วันที่ 29 ก.ค. ไชน่าเดลี่รายงานความคืบหน้าเหตุการณ์รถไฟความเร็วสูงของจีนชนกันที่เมืองเหวินโจว มณฑลเจ้อเจียง ทางภาคตะวันออก ว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 40 ราย ทางการประกาศเพิ่มเงินชดเชยให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเดิม 2 เท่าเป็น 4 ล้านบาท คาดว่าเพื่อบรรเทากระแสโกรธแค้นของญาติพี่น้องของเหยื่อในเหตุการณ์ ส่วนเงินชดเชยครอบครัวผู้บาดเจ็บยังอยู่ระหว่างการประเมิน
สื่อมวลชนของจีนรายงานด้วยว่า การรอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์ของเด็กหญิงเซียง เหว่ยยี่ วัย 2 ขวบ ทำให้สื่อตั้งฉายาให้ว่า "หนูน้อยอภินิหาร" พร้อมระบุว่าเป็นพลังแห่งความหวังในช่วงที่คนจีนทั้งประเทศกำลังเสียขวัญ ผู้คนต่างพากันเห็นใจที่เด็กเสียทั้งพ่อและแม่ในอุบัติเหตุครั้งนี้และลุ้นให้อาการของหนูน้อยดีขึ้นโดยเร็ว
นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า เดินทางไปเยี่ยมเหว่ยยี่ที่โรงพยาบาล เพื่อปลอบขวัญและกำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลอย่างดี โดยแพทย์ยืนยันจะไม่ตัดทิ้งขาซ้ายของเด็กแม้แผลเหวอะหวะ
หนูน้อยเหว่ยยี่รอดตายได้จากการค้นหาของเส้า เย่หรง นายตำรวจและทีมที่ยืนกรานจะขอค้นหาต่อ โดยใช้เครนยก ตู้รถไฟออก ทั้งที่หน่วยกู้ภัยประกาศว่าไม่พบสัญญาณการรอดชีวิตในที่เกิดเหตุแล้ว จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์หนักว่าทางการหละหลวมในการค้นหาผู้รอดชีวิต
หลู จองหง หัวหน้าทีมกู้ภัยในกรุงปักกิ่งซึ่งเคยมีผลงานกู้ภัยในเหตุแผ่นดินไหวเหวินฉวนปี 2551 และแผ่นดินไหว หยูชู ปี 2553 กล่าวว่า ควรจะค้นหาผู้โดยสารในซากรถไฟและระบุตัวทีละคน เนื่องจากผู้โดยสารต่างก็ให้ข้อมูลไว้ตอนซื้อตั๋ว เหตุใดทีมที่ปฏิบัติงานจึงหมดหวังง่ายๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ การกู้ภัยนั้นเป็นงานที่ต้องทำแข่งกับเวลา ช่วง 72 ชั่วโมงแรกถือเป็นนาทีทอง