สั่งตาย "เจเอฟเค" ก่อนเปิดปูม "ยูเอฟโอ"
ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้.
ในบรรดาผู้นำสหรัฐอเมริกา คงไม่มีใครที่จะเจิดจ้าและอยู่ในความทรงจำของผู้คนได้มากเท่าอดีต ประธานาธิบดีคนที่ 35 “จอห์น เอฟเคนเนดี้” หรือ “เจเอฟเค” หนุ่มหล่อเฟี้ยวที่มีรอยยิ้มมัดใจสาวๆ แม้ว่ามรณกรรมอันน่าเศร้าของเขาจะผ่านมาเกือบครึ่งศตวรรษแล้วก็ตาม
หลังถูกลอบสังหารมีนักทฤษฎีสมคบคิดออกมาตั้งสมมติฐานมากมายเกี่ยวกับการตาย ของเจเอฟเค รวมถึงสมมติฐานที่หลุดโลกไปถึงขนาดที่ว่า เจเอฟเคอาจจะยังไม่ตายก็ได้ แต่ต้องแกล้งตายเพื่อหนีอะไรบางอย่าง แต่ถึงแม้จะมีทฤษฎีอะไรต่อมิอะไรออกมามากมาย คนส่วนใหญ่ก็น่าจะเชื่อว่า เจเอฟเคเสียชีวิตแล้วแน่ๆ แต่จะตายด้วยน้ำมือใคร นั่นยังเป็นข้อกังขา
แจ็ค รูบี้ บุกยิง ลี ออสวาลด์.
แต่ที่ฮือฮาในวันนี้คือ การเปิดเผยหลักฐานใหม่ ที่บ่งชี้ว่า อาจจะมีความเป็นไปได้ที่เจเอฟเคถูกสั่งให้ต้องตายเพราะบังอาจเข้าไปยุ่ง เกี่ยวกับยูเอฟโอ!!!
เรื่องเป็นมายังไง ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียล โดยทีมงานนิตยสารต่วย’ตูนจะพาไปดูกัน
แต่ก่อนอื่น ตามบันทึกอย่างเป็นทางการระบุว่า ในวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ.1963 ระหว่างที่กำลังนั่งรถเปิดประทุนมากับภรรยากลางเมืองดัลลัส กระสุนจากปืนไรเฟิลที่ถูกเหนี่ยวไกโดยลี ออสวาลด์ อดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐฯที่เคยปฏิบัติการในสภาพโซเวียต ก็พุ่งมาปลิดวิญญาณเจเอฟเคไปอย่างปัจจุบันทันด่วนและอีกไม่นานต่อมา ออสวาลด์ก็ต้องหยุดหายใจตามไปติดๆเพราะโดนกระสุนอีกนัดจากแจ็ค รูบี้ เจ้าของไนต์คลับแห่งหนึ่งที่ ออกมายิงใส่มือปืนผู้สังหารเจเอฟเคให้ตายตกไปตามกัน ก่อนที่รูบี้จะฆ่าตัวตายในช่วงติดคุกเพื่อรอดำเนินคดี ทำให้ภาพรวมทั้งหมดของคดีนี้พร่ามัวและถูกยกให้เป็นคดีประวัติศาสตร์ที่คน ทั่วโลกสงสัยว่าเหตุการณ์ทั้งหมดอาจจะเป็น “การจัดฉาก” สังหารผู้นำอย่างเหี้ยมโหดด้วยน้ำมือ “คนใน”
มีทฤษฎีมากมายว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังการตายของเจเอฟเค ผู้ต้องสงสัยมีเยอะแยะให้เลือกกล่าวหา เช่น คู่แข่งสำคัญในสงครามเย็นอย่างสหภาพโซเวียต หรือจะเป็นหน่วยสืบราชการลับกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (ซีไอเอ) ฯลฯ แต่ไม่ว่าเบื้องหลังจะเป็นอย่างไร มันยังคงเป็นปริศนา
ลี ออสวาลด์ มือปืนลอบสังหารเจเอฟเค.
แต่เมื่อเร็วๆนี้สื่อมวลชนหลายสำนักได้เปิดเผยเอกสารลับที่ถูกปิดตายมานาน เป็นเรื่องราวที่ทำให้เหล่านักทฤษฎีสมคบคิดได้ตาลุกและถูกปลุกให้ขึ้นมาตั้ง ทฤษฎีกันอีกครั้งว่า ซีไอเอนั่นแหละที่ “สั่งตาย” ประธานาธิบดีของตัวเอง
เอกสารที่ว่านี้เป็นเอกสารจากซีไอเอ ที่จำใจ ต้องเปิดเผยออกมาตามกฎหมายว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ เอกสารลับนี้มี 2 ฉบับ ฉบับแรกเป็นจดหมายจากจอห์น เอฟ เคนเนดี้ ที่ส่งไปถึงผู้อำนวยการซีไอเอ ซึ่งปะหัวจดหมายไว้เลยว่าลับสุดยอด แต่
ตอนนี้ก็ไม่ลับเสียแล้วส่วนฉบับที่2ถูกส่งออกไปถึงผู้บริหารขององค์การ บริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ลงวันที่วันเดียวกัน คือ วันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ.1963 หรือเพียง 10 วัน ก่อนจะถูกลอบสังหาร
ในจดหมายที่ส่งตรงถึงผู้อำนวยการซีไอเอนั้น เจเอฟเคบอกว่า ต้องการข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับยูเอฟโอ พูดง่ายๆคือ ผู้นำประเทศได้ออกคำสั่งให้หน่วยสืบราชการลับส่งมอบข้อมูลยูเอฟโอซึ่งเป็น หนึ่ง ในความลับสุดยอดของซีไอเอให้ท่านผู้นำได้ทราบ ซึ่งคงจะทำให้ผู้บริหารซีไอเอหนวดกระดิก เพราะว่ากันว่าเรื่องยูเอฟโอนั้นเป็นความลับที่แสนลับของซีไอเอ ขนาดที่ว่าแม้จะเป็นประธานาธิบดีก็ยัง ยากจะให้ดูได้ แล้วเจเอฟเค “กล้าดี” ยังไงมาขอ
จดหมายลับจากเจเอฟเคถึงซีไอเอ.
กล้าไม่กล้า จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ประธานาธิบดีหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าห้าวหาญและมีหัวคิดทันสมัย ก็ส่งจดหมายนั้นออกไปแล้วและย้ำอีกทีว่าหลังจากนั้นแค่ 10 วัน ท่านประธานาธิบดีก็ลาโลก!!
ส่วนจดหมายอีกฉบับหนึ่งที่ถูกส่งไปยังนาซานั้น เจเอฟเคได้แสดงความต้องการที่จะร่วมมือกับสหภาพโซเวียตในการทำงานด้านอวกาศ ด้วยกัน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ละเอียดอ่อนเพราะในขณะนั้นสหรัฐอเมริกาและ สหภาพโซเวียต กำลังแข่งขันชิงดีชิงเด่นในกิจการด้านอวกาศกันอย่างเข้มข้นแล้วจู่ๆจะมาบอก ว่า น่าจะร่วมมือกัน ก็อาจจะเป็นเรื่องที่เกินจะรับไหวสำหรับนาซา
มีรายงานว่า เจเอฟเคเริ่มให้ความสนใจในเรื่องยูเอฟโอไม่นานนัก ก่อนที่จะถูกลอบสังหาร และข้อมูลเกี่ยวกับความสนใจของอดีตประธานาธิบดีนี้ก็เป็นเหมือน “เชื้อเพลิง” อย่างดีในทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับเหตุผล ที่ทำให้เจเอฟเคต้องตาย
รายงานข่าวซึ่งอ้างอิง ความเห็นจากนักค้นคว้าเรื่องมนุษย์ ต่างดาวบอกว่า เอกสารที่ถูก เปิดเผยเหล่านี้ เป็นการเพิ่มน้ำหนัก ในการที่จะบ่งชี้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ว่า จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ถูกยิงจากคำสั่งของ “ใครบางคน” ที่ต้องการจะ “หยุด” ความพยายามในการเปิดเผยข้อมูลความจริงเกี่ยวกับยูเอฟโอและยังอาจจะเป็นการ “หยุด” ความ พยายามของเจเอฟเค ที่หันไปจับมือกับสหภาพโซเวียต คู่แค้นตัวฉกาจของประเทศ (ในขณะนั้น) ด้วย
เจเอฟเค ช่วงขณะก่อนถูกลอบสังหาร.
แต่หากมองในมุมของ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ เราน่าจะบอกได้ว่า ท่านผู้นำกำลังคิดจะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เพราะด้วยหัวคิดแบบคนรุ่นใหม่ เจเอฟเคไม่น่าจะชอบสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามจริงๆหรือสงครามเย็นและไม่อยากจะมีปัญหากับสหภาพโซเวียต มากไปกว่าที่มีอยู่
หนึ่งในความกังวลของเจเอฟเคก็คือ นอกจากจะมียูเอฟโอมาบินวนเวียนอยู่เหนือน่านฟ้าสหรัฐ อเมริกาแล้ว ในเวลาเดียวกัน ก็มียานบินอันไม่ปรากฏสัญชาติจำนวนมากไปร่อนอยู่เหนือสหภาพโซเวียต ด้วย ทำให้เจเอฟเควิตกว่า โซเวียตอาจจะตีความผิด คิดไปว่าบรรดายูเอฟโอเหล่านั้นเป็นยานบินของสหรัฐ อเมริกาที่จะมารุกรานโซเวียต จึงเชื่อได้ว่า เหตุผลที่จอห์น เอฟ เคนเนดี้ขอดูข้อมูลลับเรื่องยูเอฟโอ ก็เป็นเพราะอยาก จะเอาไปบอกกับสหภาพโซเวียตให้ชัดๆว่าไม่ใช่ยานบินของสหรัฐ อเมริกาแน่ๆ
แต่ความหวังดีของเจเอฟเคก็อาจจะทำให้มีผู้ที่อยู่ในมุมมืดไม่พอใจทำให้ ประธานาธิบดีหนุ่มต้องตายในเวลาอีกเพียง 10 วันต่อมา หลังการประกาศเจตจำนงของตัวเอง
นักทฤษฎีสมคบคิดยังมีหลักฐานอื่นที่จะมายืนยันแนวคิดนี้ด้วย นั่นคือ เอกสารที่มีการเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ มันเป็นเอกสารที่ถูกส่งจากบุคคลนิรนามที่อ้างตัวว่าทำงานในซีไอเอและส่ง เรื่องร้อนๆนี้ ไปให้ทิมโมธี คูเปอร์ นักล่ายูเอฟโอตัวฉกาจ
จดหมายลับของซีไอเอที่มีผู้ลักลอบนำออกมาจากการเผาทำลาย.
ซีไอเอนิรนามที่ส่งเอกสารมานี้ แนบจดหมายน้อยถึงคูเปอร์ด้วย โดยบอกว่า เขาได้เห็นเอกสารจำนวนหนึ่งที่เป็นเอกสารอันมีความอ่อนไหวกับ ความมั่นคงถูกเผาทำลายแต่เขาได้ดึงบางส่วนออกมา จากกองไฟแล้วลักลอบส่งให้คูเปอร์ในปี ค.ศ.1999 ทำให้มันถูกเรียกขานว่า “บันทึกที่ถูกเผา”
บันทึกที่อ้างว่ารอดมาจากกองไฟนี้มีอยู่ด้วย กัน 9 แผ่น หัวกระดาษทุกแผ่นมีตัวอักษรสีแดงเด่นชัดเขียนว่า TOP SECRET/MJ-12 หรือลับสุดยอด/ เอ็มเจ 12 และที่หน้าแรกก็เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นจดหมายที่ส่งออกมาจากผู้อำนวยการ ซีไอเอพร้อมระบุรหัสลับประจำตัวว่า เขาคือ เอ็มเจ 1
ส่วนคนที่ได้รับบันทึกนั้นเป็น “กลุ่มคน” ที่มีรหัสไล่เรียงกันไปตั้งแต่ เอ็มเจ 2,เอ็มเจ 3 เรื่อยไปจนถึงเอ็มเจ 7 โดยเนื้อหาสำคัญในบันทึกคือประโยคที่บอกว่า “แลนเซอร์” ได้ขอข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมของเราในเรื่อง “ไม่สามารถ” ให้ได้
อ่ะแล้วแลนเซอร์เป็นใครมาเกี่ยวอะไรกับเรื่อง นี้...ไม่เกี่ยวก็ต้องเกี่ยว เพราะแลนเซอร์เป็นรหัสลับที่ซีไอเอใช้ในการเรียกขานจอห์น เอฟ เคนเนดี้นั่นเอง!!
ดังนั้นบันทึกที่ถูกเผาและจดหมายที่เพิ่งได้รับ การเปิดเผยอย่างเป็นทางการจากซีไอเอก็เป็นเครื่องยืนยันซึ่งกันและกันว่า เจเอฟเคกำลังพยายามขอข้อมูลที่ซีไอเอ “ไม่สามารถ” ให้ได้
อย่างไรก็ตาม “บันทึกที่ถูกเผา” นั้นไม่ได้ลงวันที่ว่ามีการเขียนขึ้นเมื่อไหร่ ก็เลยไม่รู้แน่ว่าเป็น เอกสารที่เขียนขึ้นวันไหน แต่ได้มีนักวิชาการมาตรวจสอบด้วยหลักนิติวิทยาศาสตร์ เช่น ตรวจสอบกระดาษ หมึก ลายน้ำ ฯลฯ ทำให้คาดเดาได้ว่าเอกสารที่ถูกเผานี้ น่าจะถูกเขียนในปี ค.ศ.1963 ก่อนที่ประธานาธิบดีเคนเนดี้จะถูกยิงตาย
ถึงตรงนี้ ต้องแทรกเรื่องอื่นเข้ามาให้ท่านผู้อ่านได้ตื่นเต้นกันอีกเล็กน้อย นั่นคือ อย่างที่ได้บอกแล้วว่าผู้เขียนจดหมายใช้รหัสแทนตัวเองว่า เอ็มเจ 1 ซึ่งเปิดเผยตัวเองโจ่งแจ้งว่าเป็นผู้อำนวยการซีไอเอและมีพลพรรคเป็นเอ็มเจใน รหัสอื่นๆที่
ไม่รู้ว่าเป็นใครกันบ้างตามมาอีก แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือหัวเอกสารทุกฉบับประทับตราสีแดงเขียนคำว่า ลับสุดยอด/เอ็มเจ 12
แล้วเอ็มเจ 12 เป็นใครล่ะ...ก็ต้องบอกว่าไม่ได้เป็นใคร ไม่ได้เป็นคนสำคัญคนไหน แต่เหล่านักทฤษฎีสมคบคิดเชื่อกันมานานแล้วว่า เอ็มเจ 12 เป็นองค์กรที่ถูกตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1947 เพื่อสืบสวนเรื่องราวเกี่ยวกับ ยูเอฟโอ หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่ามียานบินของมนุษย์ ต่างดาวมา“หล่นปุ๊” โดยไม่ทราบสาเหตุที่รอสเวล
หากเราเหมา รวมว่านี่คือเรื่องของโครงการเอ็มเจ 12 ตามที่ปะไว้ที่หัวบันทึกทุกแผ่น ก็ทำให้เราฟันธงได้ว่า นี่ต้องเป็นเรื่องยูเอฟโอแน่ๆที่ “แลนเซอร์” หรือเจเอฟเคร้องขอ และกลุ่ม เอ็มเจ 12 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หัวหน้าใหญ่ในรหัสเอ็มเจ 1 บอกว่า หัวเด็ดตีนขาดก็ให้ไม่ได้
ในหน้าอื่นๆของบันทึกที่ถูกเผายังเขียนเรื่องสำคัญอีกหลายเรื่องที่อาจจะตี ความหมาย ยากเพราะเป็นการเขียนแบบรหัสลับที่รู้เฉพาะกลุ่ม แต่ที่น่า สนใจเป็นพิเศษอยู่ที่หน้าสุดท้ายของบันทึกนี้ ในบรรทัดท้ายสุด ที่มีการใช้คำว่า “ต้องเปียกแน่ๆ” และอันคำว่า “เปียก” นี้ เป็นคำที่รู้กันดีว่า มักจะถูกใช้เป็นรหัสลับเกี่ยวกับเลือด เป็น “คำฮิต” ในหมู่สายลับที่สื่อความหมายถึง “การฆ่า” และในที่นี้มันคือการสื่อสารถึง “การลอบสังหาร”
ตอนนี้เราไม่รู้ว่า ใครบ้างที่ใช้รหัสเอ็มเจ 2 ถึงเอ็มเจ 7 แต่เหล่านักคิดก็ปักใจเชื่อไปก่อนแล้วว่าทันทีที่พลพรรคสมาชิกของเอ็มเจ 12 ได้เห็น บันทึกนี้ ก็จะรู้ได้ทันทีว่า นี่คือ “ใบสั่งฆ่าประธานาธิบดี” ตามทฤษฎีที่ว่า เมื่อเจเอฟเคขอข้อมูลเกี่ยวกับ ยูเอฟโอ พวกซีไอเอก็จัดการ “กำจัด” ท่านประธานาธิบดีออกไป
อย่างไรก็ตาม คงต้องขอย้ำว่า บันทึกที่ถูกเผานี้เป็นเอกสารที่ยังไม่ได้มีการตรวจสอบว่าเป็นของจริงหรือ ปลอม แต่ด้วยหลักฐานใหม่ล่าสุดที่ออกมาจากซีไอเออย่างเป็นทางการทำให้เรา “เห็นชัด” ว่า เจเอฟเคสนใจเรื่องยูเอฟโอแน่ๆและอาจจะทำให้เรา “เชื่อ” ณ ขณะหนึ่งไปก่อนก็ได้ว่า ความสนใจนี้เป็นถนนที่นำไปสู่กระสุนนัดปลิดชีพและคงไม่แปลกหากจะขอเชื่อแบบ นี้ไปพลางๆ ก่อนที่จะมีหลักฐานใหม่ๆออกมาในอนาคต
ดังนั้น “ฆาตกร” ของวันนี้จึงมีชื่อว่า “ความสนใจในยูเอฟโอ”.