคือขยายดินแดนอย่างต่อเนื่อง เพื่อครองโลกให้ได้!!
(รูป การเข้าตีแบกแดด)
ฮูลากูข่าน บุกต่อเข้าไปยังตะวันออกกลางโจมตีแบกแดด และสังหารทุกคนที่อยู่ในเมือง
กองพิระมิดของศีรษะมนุษย์ตั้งเรียงรายรอบแบกแดดหลังจากการเผาเมืองจนเหลือแต่ซาก
ส่วนสุลต่านแห่งแบกแดดถูกม้วนใส่ในผ้าแล้วให้ม้ากระทืบจนตายเพราะไม่ต้องการให้เลือดกษัตริย์เปื้อนแผ่นดิน
(รูป การบุกปราสาท อลามุท ถิ่นกำเนิดนักฆ่า)
หลังจากนั้นพวกมองโกลก็บุกทำลายล้างปราสาทอลามุทซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดมือสังหาร(แอสแซนซิน)จนสูญพันธุ์
ทั้งๆที่พวกแอสแซนซินกุมอำนาจอยู่เบื้องหลังชาติอิสลามและขู่เข็ญเรียกค่าคุ้มครองจากนครรัฐต่างๆมานับร้อยปี
กองทัพมองโกลบุกต่อเนื่องไปถึงดามัสคัสเมืองที่นักรบครูเสดพยายามตีมานับร้อยปีไม่สำเร็จ
แต่นักรบมองโกล ถล่มเมืองด้วยปืนใหญ่จนพินาศใน1 สัปดาห์ และบุกต่อเนื่องไปถึงถึงฉนวนกาซ่าพรมแดนอียิปต์ในปัจจุบัน
ก่อนที่จะรีบถอนทัพกลับเนื่องจาก การเสียชีวิตกระทันหันของ โอโตไกข่าน
ฮูลากูจึงทิ้งทหารรักษาการไว้ 2,000 นาย ซึ่งแม่ทัพคิตบูกาได้ถูกสุลต่านอัยบัรแห่งอียิปต์ล่อลวงเข้าสังหารจนหมดในสมรภูมิญาลูต
ทำให้อัยบัรคุยโวว่าตัวเองเป็นผู้พิชิตมองโกลและปกป้องอิสลามจากคนป่าเถื่อน
ส่วนฮาลูกูก็ติดเกมส์ชิงอำนาจในเผ่ามองโกลทำให้ไม่ได้กลับมาให้ความสนใจดินแดนตรงแถบนี้อีกเลย
เป็นเรื่องหน้าเศร้าถ้าตอนนั้นกองทัพมองโกลทำลายกองทัพพวกอิสลามจนหมดได้ซะก่อนโลกอาจสงบสุขกว่านี้ในปัจจุบันก็ได้
(รูป มองโกลบุกเข้ารัสเซีย ที่เมืองซัลดัส เชื้อพระวงศ์ทั้งหมดของรัสเซียถูกฆ่าล้างตระกูล)
บาตูข่าน และ สุโบไต บุกเข้าตียุโรปวีรกรรมโหดตอนพวกมองโกลบุกรัสเซียคือ ขณะที่ยึดซัสดัส-วลาดิเมียร์ได้
เจ้าชายรัสเซียได้หนีไปซ่อนตัวในโบสถ์ เพราะรู้ว่าพวกมองโกล ไม่เคยแตะต้องศาสนสถาน
แต่บาตูข่าน กลับสั่งปิดโบสถ์แล้วเผาโบสถ์ไปพร้อมกับเจ้าชาย แล้วกล่าวว่า
“ไอ้สวะนี่มันทำให้บ้านของพระเจ้าต้องแปดเปื้อน ข้าจึงชำระล้างมันด้วยไฟ”
บาตูข่านและสุโบไต นำทัพบุกต่อไปยังยุโรป เป็นหน้ากระดานยาวกว่า 930 ไมล์ (ตั้งแต่ทะเลบอลติกจนถึงทะเลดำ)
ตอนนั้นยุโรปเริ่มตื่นตระหนกกับผู้รุกรานที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดเท่าที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
เมื่อกองทัพรัสเซียยูเครน ฮังการี ถูกทำลายล้างจนพินาศ
กองกำลังพันธมิตรคริสเตียนทั้งหมด(จริงพวกมองโกลมีอิสระในการนับถือศาสนาแต่พวกที่นับถือคริสต์จะเป็น
นิกายนอสเธอเรียนส์ แต่พวกยุโรปที่นำทัพมาต้านมองโกลจะเป็นคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก จึงขอเรียกพวกยุโรปนี้รวมๆว่าพวกคริสเตียน)
ซึ่งนำโดยอดีตนักรบครูเสดผู้ชำนาญศึกแต่ก็ไม่อาจต้านกองทัพมองโกลได้ ทหารคริสเตียนที่มีกำลังมากกว่ามองโกล 3 เท่า
ถูกสังหารโหด ราวลูกแกะที่ถูกหมาป่าขย้ำ
(รูป การรบที่สมรภูมิเลนิก้า)
หนึ่งในสมรภูมิที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ สมรภูมิเลนิก้า ที่ฮังการี ซึ่งกองกำลังผสมฝรั่งเศส โปแลนด์ และนักรบครูเสดกว่า 40,000 คน
ประจัญหน้ากับกองทหารมองโกลซึ่ง นำโดยแม่ทัพ สุโบไต 8,000 คน เมื่อกำลังที่ต่างกันกว่า 4 เท่า
เริ่มต้นปะทะกัน กองกำลังมองโกลจึงล่าถอยกองทัพคริสเตียนจึงไล่ตามอย่างคึกคะนองจนเข้าสู่วงล้อม
ซึ่งทหารมองโกลระดมยิง ปืนใหญ่ แก็ซพิษ(แก็ซไข่เน่า) และระดมยิงธนูใส่
แม้พวกคริสเตียนจะมีหน้าไม้ซึ่งขึ้นลูกดอกได้เร็วและยิงได้แรง
แต่ก็ไม่สามารถยิงสู้กับทหารม้ายิงธนูที่เคลื่อนไหวรวดเร็ว และความแม่นยำสูง ซึ่งเป็นทักษะเฉพาะตัวได้
เมื่อนักยิงธนูของพวกคริสเตียนถูกสังหารหมด พวกคริสเตียนที่ถูกปิดล้อมต้องหาทางหนี
หนึ่งในกลยุทธ์ที่คลาสสิกที่สุดคือ “อย่าต้อนสุนัขให้จนมุม ไม่งั้นมันจะสู้ตาย”
(รูป ศีรษะของเจ้าชายเฮนรีที่2 ถูกเสียบประจานข่มขวัญให้เมืองอื่นๆรีบยอมแพ้)
พวกมองโกลเปิดช่องทางหนีลวงเอาไว้ในวงล้อม ท่ามกลางการระดมยิงสังหารโหด
ถึงพวกคริสเตียนจะรู้ว่าช่องที่เปิดไว้เป็นกับดัก แต่จำต้องนำกำลังฝ่าออกไปผลสุดท้ายของสงครามนี้ คือ
ทหารคริสเตียนไม่มีรอดชีวิตแม้แต่คนเดียวแม้กระทั่งเจ้าชายเฮนรีที่2 ยังหัวขาดกลางสนามรบ ทหารมองโกลเสียชีวิต 1,000คน
รวมๆแล้วกองกำลังคริสเตียนทั้งหมดเกือบ 100,000ชีวิตในทุกๆสมรภูมิพวกคริสเตียนถูกสังหารโหด
สิ่งที่พอจะช่วยยุโรปได้จากภาวะสิ้นหวังนี้คือพระเจ้าเท่านั้น!!
(รูป สุโบไต แม่ทัพอันดับ 1 ของมองโกล)
ในขณะที่กองทัพของ บาตูข่านกับ สุโบไต มาสบทบกันและเริ่มปิดล้อมเวียนนา
เมืองที่เจริญและสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป ปรากฏว่าโอโตไกข่านเสียชีวิตกระทันหัน
กองทัพมองโกลจำต้องล่าถอยและไม่ได้มาเหยียบเวียนนาอีกเลย นับแต่บัดนั้น
(รูป เส้นทางทัพมองโกลในการรบที่ยุโรปโดยโอโตไก กับ บาตูข่าน ร่างแผนบุกไปจนถึงเกาะอังกฤษ แต่จำต้องถอนทัพกลับเสียก่อน)
(รูป ฮูลากูข่าน ถูกสถาปณาเป็นจักพรรดิคอนแสนติน(คริสต์ ออร์โธดอกซ์)คนใหม่หลังยึด ตุรกีร์หรือคาบสมุทรอนาโตเลียทั้งหมดในปัจจุบันได้)
ผลสรุปการบุกยุโรปคือ กองทัพมองโกลบุกไปถึงออสเตรีย ยูโกสลาเวีย เกาะครีต
ขณะทำสงครามกับพวกคริสเตียน มีทหารมองโกลเสียชีวิตด้วยไข้ทรพิษ แทนที่จะฝังศพตามประเพณี
ทหารมองโกลกลับมีความคิดสุดบรรเจิด ด้วยการยิงศพคนตายเข้าไปในเมืองทำให้คนยุโรปต้องตายไป 1 ใน 3 ของตอนนั้น
จากการระบาดของกาฬโรคไปทั่วยุโรปในเวลาต่อมา(อีกกระแสหนึ่งกล่าวว่า กาฬโรคระบาดจาก ทหารครูเสดที่กลับจากสงคราม )
(รูป โอโตไกข่านสูงสุด)
โอโตไกข่านสูงสุดนำกองทัพผสมมุสลิมเข้ายึดประเทศจีน และเกาหลีทำลายจักรวรรดิจิน(เผ่าจินซึ่งรุกไล่รางวงศ์ซ่งจนหนีไปทางใต้) จนล่มสลาย
แม้จะมีปราการธรรมชาติคือ แม่น้ำแยงซีเกียง แต่โอโตไกข่าน ก็มานะต่อเรือและผลิตปืนใหญ่จำนวนมหาศาล ลบคำสบประมาททหารจีนว่า “พวกมองโกลรบทางน้ำไม่เป็น”
เพราะได้ความรู้ด้านวิศวกรรมจากโลกอิสลามทำให้ พวกมองโกลทำเรือรบติดปืนใหญ่อำนาจทำลายล้างสูงได้
กองทัพโอโตไกกลืนทิเบต และทำลายอาณาจักรน่านเจ้าของคนไทยจนหายไปจากแผนที่โลกนับจากนั้น
แต่แล้ว.... โอโตไกข่านสูงสุดกลับเสียชีวิตกะทันหันด้วย อหิวาห์ ประมาณว่าถ้าโอโตไกมีชีวิตอยู่อีก 20 ปี มองโกลจะครองโลกได้สำเร็จ
เพราะ หลังจากนั้น มองโกลก็ระส่ำระสายแย่งอำนาจเพราะความใหญ่โตเกินไปของจักรวรรดิ์ทำให้การ ดูแลไม่ทั่วถึงเกิดการ ฉ้อราษฎ์บังหลวงขึ้นมากมาย
และที่แย่กว่านั้นคือการแย่งชิงอำนาจกันเองของลูกหลานเจงกิสข่านนั้นเอง