นอร์เวย์ระส่ำ ระเบิด-กราดยิงตาย 87 ศพ

 

 

 

 

 

นอร์เวย์ระส่ำ ระเบิด-กราดยิงตาย 87 ศพ

 

 

ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุลอบวางระเบิดอาคารที่ทำการรัฐบาลนอร์เวย์ และการกราดยิงที่ค่ายฤดูร้อนเยาวชน เพิ่มเป็นอย่างน้อย 87 ราย โดยผู้ต้องสงสัยเป็นชาวนอร์เวยวัย 32 ที่โพสต์ข้อความต่อต้านมุสลิมทางออนไลน์ แต่เร็วเกินไปที่จะระบุว่าเรื่องนี้เป็นแรงจูงใจให้ผู้ต้องสงสัยลงมือหรือไม่ สถานีโทรทัศน์ช่อง 2 รายงานว่าผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มหัวรุนแรงเอียงขวาและจดทะเบียนว่าครอบครองอาวุธ 2 อย่าง

เหตุระเบิดอาคารที่ตั้งสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลางกรุงออสโล เกิดขึ้นก่อน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย และบาดเจ็บสาหัส 9 ราย จากนั้นพักหนึ่งได้มีรายงานการกราดยิงที่เกาะซึ่งเยาวชนไปเข้าค่ายฤดูร้อน โดยตำรวจกล่าวว่ามีเหตุผลที่ดีที่จะเชื่อว่าเหตุการณ์ทั้งสองมีความเชื่อมโยงกัน

นอกจากนั้น ตำรวจยังเกรงว่าอาจมีการวางระเบิดไว้บนเกาะ และยอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นหลังการค้นหาผู้ถูกยิงที่ค่ายฤดูร้อน บนเกาะนอกกรุงออสโล การเข้าค่ายดังกล่าวจัดโดยพรรคแรงงานของนายกรัฐมนตรีเจนส์ สโตลเทนเบิร์ก ซึ่งนายสโตลเทนเบอร์กมีกำหนดไปกล่าวปราศัยต่อเยาวชน 560 คนที่เข้าค่ายในวันนี้

เหตุร้ายที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าหน้าที่เพิ่มการรักษาความปลอดภัยตามจุดอื่นๆ ในประเทศ ที่อาจตกเป็นเป้าหมาย

ขณะที่โฆษกตำรวจกล่าวว่ามีผู้เห็นรถยนต์คันหนึ่งแล่นออกไปด้วยความเร็วสูงก่อนเกิดระเบิดอาคารที่ทำการรัฐบาล แต่ไม่ได้ยืนยันว่าการระเบิดมีสาเหตุจากการลอบวางระเบิดไว้ในรถยนต์

เหตุการณ์ครั้งนี้นับว่าร้ายแรงที่สุดในยุโรปตะวันตกตั้งแต่เกิดการลอบวางระเบิดรถไฟในกรุงมาดริด ประเทศสเปน เมื่อปี 2547 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 191 ราย บาดเจ็บ 2,000 คน

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีผู้เล่าเหตุการณ์กราดยิงบนเกาะ ว่าวัยรุ่น 7 คนตกใจกระโดดลงน้ำเมื่อมือปืนเปิดฉากยิง วัยรุ่นหญิงวัย 15 ปีคนหนึ่งเล่าว่าได้ยินเสียงปืน จากนั้นก็เห็นตำรวจเลยคิดว่าปลอดภัย แต่ปรากฏว่าคนร้ายที่ปลอมตัวเป็นตำรวจยิงคนต่อหน้าต่อตาเธอ โดยตอนแรกคนร้ายกราดยิงคนที่อยู่บนเกาะ แล้วก็หันไปยิงคนที่อยู่ในน้ำ เธอรอดมาได้เพราะไปแอบอยู่หลังก้อนหินก้อนเดียวกับที่คนร้ายยืนอยู่

"ฉันได้ยินเสียงหายใจหอบของคนร้าย ที่ยืนอยู่บนก้อนหิน" วัยรุ่นรายนี้เล่า พร้อมเสริมว่าจำไม่ได้ว่าแอบอยู่กี่นาทีกว่าคนร้ายจะหยุดยิง

วัยรุ่นอีกคนหนึ่งเล่าว่าวิ่งไปหลบใต้เตียงของอาคารแห่งหนึ่งในโรงเรียนทันทีที่มีการกราดยิง โดยมีช่วงหนึ่งที่ได้ยินเสียงปืนดังเข้ามาใกล้อาคารมาก และคิดว่าได้ยินเสียงยิงปืนเข้ามาในอาคารทำให้คนที่หลบอยู่ห้องข้างๆ กรีดร้องเสียงดัง วัยรุ่นคนนี้หลบอยู่ใต้เตียง 2 ชั่วโมงกว่าตำรวจจะเข้าไปช่วย

"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง โดยเฉพาะในนอร์เวย์" วัยรุ่นคนนี้กล่าว

ส่วนเหตุระเบิดสถานที่ราชการกลางกรุงออสโลทำให้พื้นที่แถบนั้นเต็มไปด้วยเศษเหล็ก เศษกระจก และเอกสารปลิวว่อน ให้ภาพที่คล้ายสถานการณ์เมื่อครั้งวินาศกรรม 11 ก.ย. ในสหรัฐ โดยกระจกแทบทั้งหมดของอาคารความสูง 20 ชั้นซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักนายกรัฐมนตรีและที่ทำการรัฐบาล แตกละเอียด ส่วนตึกอื่นที่ได้รับความเสียหายก็เป็นที่ตั้งของหน่วยงานรัฐบาลและสำนักงานใหญ่หนังสือพิมพ์แถวหน้าของนอร์เวย์

เอียน ดัตตัน ซึ่งอยู่ในโรงแรมใกล้จุดระเบิด เล่าว่าฝุ่นควันเกาะเต็มเสื้อผ้าผู้คนที่เดินไปมาท่ามกลางเศษซาก ผู้คนไม่ได้แตกตื่น แต่ดูเหมือนไม่เชื่อว่าเกิดระเบิดและช็อค โดยเฉพาะในประเทศที่ปลอดภัยและเปิดกว้างอย่างนอร์เวย์ ซึ่งไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้

นายกรัฐมนตรีสโตลเทนเบิร์ก อยู่ที่บ้านช่วงเกิดระเบิดและไม่ได้รับอันตรายใดๆ โดยเขากล่าวภายหลังว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นฝีมือของคนขี้ขลาดที่กระทำต่อผู้บริสุทธิ

"ผมมีสารที่ต้องการบอกผู้ที่โจมตีเรา เป็นสารจากคนทั้งประเทศว่าคุณไม่สามารถทำลายประชาธิปไตยและเจตนารมย์ของเราที่มุ่งมั่นสร้างสิ่งที่ดีกว่าในโลกได้" นายกฯประกาศ พร้อมเสริมว่าไม่อยากคาดเดาว่ากลุ่มก่อการร้ายลงมือก่อเหตุครั้งนี้หรือไม่

สหรัฐ สหภาพยุโรป นาโต และอังกฤษรีบประนามการลอบวางระเบิด โดยประธานาธิบดีบารัก โอบามาแห่งสหรัฐ กล่าวว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ประชาคมโลกตระหนักว่าทุกคนต้องช่วยกันปกป้องเหตุร้ายทำนองนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก พร้อมแสดงความเสียใจกับชาวนอร์เวย์และเสนอความช่วยเหลือในการสอบสวน โดยโอบามากล่าวว่ายังจำได้ดีถึงการต้อนรับอย่างอบอุ่นของคนนอร์เวย์เมื่อครั้งเขาเดินทางไปรับรางวัลโนเบลในปี 2552

แม้ตำรวจไม่ได้คาดเดาว่าเหตุร้ายเป็นฝีมือกลุ่มใด แต่นอร์เวย์ต้องเผชิญแผนก่อการร้ายในประเทศที่เชื่อมโยงถึงเครือข่ายอัล ไกดา โดยมีผู้ต้องสงสัย 2 คนที่ถูกคุมตัว และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอัยการได้ตั้งข้อหาก่อการร้ายชายคนหนึ่งเกิดในอิหร่าน ฐานขู่เอาชีวิตมืองนอร์เวย์หากเขาถูกเนรเทศออกนอกประเทศ

ขณะที่อัล ไกดาเคยประกาศมาหลายปีแล้วว่าจะโจมตีนอร์เวย์ โดยนายอายแมน อัลซาวาห์รี มือขวาโอซามา บินลาเดนซึ่งเสียชีวิตไปแล้วจนปัจจุบันได้เป็นแกนนำกลุ่ม เคยขู่เมื่อปี 2547 ว่าจะโจมตีนอร์เวย์ ฐานเข้าไปมีส่วนร่วมในปฏิบัติทางทหารภายใต้การนำของสหรัฐในอัฟกานิสถาน จากนั้นนายอาบู ยาห์ยา อัลลิบิ ผู้วางแผนของกลุ่มอัล ไกดา ก็ขู่ซ้ำในปี 2549

อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐแสดงความเห็นว่าการที่นอร์เวยสนับสนุนปฏิบัติการนาโตในลิเบีย ทำให้นอร์เวย์มีศัตรูเช่นกัน

 

 

 

Credit: http://www.norsorpor.com/
23 ก.ค. 54 เวลา 14:47 4,181 10 110
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...