'เปาวลี' สาวน้อยคนนี้เธอเกิดมาเพื่อร้องเพลง
เป็นดาวดวงใหม่ที่หลายคนกำลังจับตามอง สำหรับ เปา-เปาวลี พรพิมล สาวน้อยอายุ 19 ปี แห่งเมืองสุพรรณบุรี ผู้มารับบทเป็นราชินีลูกทุ่ง “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ในภาพยนตร์เรื่อง “พุ่มพวง” เพราะนอกจากรูปร่างหน้าตา และน้ำเสียง ที่ใครหลาย ๆ คนบอกว่าคล้ายกันชนิดถอดแบบแล้ว เส้นทางในการตามหาความฝันของเธอก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ว่าแล้วเราไปทำความรู้จักเธอให้มากขึ้นกันเลยดีกว่า
ตั้งแต่ถ่ายหนังเสร็จจนมาถึงวันนี้ชีวิตเราเปลี่ยนไปเยอะไหม?
“เปลี่ยนไปบ้างค่ะ แต่การดำเนินชีวิตก็ปกติ เพียงแต่ว่ามีคนรู้จักเรามากขึ้น มีคนจำเราได้ แต่เราก็ยังมีขึ้นรถเมล์บ้าง เดินตามท้องถนนทั่วไป”
ยังขึ้นรถเมล์อยู่หรอ?
“ยังขึ้นอยู่ค่ะ เวลาไปใกล้ ๆ ไปกินข้าวก็ขึ้นรถเมล์ไป ถามว่าอายไหม ก็ไม่อาย เป็นปกติค่ะ เราก็ยิ้ม ๆ แล้วก็หวัดดีเขา บางคนแอบถ่ายรูปก็มี”
ที่สุพรรณบุรีเป็นยังไงบ้าง มีคนมาทักพ่อกับแม่เยอะไหม ว่าลูกสาวดังใหญ่แล้ว?
“มีคนชอบไปทักพ่อ มาที่ร้านแล้วบอกว่า อ๋อ...เนี่ยเหรอร้านน้องเปา หนูว่าพ่อก็คงปลื้มมาก แต่เขาไม่ได้บอกให้หนูรู้ ก็จะบอกแค่ว่าทำให้เต็มที่ ตั้งใจทำงานนะ”
มีแต่คนบอกว่าเราหน้าเหมือน “พุ่มพวง” มาก?
“จริง ๆ หนูว่าถ้าไม่ได้แต่งตัวแบบในหนังก็คงไม่เหมือน อาจจะเป็นเพราะเสื้อผ้าหน้าผมในหนังเขาทำออกมาได้คล้ายที่สุด แต่ตัวจริงเราก็ยังเป็น เปาวลี”
คิดว่าเส้นทางชีวิตเรากับแม่ผึ้งคล้ายกันไหม?
“คิดว่าคล้าย ๆ กันในเรื่องของการมีความฝันว่า อยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็ก แล้วเราก็มุ่งตามความฝันเรา อย่างเดียวเลยว่าเราอยากเป็นนักร้อง แล้วก็ทำได้ หนูคิดว่าใกล้เคียงกันตรงนี้ แต่อุปสรรคอาจจะไม่คล้ายกัน เพราะเรามีพ่อแม่คอยสนับสนุน”
ในหนังเล่นฉากเลิฟซีนกับพี่ป๋อเขินมั้ย?
“เขินมาก (หัวเราะ) พี่ป๋อก็แซวว่าเป็นท่อนไม้เลยนะ ก็ดีที่พี่ป๋อคอยอยู่ข้าง ๆ คอยสอน เขาจะสอนเทคนิคตลอดทุกฉาก ว่าอันนี้ควรทำอย่างนี้นะ ถามว่าฉากไหนเขินที่สุดก็คงเป็นฉากในทีเซอร์ ที่นอนกอดกัน คือเราต้องเล่นเป็นสามีภรรยากัน แต่หนูไม่เคยเข้าไปใกล้ใครขนาดนั้น (ยิ้ม) แล้วพี่ป๋อเป็นดาราดังด้วย ดูผลงานพี่เขามาตลอด ไม่นึกว่าครั้งหนึ่งในชีวิต เราจะได้มาใกล้ชิดอะไรขนาดนี้ ตอนนั้นก็แอบคิดว่าทำไมไม่คัตสักที มันรู้สึกจั๊กจี้ ต้องเล่นทั้ง ๆ ที่มีกล้อง มีคนมาดู แม่ก็จ้องมอนิเตอร์อยู่ แต่พี่ป๋อก็มาขอโทษแม่ ขอโทษหนูก่อน พี่เขาเป็นสุภาพบุรุษมากค่ะ”
มีคนมาจีบบ้างหรือเปล่า?
“ยังไม่มีเลย แต่เคยแอบชอบเด็กในโรงเรียน แต่เขาไม่รู้ เราแอบเห็นว่าเขาเก่ง ดูดี เราก็ชอบ แต่คือตอนนี้หนูไม่ได้คิดเรื่องผู้ชายหรือเรื่องแฟนเลย แค่จะทำงานทุกวันให้เต็มที่ อยู่กับแม่ดีกว่า แม่บอกว่าอายุ 30 ค่อยมีแฟน (หัวเราะ) แต่ยังไม่เคยถามแม่เลยว่าอยากได้แบบไหน แต่เราก็แค่อยากเจอคนที่นิสัยดี จริงใจ แค่นั้นพอ”
พอเข้าวงการมาแล้วต้องปรับลุคตัวเองเยอะไหม?
“ตอนอยู่สุพรรณบุรีอีกแบบหนึ่งเลย จะสไตล์แนวบ้าน ๆ เข้ามากรุงเทพฯแรก ๆ ก็ยังไม่ถนัดเรื่องการแต่งตัวเท่าไหร่ แม่ก็ช่วยดูให้ในเรื่องของกาลเทศะ แล้วพอได้มาอยู่แกรมมี่โกลด์ ก็ได้มีการปรับลุค พอได้มาเล่นหนัง แล้วไปโปรโมตตามที่ต่าง ๆ ทีมงานก็เริ่มหาชุดให้ แต่ถ้าเป็นตัวจริงของหนูจะแต่งตัวสบาย ๆ เลย ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อคอกลม หนูเป็นคนไม่รู้จักแบรนด์เลย คนอื่นอาจจะต้องเสื้อยี่ห้อนั้น ยี่ห้อนี้ แต่หนูไม่มีเลย แต่เข้าใจว่าพอมาอยู่วงการอาจมีบ้างที่เราต้องทำความรู้จัก ต้องรู้ไว้ แต่คงไม่ได้ตามกระแส ตามเทรนด์อะไรขนาดนั้น เพราะเราไม่ใช่คนฟุ่มเฟือย”
เชื่อไหมว่าที่เรามาอยู่ตรงนี้ได้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะดวง?
“เชื่อนะคะ เพราะตอนหนูประกวด “คว้าไมค์คว้าแชมป์” ของ ช่องแฟนทีวี ก่อนที่จะได้แชมป์ออฟเดอะเยียร์ มันตรงกับวันที่หนูต้องสอบเอนทรานซ์พอดี หนูต้องเลือกว่าจะไปร้องเพลงรอบสุดท้ายหรือจะไปสอบดี แล้วหนูก็เลือกที่จะไปประกวดร้องเพลงรอบสุดท้ายไม่ได้ไปสอบเหมือนคนอื่นเขา แต่เหมือนโชคช่วยด้วย เพราะเราก็ได้แชมป์ตรงนี้มา เหมือนชีวิตก็ดีมาเรื่อย ๆ ผู้ใหญ่ได้เห็นเราจากเวทีประกวดเลยทำให้ได้เข้ามาอยู่แกรมมี่ ทำให้เราได้มาเล่นหนัง ก็นอนคิดมาตลอดเหมือนกันว่า ถ้าประกวดแล้วไม่ได้แชมป์ แล้วก็ไม่ได้สอบอีกคงไม่รู้จะทำยังไง”
แล้วตอนนี้เรียนอยู่ที่ไหน?
“ตอนนี้เรียนอยู่คณะมนุษยศาสตร์สื่อสารมวลชน ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยรามคำแหงค่ะ แต่ตอนนี้มีงานทุกวันเลย เราก็พยายามไปสอบให้ได้มากที่สุด ให้ได้ครบที่สุด แล้วตอนสอบเราก็จะอ่านหนังสือ ทำแต่ละวิชาให้ดี ก็พยายามให้จบเหมือนกับเพื่อน ๆ คนอื่นเขา”
เคยคิดไหมว่าถ้าเรียนจบมาแล้วไม่ได้มาเป็นนักร้องจะทำอะไรต่อ?
“มีแอบคิดบ้าง คนเรามันอาจจะไม่ได้ดั่งฝัน ก็แอบคิดว่าถ้าเราไม่ได้มาทำตรงนี้อาจจะช่วยพ่อแม่ทำธุรกิจไปเรื่อย ๆ แต่มันก็ไม่ใช่เป้าหมายเรา เพราะเรามุ่งมั่นตรงนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ เวลาเขียนสมุดพกของโรงเรียนก็จะเขียนว่าอยากเป็นนักร้อง เป็นนักร้อง มาเรื่อย ๆ เลย ไม่เขวเลย (หัวเราะ) จริง ๆ หนูก็เรียนสายวิทย์-คณิตมา แต่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ทางของเรา ถ้าไม่เป็นนักร้องก็คงเป็นครูสอนร้องเพลง”
นอกจากเพลงลูกทุ่งแล้วร้องเพลงไทยสากลได้ไหม?
“ชอบฟังนะคะ แต่เวลาร้องมันจะกลับมาลูกทุ่งเอง หนูก็พยายามร้องสตริงให้เพื่อน ๆ ที่โรงเรียนฟัง เพื่อนจะบอกว่าหยุดเถอะ มันกลับมาลูกทุ่งอีกแล้ว (หัวเราะ) อาจเพราะเราชินกับการร้องสำเนียงลูกทุ่ง เวลาเราไปร้องสตริงมันก็เลยมีการร้องที่เป็นลูกทุ่งบ้าง เพื่ิิิิอนก็ขำกัน แต่จริง ๆ หนูก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไป ชอบฟังเพลงเกาหลี ชอบซีรีส์เกาหลี ก็ได้ดูบ้าง แล้วก็เอามาปรับใช้กับการแสดงของเราบนเวทีด้วย เอามาเต้นอะไรแบบนี้
เปาคิดยังไงที่เด็กสมัยใหม่ไม่ค่อยชอบเพลงลูกทุ่ง?
“จริง ๆ มันก็มีหลากหลายค่ะ อย่างตอนนี้ที่เห็นตามเวทีประกวด ตามเวทีโชว์ คนรุ่นเดียวกับหนู หรืออาจจะเด็กกว่าก็หัน มาประกวดร้องเพลงลูกทุ่งมากขึ้น หนูเชื่อว่าเพลงลูกทุ่งมันอยู่กับทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าใครมีความสามารถหรือพรสวรรค์ในด้านนี้ ก็เอาออกมาโชว์”
เซ็นสัญญากับแกรมมี่โกลด์ตั้งแต่เมื่อไหร่?
“เซ็นสัญญาได้แค่ 2 อาทิตย์ก็ได้มาแคสติ้งหนัง เลยเหมือนมีโอกาสได้ทำงานหนังก่อน แต่จริง ๆ เป้าหมายเราคือทำเพลง ตอนนี้เพลงประกอบภาพยนตร์ก็วางแผงแล้ว หลังจากหนังเสร็จก็จะมีอัลบั้มเดี่ยว ปลายปีนี้น่าจะได้ดูกัน ครูเพลงบอกว่าเป็นแนวใหม่ น่าจะได้เห็นสไตล์ของเปาวลีมากขึ้น เป็นตัวเรามากขึ้น เปรี้ยว ๆ ซน ๆ สาวกว่านี้”
เคยฝันไหมสักวันหนึ่งจะมีคอนเสิร์ตใหญ่เป็นของตัวเอง?
“มันก็มีฝันบ้าง เพราะว่าบ้านหนูที่สุพรรณบุรี จะมีคอนเสิร์ตประจำปีบ่อยมาก แล้วพี่ ๆ ศิลปินก็มาจากหลายค่าย เราเลยรู้สึกว่าอยากขึ้นเวทีใหญ่ ๆ แบบนี้บ้างจัง ถ้าสักวันหนึ่งเราได้ขึ้นเวทีแบบนี้ ได้เห็นคนดูเยอะ ๆ แบบนี้คงจะดี แต่เราก็ต้องดูแฟนเพลงด้วยว่าให้การต้อนรับเราขนาดไหน ตอนนี้เหมือนมันเพิ่งเริ่มด้วย เราก็ขอเก็บประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ ก่อน”
หลายคนมองว่าเราอาจจะต้องมาเป็นราชินีลูกทุ่งคนต่อไป?
“ไม่อยากให้คาดหวัง แต่อยากให้ติดตามผลงานไปเรื่อย ๆ เพราะหนูเพิ่งจะเข้ามาอยู่ในวงการนี้ แล้วเพิ่งจะทำงานแรกด้วย ก็อยากจะให้ทุกคนค่อย ๆ เห็นความสามารถ แต่หนูก็จะทำผลงานทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็นอัลบั้มเพลง หรือผลงานอื่น ๆ ให้เต็มที่ที่สุด”
ไม่มีใครรู้ว่าเส้นทางความฝันของเปาวลีจะขึ้นไปสูงสุดถึงขนาดเป็นราชินีลูกทุ่งหญิงคนต่อไปหรือไม่ แต่สิ่งที่เราสัมผัสได้คือเธอมีพรสวรรค์และพรแสวงอยู่ในตัวอย่างเต็มเปี่ยม เพราะฉะนั้นเราเชื่อเหลือเกินว่าในอนาคตเธอจะเป็นศิลปินหญิงที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งของเมืองไทยอย่างแน่นอน