อคิลลิสและสงครามกรุงทรอย

   ตํานานสงครามกรุงทรอยมาจากมหากาพย์ อีเลี้ยด (Iliad) ซึ่งกวีกรีก “โฮเมอร์ (Homer)” ผู้มีชีวิตอยู่ในราว 900-800 ปี ก่อน ค.ศ. ได้รจนาไว้ สงครามนี้บางท่านเรียกว่า Trojan War คาดว่าเกิดขึ้นประมาณ 1,200 ปีก่อน ค.ศ. ก้อ...3 พันกว่าปีมาแล้วละครับ เป็นมหายุทธอันยิ่งใหญ่ และยืดเยื้อระหว่างกองทัพฝ่ายกรีก กับฝ่ายกรุงทรอย ซึ่งอยู่กันคนละฟากฝั่งทะเลเอเจี้ยน สาเหตุและผลแห่งสงครามมีดังนี้ครับ

ในพิธี สยุมพรระหว่าง ธีทิส (Thetis) เทพีแสนสวยแห่งทะเล กับ พีลิอุส (Peleus) หลานชายจอมเทพซีอุสบรรดาเทพเจ้าได้มาร่วมยินดีกันแทบหมดสวรรค์ ยกเว้น อีริส (Eris) เทพีแห่งความแตกร้าว ทําให้นางแค้นเคืองมาก จึงบุกเข้าไปในงาน แล้วโยนแอปเปิ้ลทองคําลูกหนึ่งเข้าไปกลางวง แอปเปิ้ลลูกนี้มีคําจารึกว่า “แด่สตรีที่งามที่สุด”

                                

       อ้าว...แบบนี้สาวน้อยสาวใหญ่ต่างก็แย่งชิงกันอุตลุดซีครับ โดยเฉพาะ 3 เทพีสําคัญ ได้แก่ เฮรา-มเหสีของซีอุส อธีนา-เทวีแห่งสงคราม
และ อโฟรไดตี หรือ วีนัส-เทพีแห่งความรัก แต่ทําอย่างไรก็ตกลงกันไม่ได้ จอมเทพซีอุสจึงโยนเผือกร้อนไปให้เจ้าชาย ปารีส โอรส ท้าวเปรียมกษัตริย์แห่งกรุงทรอยเป็นผู้ตัดสิน ด้วยว่าปารีสนั้นรูปงามหล่อเหลาครับ

        อา...อย่าคิดว่าเทพเจ้าบนสวรรค์ จะทรงซื่อถือสัตย์ยุติธรรมนะครับ ทรงถนัดในด้านติดสินบน ไม่แพ้มนุษย์หรอก ด้วยเหตุฉะนี้เฮราจึงแอบกระซิบ กับปารีสว่า ถ้าหากตัดสินให้พระนาง ได้แอปเปิ้ลทองคํา ละก้อ เขาจะได้เป็น บุรุษผู้มั่งคั่งที่สุดของโลก ส่วนอธีนาก็เสนอว่าจะให้ปารีส เป็นขุนศึกผู้เก่งกาจที่สุด และวีนัสนั้น ก็ติดสินบน โดยจะมอบหญิงสาว สวยที่สุดในโลกให้

       แหม หนุ่มน้อยสุดหล่อนี่ครับ เก๊าะต้องเลือกเอาสาวงามเป็นธรรมดา

       หากทว่าสาวสวยสุดๆในสายตาของเทพีวีนัสนั้น มิใช่สาวอิสระครับ เธอมีนามว่า เฮเลน เป็นมเหสี ของ เมเนเลอุส เจ้าชายกรีกผู้เป็นอนุชาของ อกา-เมมนอน กษัตริย์แห่ง นครรัฐไมซีนี่ แต่วีนัสก็รักษาสัญญาที่ให้ไว้ โดยเมื่อได้แอปเปิ้ลทองคํามาครอบ ครองแล้ว พระนางก็จัดการให้ปารีสได้พบกับเฮเลน และลักพาเอานางจากดินแดนกรีกมาไว้ ณ กรุงทรอย

                                                                                    

       ทําแบบนี้ก็เท่ากับหยามหน้าชาวกรีกซีครับ บรรดานครรัฐต่างๆของกรีก อาทิ สปาร์ตา ซึ่งเป็นนครที่มีกองทัพอันเกรียงไกร และแน่นอน นครไมซีนี่ ซึ่งผูกพันฉันญาติเมเนเลอุส ต่างก็ระดมพลรวมกันเป็นกองทัพมหึมาลงเรือรบหลายร้อยลํายกขบวนข้ามทะเลเอ เจี้ยน มาแย่งชิงเฮเลนคืนจากกรุงทรอย

        ฝ่ายทรอยแม้จะรู้ดีว่า เจ้าชายปารีสของตนทําไม่ถูกทํานองคลองธรรม หากทว่าด้วยศักดิ์ศรีและความเคารพในท้าวเปรียมกษัตริย์เฒ่าเหล่าเมืองน้อย ใหญ่พันธมิตร ในดินแดนเอเชียไมเนอร์ก็ยกกําลังทัพของตนมาช่วยทรอย รวมทั้งเผ่านักรบสาว “อเมซอน” อันโด่งดังก็มาด้วย

       ทั้งสองฝ่ายต่างก็มียอดขุนพลผู้เก่งกาจพอๆกันครับ

       นักรบวีรบุรุษฝ่ายกรีกก็ได้แก่ อคิลลิส, อแจ๊คส์, เฮอร์คิวลิส, โอดิสซีอุส ฯลฯ

       ส่วนทางฝ่ายทรอยก็คือ เฮคเตอร์-แม่ทัพใหญ่, เอนีแอส, เพนธีซีเลีย-ราชินีแสนสวยแห่งเผ่าอเมซอน และปารีสเองก็เป็นขุนศึก สําคัญคนหนึ่งด้วยครับ

       มหายุทธครั้งนี้มิใช่มีแต่มนุษย์รบกัน หากทว่าเทพเจ้าแทบทั้งสวรรค์ ที่ลงมาช่วยฝ่ายที่ตนรักใคร่ องค์ไหนชอบกรีก ก็คอยดลบันดาลให้นักรบกรีกชนะ องค์ไหนที่ชอบทรอยก็คอยช่วย ยามขุนศึกทรอยเพลี่ยงพลํ้า วุ่นวายแทบจะตีกันตาย ในหมู่เทพเจ้าด้วยกันละครับ

       ส่วนการยุทธระหว่างมนุษย์ก็ดุเดือดเผ็ดร้อน งัดเอากลยุทธ์และเล่ห์เหลี่ยมทุกอย่างที่มี มาต่อกรกันต่างฝ่ายต่างล้มตายมากมาย รวมทั้งขุนศึกวีรบุรุษก็สิ้นชีพร่อยหรอไปด้วยกัน

       สําหรับอคิลลิสผู้ได้รับความยกย่องให้เป็นแม่ทัพกรีกนั้น จัดเป็นขุนศึกผู้เก่งกาจที่สุดของกรีกก็ว่าได้ มารดาและบิดาของอคิลลิสนั้นมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเทพีธีทิสกับพีลิอุส ที่แต่งงานกันตอนต้นเรื่อง นั่นแหละครับ (อย่าไปนับไล่เลียงวันเวลาหรืออายุเลยครับ เดี๋ยวจะสับสน เพราะตํานาน หรือนิยายนั้นบางทีลูกก็โตทันใช้งานเร็วทันใจ)

        เมื่อตอนถือกําเนิดขึ้นมานั้น เทพีธีทิสอยากจะให้โอรสเป็นอมตะ จึงจับตัวลงจุ่มแม่นํ้าสติคซ์อันศักดิ์สิทธิ์ ทั้งร่างของอคิลลิสจึงอยู่ยงคงกระพัน ยกเว้นแต่ส้นเท้าตรงที่ผู้เป็นมารดาจับไว้ตอนจุ่ม จุดอ่อนนี้แหละครับที่เป็นที่มาของคําว่า “ส้นเท้าอคิลลิส(Achilles heel)” หมายถึงจุดอ่อนของผู้ใดก็ตามที่เจ้าตัวอาจคาดไม่ถึง

        อคิลลิสนําทัพกรีกบุกโจมตีกรุงทรอยอย่างห้าวหาญ แต่ขณะที่ศึกดําเนินไปนั้นก็เกิดความบาดหมาง ระหว่างนายทัพกรีกด้วยกัน กล่าวคือ เมื่อกรีกตีได้เมืองเลอร์เนสซุส ซึ่งเป็นพันธมิตรกับทรอย มเหสีแสนงาม “ไบรซีอีส” ของกษัตริย์นครนี้ได้ตกเป็นรางวัลของอคิลลิส หากทว่าเมื่ออกาเมมนอนจอมทัพใหญ่เห็นนางเข้า ก็เกิดความพอใจและพรากเอานางมาไว้ในค่ายตน อคิลลิสแค้นเคือง จึงถอนตัวออกจากการเป็นแม่ทัพ ทําให้กําลังของกรีกอ่อนไปถนัดตา และแม้ว่ากรีกจะเพลี่ยงพลํ้าในการรบเท่าใด อคิลลิสก็หาสนใจไม่

        แต่เหตุการณ์ได้พลิกผัน เมื่อเปโตรคลุส เพื่อนรักของอคิลลิส ถูกเฮคเตอร์สังหาร อคิลลิสก็โกรจจัดท้าทายให้เฮคเตอร์ออกมาสู้กันตัวต่อตัว ผลการต่อกรอันดุเดือด ระหว่างสองสุดยอดขุนพล ปรากฏว่าอคิลลิสได้ชัยชนะด้วยแรงแค้น ทําให้เขากระทํายํ่ายีศพของเฮค-เตอร์ ด้วยการเอาร่างไร้ชีวิต ของแม่ทัพทรอยผูกรถศึกแล้วลากตระเวน ประจานรอบค่าย สร้างความตกตะลึง และโศกศัลย์อย่างใหญ่หลวงแก่ กษัตริย์เปรียม และประชากรทรอยทั้งเมือง

                                         

         แต่อคิลลิสเองแม้จะเก่งกาจเพียงใดก็หารอดไม่ เพราะมีจุดอ่อนอยู่ที่ส้นเท้า ซึ่งไม่ได้ชุบนํ้าอมฤตจึงโดนปารีสลอบยิงด้วยธนู ปักตรงจุดตายพอดี (ทั้งนี้ก็ด้วยความอนุเคราะห์จากเทพอปอลโล ผู้ฝักใฝ่ในทรอยหรอกครับ พระองค์บังคับให้ธนูของปารีสพุ่งสู่จุดหมายอย่างแม่นยํายังกะอาวุธนําวิถี ยังไงยังงั้น-ฮา)

        และต่อมาไม่นาน ปารีสก็ต้องธนูข้าศึกด่าว-ดิ้นไปอีกหนึ่ง แต่...กรุงทรอยก็ยังไม่แตก

        จวบจนการศึกกินเวลาล่วงไปถึง 10 ปี ก็ยังไม่มีทีท่าว่ากรุงทรอยจะแตก และกองทัพกรีกก็หมดกําลังใจ ที่จะทําสงครามต่อไปอีกแล้ว

        ทว่าพวกเขาได้งัดอุบาย สุดท้ายขึ้นมาใช้ครับ

        นั่นคือ การสร้างม้าไม้ ขนาดมหึมาขึ้นตัวหนึ่ง จากนั้นจึงถอนทัพลงเรือออกแล่นไป ทําประหนึ่งว่าทิ้งม้าไม้ไว้เป็นอนุสรณ์ แห่งมหายุทธครั้งนี้

                                                                         

        ฝ่ายทรอยเมื่อเห็นทัพกรีกยกกลับ ก็สุดแสนยินดีออกจากกําแพงเมือง มาลากม้าไม้เข้าไปร่วมฉลองชัยชนะอย่างมโหฬารในเมือง พอตกดึก เหล่าทหารและประชากรทรอยสลบไสลจากงานเลี้ยง ทหารกรีกก็ออกจากม้าไม้แล้วเข่นฆ่าพวกทรอย รวมทั้งทําลายเผาผลาญเมืองจนพินาศยับเยิน สมกับความแค้นที่สะสมมาตลอดการศึกอันยาวนาน

        สงครามกรุงทรอยก็สิ้นสุดลงด้วยประการฉะนี้

โดย ทีมงาน ต่วย'ตูน และ "อันโทล"

Credit: โดย ทีมงาน ต่วย'ตูน และ "อันโทล"
6 ธ.ค. 52 เวลา 15:00 11,714 9 36
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...