วัชรินทร์ วิชิรมาลา
จนถึงทุกวันนี้ก็ยังมีข่าวครหาว่าอะพอลโล 11 ไม่ได้ไปลงดวงจันทร์จริง และนีล อาร์มสตรองก็อาจไม่ได้ไปเหยียบดวงจันทร์ในวันนั้น เราจะวิเคราะห์เรื่องนี้ด้วยการวิเคราะห์ถึงประเด็นใหม่อีกอันด้วยฟิสิกส์ และคณิตศาสตร์ง่ายๆ
หลังจากการถ่ายทอดสดการลงเหยียบดวงจันทร์ของนักบินอวกาศและยานอะพอลโล 11 เสร็จสิ้น เสียงครหาก็ดังขึ้นเรื่อยๆ บ้างก็ว่าเป็นภาพจากการถ่ายทำบนโลก ไม่มีการไปจริง ข้อหาที่เบาที่สุดก็คือมีการไปจริงแต่สัญญาณถ่ายทอดไม่สำเร็จเลยต้องใช้เทป จากการถ่ายทำบนโลกออกอากาศกู้หน้าไปก่อน
ฝ่ายกล่าวหาก็รวบรวมข้อมูลโจมตีประเด็นต่าง ๆ ส่วนฝ่ายโต้ตอบก็แสดงหลักฐานและแย้งประเด็นโจมตีต่าง ๆ จนเมื่อประมาณสิบปีก่อนผมก็ได้อ่านข้อสรุปจากสองฝ่ายอันหนึ่งซึ่งน่าสนใจ มาก เป็นรายงานพิเศษเรื่อง “เราไปมาแล้วจริงๆ : จับผิดคนจับโกหก” โดยวิษณุ เอื้อชูเกียรติ ลงที่สมาคมดาราศาสตร์ไทย http://thaiastro.nectec.or.th/news/2002/special/moonhoax.html
โดยมีการตอบโต้กันในประเด็นต่อไปนี้
1. ดวงจันทร์ไม่มีบรรยากาศ ไม่มีเมฆ ทำไมในฉากหลังของทุกภาพมีแต่ฟ้ามืดๆ ไม่เห็นดาวสักดวง ถ้าเป็นบ้านเรา ฟ้าใสอย่างนี้ต้องเห็นดาวเต็มฟ้าไปแล้ว
2. ทำไมธงถึงโบกสะบัดอยู่ได้ ทั้งๆ ที่บนดวงจันทร์ไม่มีลม ธงควรจะลู่ลงกองกับเสามากกว่า และถ้าดูให้ดีจะเห็นว่า ขอบบนของธงชาติไม่สะบัดพลิ้ว ดูเหมือนแขวนอยู่บนราว ซึ่งถ้าเป็นราว ธงก็น่าจะห้อยลงมาเป็นแผ่น ไม่น่าจะสะบัด
3. แหล่งกำเนิดแสงสำหรับภาพจากดวงจันทร์ทุกภาพคือดวงอาทิตย์ นาซาบอกว่าไม่มีใครเอาไฟถ่ายรูปไปใช้ แต่ทำไมภาพที่ออกมาบางทีเงาคนที่สูงเท่ากัน กลับมีเงายาวไม่เท่ากัน หรือเห็นเงาทอดไปในหลายทิศทาง ราวกับมีไฟสปอตไลต์ส่องหลายดวง
4. วัตถุในเงามืดควรจะดำมืด เพราะไม่มีแสงสว่างอื่นนอกจากดวงอาทิตย์ แต่วัตถุนั้นกลับสว่างจนเห็นรายละเอียด จะว่ามีแสงกระเจิงจากชั้นบรรยากาศมาช่วยก็ไม่ใช่ ต้องมีคนไปถือแผ่นสะท้อนแสงลบเงาแน่ๆ
5. รอยเท้าของมนุษย์อวกาศดูไม่น่าจะเป็นไปได้ แม้เขาจะสวมชุดอวกาศที่หนักถึง 82 กก. แต่ดวงจันทร์มีแรงโน้มถ่วงเพียง 1 ใน 6 ของโลก จึงน่าจะเบามากจนไม่น่าจะเหยียบพื้นให้เป็นรอยได้ขนาดนั้น หรือถ้าเป็นรอยก็ไม่ควรจะคงรูปอยู่เหมือนกับเหยียบทรายเปียก ควรจะเลือนไปทันที เหมือนเหยียบทรายแห้ง
6. บริเวณที่ยานลงจอดน่าจะมีหลุมใหญ่เนื่องจากแรงไอพ่นที่ต้องพยุงยานน้ำหนัก กว่า 10 ตัน แต่ที่เห็นกลับดูเหมือนเอายานบรรจงวางลง รอบยานยังเป็นพื้นราบปกติ แถมมีฝุ่นหนาที่ควรจะถูกไอพ่นเป่ากระเจิงไปหมด
7. ภาพถ่ายอัลดริน ถ่ายโดยอาร์มสตรอง เห็นได้ชัดว่าถ่ายจากระดับสายตา แต่ในภาพจะเห็นว่าทุกคนถือกล้องที่ระดับหน้าอก ดังนั้นความจริงต้องมีตากล้องอีกอย่างน้อย 1 คน ซึ่งคงเป็นคนถ่ายวิดีโอตอนที่อาร์มสตรองลงจากยานเป็นครั้งแรกด้วย
8. ภาพถ่ายที่บอกว่าถ่ายจากสถานที่ 2 แห่ง ทำไมดูเหมือนกับถ่ายอยู่ในจุดเดียวกัน เพราะฉากหลังเหมือนกัน เปลี่ยนแต่ข้าวของข้างหน้าเท่านั้น
9. รถที่ใช้บนดวงจันทร์ใหญ่เกินกว่าจะเอาขึ้นไปในยานลงดวงจันทร์ได้ หรือถ้าเอาขึ้นไปได้ ก็สูบลมยางไม่ได้ เพราะยางจะระเบิดทันทีเมื่อแรงดันในยางเจอสุญญากาศ
10. กากบาท (crosshair) อย่างที่เห็นในภาพถ่ายทุกภาพ เป็นของเติมเข้าไปทีหลัง เพราะบางทีเราจะเห็นคนเติมเส้นทำพลาด ทำเส้นแหว่งหายไปอยู่หลังวัตถุ ดังในภาพ
11. การเดินทางไปดวงจันทร์ต้องผ่านแถบรังสีแวน อัลเลน ซึ่งเป็นแถบรังสีความเข้มข้นสูงที่ล้อมอยู่รอบโลก ไม่มีทางที่มนุษย์อวกาศจะรอดชีวิตจากแถบรังสีนี้ไปได้ ดังนั้นไม่เคยมีใครไปดวงจันทร์
12. ถ้ามนุษย์เคยไปเหยียบดวงจันทร์ และทิ้งอุปกรณ์ไว้มากมาย ทำไมกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลจึงไม่เคยส่องเห็นของพวกนั้นเลย
วันนี้ผมจะมาเติมอีกประเด็นที่เคยได้ยินมา มีคนว่าเทปของการถ่ายทอดสดนั้น เมื่อนำมาเล่นให้เร็วกว่าปกติ ก็จะเป็นเหมือนการเดินและวิ่งบนโลกนี่เอง ฝ่ายกล่าวหาชี้ว่านี่เป็นการถ่ายทำบนโลกและนำไปเล่นแบบช้าๆ เราจะวิเคราะห์คำกล่าวหานี้ด้วยเรื่องการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์
สมการที่เราคุ้นเคยสำหรับการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์คือ
dx = vx t
และ
dy = y0 + vy t – t2
เมื่อ dx และ dy คือการขจัดในแนวนอนและตั้ง t คือเวลาที่ผ่านไป y0 คือระดับความสูงเริ่มต้น vx และ vy คือความเร็วในแนวนอนและตั้ง และตัวสำคัญคือ g ซึ่งเป็นค่าคงที่จากแรงโน้มถ่วงของโลก ซึ่งมีค่าประมาณ 9.8 ม/ว2
สำหรับบนดวงจันทร์นั้นค่าคงที่จากแรงโน้มถ่วงมีค่าประมาณหนึ่งในหกของค่าบน โลก ทำให้การเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนดวงจันทร์ในแนวตั้งเป็น
dy = y0 + vy t – t2
ถึงตรงนี้ก็ชักเริ่มน่าคิดนะครับว่ามันจะใช้ความเร็วในการเล่นเทปกี่เท่าถึง จะได้ภาพหลอกตาได้ ซึ่งมองผ่านๆ ก็อาจคิดว่ามันไม่น่าทำได้เพราะดูการขจัดในแนวตั้งมันมันไม่ขึ้นกับเวลาใน แบบเชิงส้น ดังนั้นคนกล่าวหาก็อาจถูกนะครับว่าเทปถ่ายทอดสดที่เล่นเร็วขึ้นมันเหมือนการ เคลื่อนที่บนโลกน่าจะเป็นหลักฐานว่าการลงดวงจันทร์เป็นเรื่องแหกตา
ทีนี้เราลองมาวิเคราะห์การเร่งภาพจากเทปถ่ายทอดสดนะครับ เริ่มจากการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนดวงจันทร์ด้วยความเร็วต้น vx และ vy ก็จะได้
dx = vx t และ dy = y0 + vy t – t2
ทีนี้ก็ลองมาเร่งเร่งอัตราเร็วเทปเป็น t นั่นเอง
สมการก็จะกลายเป็น
dx = vx t)2
เมื่อจัดรูปใหม่ก็จะได้
dx = vx t2
ซึ่งก็ตีความได้ว่าภาพมันจะเป็นเหมือนการเคลื่อนที่บนโลกด้วยความเร็วต้น เท่า ก็จะได้การเคลื่อนที่แบบโปรเจกไตล์บนดวงจันทร์เช่นกัน
ก็สรุปได้ว่าคำกล่าวหาเรื่องการเร่งอัตราเร็วในการเล่นเทปก็ตกไปอีกอัน แต่ก็ยังเป็นที่น่าคิดน่าพิสูจน์ต่อไปว่าเรื่องแรงดลจากการกระโดดมันสามารถ เร่งให้เหมือนกันได้หรือไม่ ซึ่งผมคิดว่าไม่ได้ และก็มีเพื่อนนักฟิสิกส์บางคนก็ให้ความเห็นว่าไม่น่าได้ เป็นการบ้านให้ไปคิดเล่นๆ กันนะครับ