(15กรกฎาคม)  หนังสือพิมพ์แคมโบเดีย เดลี่ รายงานว่า เด็กข้างถนนในกัมพูชา พากันไปขายเลือดที่ด้านนอกโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญ เนื่องจากเกิดภาวะขาดแคลนเลือด และการที่ไม่มีการรับบริจาคเลือดอย่างเป็นทางการ ทำให้มีเกิดอาชีพ " รับจ้างขายเลือด " เพิ่มขึ้นเรื่อย

แมน ฟาลลี ผู้ประสานงานโครงการขององค์กรท้องถิ่น มิธ สำราญ ที่ทำงานเกี่ยวกับเด็กข้างถนนเปิดเผยว่า เด็กที่โตหน่อย ได้หากินด้วยการขายเลือดเป็นบางครั้ง รวมทั้งพวกที่ติดยาเสพติดด้วยคนพวกนี้จะวนเวียนกันอยู่ตามโรงพยาบาล และถ้ามีคนต้องการเลือด ก็สามารถหาซื้อได้จากเด็กเหล่านี้
.
มีชาวกัมพูชาจำนวนมาก เชื่อว่า การบริจาคเลือดจะทำให้พวกเขาอ่อนแอ ทำให้โรงพยาบาลในกัมพูชา ที่ปกติก็มีเครื่องมือที่ไม่ทันสมัยอยู่แล้ว ต้องเผชิญกับการขาดแคลนเลือดอีก และเพื่อเป็นการชดเชยต่อสิ่งที่ขาด บรรดาแพทย์ที่มีงานล้นมือ ก็มักจะสนับสนุนให้บรรดาญาติของผู้ป่วย ไปหาเลือดเอาเองที่ด้านนอกโรงพยาบาล ที่ผู้บริจาคข้างถนนจะสามารถทำรายได้ประมาณ 5-10 ดอลล่าร์ หรือราว 150-300 บาท ต่อการขายเลือดแต่ละครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนมาก สำหรับประเทศที่มี GDP ตัวหัวของประชากรเพียงแค่ 783 ดอลล่าร์ หรือราว 23,000 บาท เมื่อปี 2553

รายงานเรื่องนี้ มีขึ้นในขณะที่นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ได้เรียกร้องให้นักศึกษาช่วยออกมาบริจาคโลหิต โดยระบุว่า ปัจจุบัน มีคนบริจาคเลือดเพียง 3 คน ในทุก 1 พันคน และยังบอกด้วยว่า เลือดมีค่ามากกว่าเงิน เพราะเงินเงินสามารถนำใช้จ่ายซื้อสิ่งของได้ก็จริงแต่เลือดสามารถรักษาชีวิต เอาไว้ได้

ศูนย์ถ่ายเลือดแห่งชาติในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า เหลือเลือดสำรองอยู่ในศูนย์เพียง 500 ถุง แต่ถูกใช้งานจริงถึงวันละ 100 ถุง และต้องการขอรับบริจาคเลือดเพิ่มขึ้น เพื่อจะได้ลดการซื้อขายเลือดหน้าโรงพยาบาลลง