เซียวเล้งนึ้ง เทพธิดากระบี่คู่สายฟ้า(1)/ต่อพงษ์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
15 กรกฎาคม 2554 12:29 น.
สิ่งที่มีอยู่และทั้งยุทธภพในเรื่องมังกรหยกและลูกมังกรหยกยึดถือ เหมือนกันว่าเป็นมาตรฐานก็คือ สุดยอดจอมยุทธทั้ง 5 ที่มาประลองกันบนเขาฮั่วซัวเมื่อ 25 ปีก่อน ถือได้ว่าเป็นสุดยอดผู้มีฝีมือสูงสุดในยุคสมัยนั้น
ทวนกันอีกทีก็คือ 5 ผู้ยิ่งใหญ่จาก 5 ทิศคือ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคตะวันตก ประกอบไปด้วย กลางเทพเจ้าเฮ้งเต็งเอี๊ยง ยาจกอุดรอั้งชิกกง มารบูรพาอึ้งเอ๊ยะซือ ราชันย์ทักษิณต้วนทีเฮง และสุดท้ายก็คือพิษประจิมอาวเอี๊ยงฮง
ท่านผู้อ่านที่ไม่ได้อ่านอย่างละเอียดทราบไหมครับว่า การประลองครั้งนั้นเป็น “การประลองกระบี่” กิมย้งบอกไว้หลายครั้งมากกว่ามันคือการประลองกระบี่ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลกดีว่า คนที่เข้าร่วมประลองนั้นดูเหมือนเฮ้งเต็งเอี๊ยงคนเดียวที่ใช้กระบี่ ที่เหลือเป็นทีเด็ดเพราะอย่างอื่นทั้งสิ้น ยาจกอุดรใช้หมัดกับไม้เท้าตีสุนัข ราชันย์ทักษิณใช้พลังดรรชนีสุริยันต์ ซึ่งก็เหมือนปืนกระสุนพลัง พิษประจิมใช้เพลงไม้เท้าอสรพิษ ส่วนมารบูรพาใช้ขลุ่ยหยกที่แทนกระบี่ แถมใช้เพลงฝ่ามือที่ดัดแปลงมาจากท่ากระบี่
จุดนี้เองที่ทำให้ผู้อ่านจำนวนหนึ่งรู้สึกหงุดหงิด เพราะเรื่องราวของคนใช้กระบี่นั้นในมังกรหยกภาคก๊วยเจ๋งดูย่ำแย่เอามากๆ จะมีก็แค่ 7 นักพรตจากช่วนจินก้าเท่านั้น แต่วิทยายุทธของคนเหล่านี้กิมย้งก็ให้ภาพว่ามันเหนือกว่าธรรมดานิดหน่อย
เพราะเหตุนี้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ พอกิมย้งเขียนภาคสองหรือจอมยุทธอินทรีคู่เทพยดา แกก็เลยเสกคนใช้กระบี่ขึ้นมา 2 คน และกระบี่ระดับเทพเจ้าอีก 1 เล่ม...ระดับที่สามารถใช้พิชิตได้ทั่วแผ่นดินกันเลยละครับ
2 คนที่ว่าก็ไม่ใช่ใครอื่น เซียวเล้งนึ้ง นางเอกของเรื่องกับ เอี้ยก้วย ลูกศิษย์ของนางและคู่รักของนางนั่นเอง
ทั้งสองคนนี้ได้ฝึกกระบี่คู่ดรุณีใจหยกเย็นของสำนักสุสานโบราณขั้นสูงสุด ซึ่งเพลงกระบี่ที่ว่านี้ถือว่าเป็นดาวข่ม กระบี่ที่หนึ่งของแผ่นดินอย่างช่วนจินได้ด้วย แต่ในเวลาต่อมาเอี้ยก้วยก็เปลี่ยนแนวทางการใช้กระบี่ของตนเอง หันมาใช้กระบี่แบบที่สวนทางกับแนววิธีใช้กระบี่ทั้งมวลในยุคนั้น นั่นคือ การถือกระบี่ยักษ์เหล็กนิลกาฬน้ำหนัก 70 ชั่งที่ใช้ความรุนแรง ความทื่อด้าน เข้าจัดการกับกระบี่เหล็กของสำนักอื่นๆที่ใช้วิถีมาตรฐานเร็วกว่า คมกว่า แม่นยำ งดงามแพรวพราว
แนวทางหรือวิถีแบบของเอี้ยก้วยนั้น แม้จะสืบทอดมาจากต๊กโกวคิ้วป้าย จอมกระบี่ที่มุ่งแสวงหาความพ่ายแพ้ในยุคสมัยของแก เอาเข้าจริงผมก็ยังไม่รู้สึกว่า มันได้โชว์กระบี่อะไร ตรงกันข้ามกับเซียวเล้งนึ้งนางเอกของเรื่อง กิมย้งกลับบรรยายเสียจนเราเชื่อว่า ถ้าจะนับว่าใครคือยอดฝีมือที่ใช้กระบี่ได้สุดยอดแห่งยุคนับตั้งแต่เฮ้งเต็ง เอี๊ยงลงมา...ผมว่าคนที่อ่านอย่างละเอียดจะคิดเหมือนกันว่า เซียวเล้งนึ้งนี่แหล่ะคือ เทพธิดาแห่งกระบี่ของจริงเลย!!
ผมขอใช้คำว่าเทพธิดากับเซียวเล้งนึ้ง เพราะ กิมย้งได้บรรยายความงามของเธอไว้แบบที่มนุษย์ไม่มีวันเป็นได้ดังนี้
ในฉากเปิดตัวต่อชาวโลกในเล่ม 2 ที่ ‘เล็กแกจึง’ ซึ่งเป็นงานชุมนุมชาวยุทธ กิมย้งยังบรรยายอีกว่า
‘ ... แม้แสงเทียนจะเป็นแสงสีแดงดั่งแสงสนธยา แต่เมื่อลูบไล้บนใบหน้านางแล้วยังคงซีดขาวไม่มีสีเลือด กลับยิ่งเน้นเป็นความงามที่ผุดผาดเหนือธรรมดา ชาวโลกมักใช้คำว่า “สะคราญปานเทพธิดา” มาเปรียบเทียบความงามของสตรี แต่เทพธิดาจะมีความงามเท่าไหร่ไม่มีผู้ใดเคยรู้เห็นมาก่อน แต่ตอนนี้เมื่อเห็นดรุณีอาภรณ์ขาวในใจของแต่ละคนต่างมีคำว่าสวยสะคราญปาน เทพธิดาเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ตลอดร่างนางคล้ายดั่งถูกคลุมด้วยละอองสีขาวบางๆอีกชั้นหนึ่งคล้ายจริงคล้าย มายาภาพ มิใช่เป็นคนมีชีวิตมาเลย’ ( อินทรีเจ้ายุทธจักร หน้า 733 วณ.เมืองลุง แปล)
ก็ไม่รู้ว่าเป็นตลกร้ายหรืออย่างไรก็ได้ที่กิมย้งยกให้คนที่สวยราวเทพธิดาต้องอยู่แต่ในฮวงซุ้ยโบราณ?
แต่ความสวยนั้นไม่ใช่ประเด็นที่อยากจะเขียน เพราะเรากำลังว่าด้วยความเป็นเทพธิดากระบี่ไร้เทียมทานของเซียวเล้งนึ้งอยู่นะครับ
เซียวเล้งนึ้งนั้นฝึกวิชาอยู่ในสุสานโบราณซึ่งเป็นวิชาของปรมาจารย์ลิ้ม เจียวเอ็งซึ่งเก่งพอๆกับเฮ้งเต็งเอี้ยงผู้ก่อตั้งสำนักช่วนจิน แต่เมื่อเอี้ยก้วยมาอยู่ด้วยกันในสุสานทำให้เธอได้ฝึกกระบี่ดรุนีใจหยกเย็น และฝึกลมปรานดังกล่าวได้ถึงขั้นสุดยอด นอกจากนั้นยังได้ฝึกวิชาในคัมภีร์เก้าอิมจากจารึกที่อยู่บนผนังที่เฮ้งเต็ง เอี๊ยงสลักทิ้งไว้ ส่วนวิชาพื้นฐานเช่นการใช้แพร่ต่วนสีขาวผูกกระพรวนก็นับว่ายอดเยี่ยม ยังมีถึงมือใยทองซึ่งป้องกับอาวุธได้ทุกรูปแบบ ตามมาด้วยเข็มพิษผึ้งหยกที่มีพิษร้ายกาจ
กระบี่คู่ของเอี้ยก้วย+เซียวเล้งนึ้งนั้น ยามเมื่อใจประสานกันโดยเอี้ยอ้วยใช้กระบี่ช่วนจิน ตัวเซียวเล้งนึ้งใช้กระบี่ของสุสานโบราณ แค่นี้ก็ถึงขั้นยากที่จะหาใครเปรียบแล้ว พยานแห่งความร้ายกาจนั้นอยู่ที่กิมลุ้นฮวบอ้วง ราชครูจักรทองผู้ที่มีฝีมืออยู่ในระดับท็อปเทนของยุทธจักร แต่กระบี่คู่ของคู่รักนี้ก็ทำให้กิมลุ้นต้องหัวซุกหัวซุนทุกทีไป
แต่จุดอ่อนของมันก็มี คือถ้าใจต่อใจไม่ประสาน พลังแห่งกระบี่ก็ไม่เกิด ยามเมื่อเอี้ยก้วยเจ็บปวดจากพิษดอกรักจนไม่สามารถผนึกใจกับเธอ กระบี่คู่นี้ก็คล้ายกับกระบี่ธรรมดาทั่วไป มิใช่มีอาณุภาพราวฟ้าร้องอีกต่อไป
แต่พลังฝีมือของเธอมาก้าวกระโดดสุดขีดเมื่อได้มีโอกาสเจอกับเฒ่าทารกจิวแป๊ะ ทงและได้เรียนวิชาแยกจิตใจและใช้สองฝ่ามือสู้กันเองจนกระทั่งเปลี่ยนมาใช้ เป็นมือหนึ่งถือกระบี่ในแนวทางสุสานโบราณ อีกมือหนึ่งถือกระบี่สู้ในแนวทางของสำนักช่วนจิน กลายเป็นว่า ไม่ต้องไปรอว่าใจจะประสานกับเอี้ยก้วยได้หรือเปล่า กลายเป็นกระบี่คู่ไร้เทียมทานที่ไม่มีช่องโหว่และมีอาณุภาพร้ายกาจที่สุด ชนิดต้นตำหรับอย่างนักพรตช่วนจินยังต้องร้องไห้ เพราะ อุตส่าห์กักตัวฝึกเพื่อสร้างค่ายกลและชุดวิชาที่คาดว่าจะเอาชนะนางได้ พอเจอกับตัวจริงและกระบี่คู่ ความมั่นใจก็สลายลงทันที
ในเรื่องจอมยุทธอินทรีคู่เทพยดานี้ ถ้าจะมีฉากไหนที่บรรยายเกี่ยวกับความสำเร็จในเชิงกระบี่ของเซียวเล้งนึ้งได้ ดีที่สุดก็ต้องเป็นที่เธอบุกเข้าไปถล่มสำนักช่วนจินในเล่มสามนั่นเอง ว่ามันเร็วเหลือร้ายอย่างไร
“ประกายกระบี่วูบขึ้น ได้ยิงเสียงดังติดต่อกันไม่ขาดหู สุ้มเสียงยังไม่ขาดหาย เซียวเหล่งนึ่งก็พุ่งถอยไปวาเศษ กลับมายังกึ่งกลางโบสถ์ ที่แท้สุ้มเสียงอันยาวนานนั้น เกิดจากการประทะกันติดต่อกัน ”สี่สิบ”กว่าครั้งในชั่วพริบตา ทั้งสี่สิบกว่ากระบวนท่านี้เซียวเหล่งนึ่งใช้ออกอย่างรวดเร็ว ในความรู้สึกของเหล่านักพรตที่ดูอยู่ เพียงเป็นเสียงอาวุธประทะกันอย่างยาวนานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น..” (ยังมีต่อ)
Credit:
ผุ้จัดการออนไลน์