“ขมิ้นชัน” กินไว้...ไกลมะเร็ง
ร่วมพิสูจน์ฤทธิ์สีเหลืองอ๋อยของ "ขมิ้นชัน" ว่าจะทำให้ "มะเร็ง" ขยาด อยากหนีไปไกลๆ ได้จริงหรือกับงานวิจัยรพ.เจ้าฟ้าอภัยภูเบศ
เราพบตัวเลขที่น่าตกใจว่าคนไทยป่วยเป็นโรคมะเร็งแล้วกว่า 241,051 คน หรือเพิ่มขึ้นปีละ 80,350 คน มะเร็งยังครองอันดับหนึ่งตัวร้ายประจำวิกหมอ ที่ร้ายไปกว่านั้น มันยังขยันสร้างสถิติเพิ่มยอดผู้ป่วยขึ้นอีก 23% ในปีนี้
คงเพราะอิทธิพลจากวิถีชีวิตสมัยใหม่ พวกเราอยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยความเครียดและการปนเปื้อนของสารพิษ แล้วยังมีวิถีชีวิตที่ขาดสมดุล ทั้งในด้านการบริโภคและการพักผ่อนอีก จึงคาดการณ์อนาคตได้อย่างแม่นยำว่า ทั่วโลกมีแนวโน้มที่มีผู้ป่วยโรคมะเร็งสูงขึ้นแน่นอน ถ้าเรายัง "กินทองไม่รู้ร้อน" อยู่อย่างนี้
ในวงการแพทย์เอง ก็ "กัดก้อนกินเกลือ" กับค่าใช้จ่ายรักษาโรคมะเร็งเฉลี่ยปีละ 1 หมื่น 6 พันล้านบาท ทั้งๆที่มันมีทางป้องกันจากโรคร้ายได้ด้วย "สมุนไพร" ชั้นยอด
เรามีโอกาสได้คุยกับ ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เธอเผยความลับให้ฟังว่า "ขมิ้นชัน" นั่นไง ที่เป็นศัตรูตัวร้ายของมะเร็ง
มันเป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ใช้กันมายาวนานของคนไทย รู้จักใช้กันแพร่หลายทุกภาค เป็นตำรับอาหารและตำรับยามากมาย ถูกนำไปใช้ทั้งยาภายนอกและยารับประทาน บ้างเป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงร่างกาย บำรุงธาตุ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ รักษาโรคกระเพาะ รักษามะเร็ง แก้อักเสบหลังคลอด รักษาแผล สิว ฝี ฯลฯ และเหมาะกับสาวๆผู้พิศมัยความงามอย่างไทย ทำให้ผิวสวย
กูรูสมุนไพรสาว กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีงานศึกษาวิจัยมากมายที่ค้นพบคุณค่าของขมิ้นต่อโรคมะเร็ง ซึ่งพบว่า ขมิ้นชัน คืออาวุธโบราณที่ใช้ต่อสู้กับโรคสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี (Old Weapon to Fight Modern Diseases)
- มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ
- ต้านการอักเสบ
- ต้านการเกิดมะเร็ง
- ทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างเป็นปกติ
- ป้องกันการแพร่กระจายของมะเร็ง
- ทำให้เซลมะเร็งตาย และป้องกันการตายของเซลปกติ
- มีประโยชน์ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์
- ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
ด้วยเพราะขมิ้นชันมีคุณสมบัติคือ เข้าไปยับยั้งการเกิดสารก่อมะเร็ง รวมทั้งป้องกันการดูดซึม และยังยับยั้งหรือกดการเปลี่ยนแปลงจากเซลล์ที่ได้รับสารก่อมะเร็งไปเป็นเซลล์มะเร็ง
และที่วิเศษไปกว่านั้น มันยังทำหน้าที่ Blocking agents โดยป้องกันมิให้สารก่อมะเร็งไปทำปฏิกิริยากับ DNA ช่วยไม่ให้เกิดการกลายพันธุ์และการทำลาย DNA รวมทั้งยับยั้งการกระตุ้นฤทธิ์ของสารก่อมะเร็ง
บางชนิดจะออกฤทธิ์โดยการเพิ่มระดับเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดสารก่อมะเร็งออกจากร่างกาย บางชนิดจะออกฤทธิ์โดยการไปจับสารก่อมะเร็งที่ออกฤทธิ์
นอกจากนี้ ขมิ้นชันยังมีฤทธิ์ลดการแบ่งตัว ยับยั้งการเติบโต ยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งหลาย ๆ ชนิด ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้และมะเร็งตับอ่อน
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ บอกว่าพระเอกของเรายังช่วยเสริมการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการบำบัดด้วยคีโม และช่วยการรักษามะเร็งด้วยการฉายรังสีมีประสิทธิภาพขึ้น โดยขมิ้นชันช่วยให้เซลมะเร็งไวต่อการฉายรังสีมากขึ้น ในขณะเดียวกันยังป้องกันเซลปกติไม่ให้ถูกทำลายโดยรังสีได้อีกด้วย
ฉะนั้น ทั้งผู้ที่ป่วยแล้วและยังไม่ถึงขั้นป่วยเป็นมะเร็ง ก็ควรหาสมุนไพรที่หาง่าย ปลูกง่าย ใช้ได้ง่าย อย่าง ขมิ้นชันมาใส่ในอาหารในชีวิตประจำวัน เช่นทำเป็นน้ำสมุนไพรขมิ้นชัน โยเกิร์ตขมิ้นชัน ขนมไข่ขมิ้นชัน น้ำสลัดขมิ้นชัน เป็นต้น หรือขยันหน่อย ก็ทำเป็นอาหารพื้นบ้านทั่วไปที่ใส่ขมิ้นชันเสียเลย
และไม่ต้องรอให้เป็นโรคร้าย ก็สามารถนำขมิ้นชันมาช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และรักษาแผลในกระเพาะอาหาร แถมมันยังมีน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยลดแก๊สในทางเดินอาหาร ลดการหลั่งกรด เพิ่มการหลั่งของสารที่มาช่วยเคลือบทางเดินอาหาร ไม่ให้ถูกทำร้ายจากกรด
สมุนไพรชั้นยอดยังไม่สิ้นอิทธิฤทธิ์ เพราะมันจะช่วยขับน้ำดี ป้องกันไม่ให้เป็นนิ่วในถุงน้ำดี ยกเว้นกรณีผู้ป่วยที่มีท่อน้ำดีอุดตันนั้นไม่ควรรับประทาน เนื่องจากอาจทำให้น้ำดีซึ่งหลั่งออกมามากจากการรับประทานขมิ้นแล้วตกตะกอนในถุงน้ำดี จะทำให้อุดตันมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
นอกจากนั้น มันยังมีฤทธิ์ในการลดการอักเสบ โรคที่เกิดจากการอักเสบหลายชนิด เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
รวมทั้งยังมีการค้นพบสรรพคุณใหม่ ๆ ของขมิ้นชันอีกมากมาย เช่น การป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด การชะลอความแก่ และสามารถทำลายเชื้อไวรัสที่ผ่านมาทางอาหารได้ หากเรากินอาหารผสมขมิ้นชันเป็นประจำ
และยังมีคุณสมบัติในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และลดปฏิกริยาการแพ้ สำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้และเป็นหวัดบ่อย ๆ สามารถกินอาหารที่ใส่ขมิ้นทุกวันเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
ผู้ที่สนใจอยากได้ขมิ้นชันไว้ครอบครอง ควรเลือกขมิ้นชันที่ได้คุณภาพ อายุอย่างน้อย 9-12 เดือน เมื่อขุดหัวขึ้นมาใช้ต้องทำความสะอาดให้ดี ฝานตากในที่ร่มแสงรำไร เก็บในภาชนะสะอาด เก็บให้พ้นจากแสง และไม่เก็บไว้นานเกินไป เพราะจะทำให้น้ำมันหอมระเหยหายเกลี้ยง
บรรยายสรรพคุณมากมายยิ่งกว่าโฆษณา ฉะนั้น อย่าเพิ่งเชื่อว่านี่คือข้อเท็จจริง ถ้ายังไม่ได้ลอง...
สูตรโยเกิร์ตขมิ้น ... กินทุกวัน
ส่วนประกอบ
1.นมสด (รสจืดหรือหวาน) 1 ลิตร
2.โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วยตวง
3.ขมิ้นชันหั่นลูกเต๋า (เล็ก) 1 ถ้วยตวง
4.น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1.นำนมสดมาตั้งไฟให้เดือดแล้วยกลง
2.รอจนนมเริ่มอุ่น (ประมาณ 40 องศาเซลเซียส) แล้วจึงนำโยเกิร์ตใส่ลงไป
3.ทิ้งไว้ประมาณ 10 - 12 ชั่วโมง
4.ขณะที่รอโยเกิร์ต ให้นำขมิ้นมาตั้งไฟ ใส่น้ำ และใส่น้ำตาล เคี่ยวจนน้ำตาลละลายแล้วยกลง ตั้งทิ้งไว้จนเย็น
5.เมื่อโยเกิร์ตได้ที่แล้ว จึงนำขมิ้นชันที่เคี่ยวไว้มาผสมกับโยเกิร์ต แล้วนำไปแช่ตู้เย็น
-------------------------
สูตรน้ำสลัดต้านมะเร็ง
ส่วนประกอบ
1.ขมิ้นสด 1 ถ้วยตวง
2.ฟักทองนึ่ง 5 ถ้วยตวง
3.น้ำส้มคั้น 1 ถ้วยตวง
4.น้ำมะนาวคั้น 1 ถ้วยตวง
5.เกลือป่น 5 ช้อนชา
6.พริกไทยป่น 5 ช้อนชา
7.มัสตาร์ด 5 ช้อนชา
8.น้ำผึ้ง 5 ช้อนโต๊ะ
9.นมข้นไขมันต่ำ 1 กระป๋อง
10.น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วยตวง
11.นมถั่วเหลือง 1 กล่อง
12.น้ำส้มสายชูแท้ 1 ถ้วยตวง
13.น้ำมันพืช 1 ลิตร
วิธีทำ
1.หั่นส่วนผสม 1 - 2 ให้ละเอียดใส่ในเครื่องปั่น
2.เติมส่วนผสม 3 - 8 ตามลงไปในเครื่องปั่น แล้วปั่นให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียว เมื่อเป็นเนื้อเดียวกันแล้วให้ใส่ส่วน 12 ลงไปปั่นต่อสักครู่
3.ผสมส่วนผสม 9 - 11 ในกะละมัง ใช้ตะกร้อตีเบา ๆ จนน้ำตาลละลาย เมื่อผสมเข้ากันแล้ว ผสมข้อ 2 ลงไป
4.ค่อย ๆ เทน้ำมันรำข้าวทีละน้อย และผสมจนเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ก็จะได้น้ำสลัดต้านหวัดไปรับประทาน