'รัก' ไม่ต้องการเวลา ของว่าที่เจ้าสาว 'นาเดีย'
นับถอยหลังเตรียมจะเป็น “เจ้าสาว” เต็มตัว ในวันที่ 18 ก.ค.นี้แล้ว สำหรับนักแสดงและพิธีกรมากความสามารถ นาเดีย นิมิตรวานิช หลังจากคบหาดูใจกับนักการเมืองชื่อดัง ม.ล.อภิมงคล โสณกุล หรือรู้จักในฉายา “หล่อจิ๋ว” ได้เพียงแค่ 7 เดือน เจ้าตัวก็ด่วนตัดสินใจยกนิ้วนางข้างซ้าย และหัวใจให้ชายหนุ่มผู้นี้ให้ดูแลกันไปตลอดชีวิตซะแล้ว งานนี้ “ดาวต่างมุม” เลยไม่รอช้า ขอเข้าไปนั่งเปิดหัวใจ สาวนาเดีย ว่าอะไรที่ทำให้เธอมั่นใจ ตัดสินใจลั่นระฆังวิวาห์เร็วขนาดนี้!
ใกล้เป็นเจ้าสาวแล้ว ตื่นเต้นไหม?
“ก็โอเคค่ะ มีหลาย ๆ อย่าง ต้องทำให้เสร็จเรียบร้อย เพิ่งเริ่มแจกการ์ด เลยรู้สึกว่าเอ๊ะ...จะแต่งงานแล้วจริง ๆ เหรอ เริ่มตื่นเต้นนิดหน่อยค่ะ แต่ยังไม่มาก เห็นเขาว่าใกล้ ๆ วันจะตื่นเต้นกว่านี้ (ยิ้ม) แต่เดียกับน้องสาวรู้สึกใจหาย นั่งร้องไห้กันทำไมไม่รู้ มันเป็นความรู้สึกว่าจะไปจริงเหรอเนี่ย เพราะเรามีความรู้สึกว่าต้องย้ายบ้าน เดียสนิทกับแม่และน้องมาก เพราะมีกันอยู่แค่นี้”
ปกตินาเดียไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องความรัก แต่พอเปิดก็ประกาศแต่งเลย?
“ไม่เปิดค่ะ ไม่เคยเปิด เดียไม่ชอบพูดเรื่องนี้บ่อย ๆ เพราะไม่รู้ว่าพูดไปแล้วมันจะไปถึงไหน พูดไปแล้วเดี๋ยวเลิกกัน ก็จะเหมือนที่เขาชอบพูดกันว่าดาราชอบรัก ๆ เลิก ๆ ถ้าไม่แน่ใจก็ไม่พูด แต่อันนี้จะแต่งงานแล้วก็เลยบอก”
คิดว่าตัดสินใจแต่งงานเร็วไปไหม?
“ถ้าถึงวันแต่งงานก็คบเป็นแฟนกันมาประมาณ 7-8 เดือน ไม่ถึงปี ถามว่าเร็วมั้ยก็เร็วนะ แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเร็วไป กลับรู้สึกว่าเร็วดี เดียคิดว่าเดียพร้อมที่จะมีครอบครัว รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ใช่สำหรับเรา เขาก็รู้สึกแบบเดียวกัน แต่เดียคิดว่าเวลามันไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ หลาย ๆ คู่คบกันนานสุดท้ายก็เลิกนี่ หรือคบกันแป๊บเดียวอยู่กันยืดก็เยอะ”
อะไรที่ทำให้ตัวเองใจอ่อนเหรอ?
“ไม่ได้ใจอ่อน เขาเป็นคนที่โอเค เดียว่ามันเป็นเรื่องของจังหวะเวลาและโอกาส เดียไม่ได้ดูใครอยู่ เขาก็ไม่ได้ดูใครอยู่ เรามีสิทธิที่จะพิจารณาใครเป็นเรื่องเป็นราวทั้งคู่ เรารู้จักกันมานาน ได้เห็นว่าเขามีรูปแบบการใช้ชีวิตยังไง มีวิธีการจัดการความรักยังไง ซึ่งเท่าที่เห็นเขาไม่ใช่ผู้ชายที่น่ากลัว เป็นคนรักใครแล้วรักจริง เลยรู้สึกว่าน่าจะเปิดโอกาสให้ตัวเองดู พอคุย ๆ กันแล้ว เราเห็นว่าเขามีความเป็นผู้นำสูง มีความรับผิดชอบสูง โดยเฉพาะกับตัวเรา บ้านเดียมีแต่ผู้หญิง เวลามีอะไรก็แก้ปัญหากันตามประสาแม่ ๆ ลูก ๆ แต่พอมีเขาเข้ามาเรารู้สึกว่าชีวิตมันง่ายขึ้นเยอะ เขารู้สึกว่าปัญหาของเราก็เป็นปัญหาของเขา ตรงนี้เป็นจุดที่น่ารักและทำให้เรารู้สึกไม่โดดเดี่ยว เลยวางใจว่าน่าจะฝากชีวิตไว้กับเขาได้”
พร้อมจะเป็นช้างเท้าหลัง?
“ยินดีเลยค่ะ หามาทั้งชีวิต อยากเป็นช้างเท้าหลังมาก เราเหนื่อยมาตลอด อยากตามบ้าง หลายคนอาจจะมองว่าเดียเป็นคนมั่นใจในตัวเอง แต่เรารู้สึกว่าการมีเขาเข้ามาในชีวิตมันดีกว่า ที่เราตัดสินใจแต่งงานกับคนนี้ เพราะเขาทำให้รู้สึกว่าเราสามารถเป็นช้างเท้าหลังได้อย่างสบายใจ เรารู้่สึกว่ามันไม่ได้หาง่าย เลยไม่รู้ว่าจะรออะไรแล้ว”
คบคนธรรมดากับนักการเมืองต่างกันรึเปล่า?
“เดียไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นนักการเมืองนะคะ เพราะเรารู้จักกันมาตั้งแต่เดียเริ่มเข้าวงการใหม่ ๆ 10 ปีได้แล้ว เขายังเป็นข้าราชการ เดียว่าคนเราจะเข้ากันได้หรือไม่ได้มันอยู่ที่นิสัย แต่พออยู่กันจริง ๆ เราต้องยอมรับว่านี่คืออาชีพของเขา ต้องมีความเข้าใจเบื้องต้นบ้างนิดหน่อย เพื่อที่จะได้คุยกันได้รู้เรื่อง และสามารถสนับสนุนเขาเท่าที่เราสามารถจะทำได้ สุดท้ายเราต้องยอมรับว่าเขาเป็นนักการเมืองนี่เนอะ เดียก็เป็นดารานี่เนอะ แต่เวลาอยู่ด้วยกันเราเป็น “ภิ กับ เดีย” เฉย ๆ”
กับตำแหน่งว่าที่คุณนายนักการเมือง?
“มีคนแซวเรื่อย ๆ นะคะ เดียรู้สึกว่า เอ๊ะ...มันมีตำแหน่งนี้ด้วยเหรอ ตำแหน่งคุณนายเนี่ย (หัวเราะ) คือ เราไม่ได้ว่าอะไร ใครพูดถึงเราในแง่ดี ใครหวังดีกับเรา ก็ขอบคุณทุกคน”
แล้วเขาชินไหมกับการมีแฟนเป็นดารา?
“คงไม่ชินหรอกมั้ง เดียไม่ชินมีแฟนเป็นนักการเมือง (หัวเราะ) ชีวิตนี้เราไม่เคยคิดจะยุ่งเกี่ยวอะไรกับการเมืองเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าไม่เข้าใจ ไม่ถนัด เดียว่าเรารู้สึกอย่างนั้นทั้งคู่ เพียงแต่เราลืมและไม่ได้สนใจตำแหน่งตรงนี้ ถึงได้มาอยู่ด้วยกันได้”
ระหว่างนาเดียกับคุณภิใครโรแมนติกว่ากัน?
“เขาโรแมนติกกว่า กุ๊กกิ๊ก มีเขียนจดหมาย มีโน่นมีนี่ตลอดเวลา ดอกไม้ก็ไม่ได้มีเฉพาะวันที่ขอแต่งงาน มีมาให้เรื่อย ๆ นะคะ นั่ง ๆ อยู่ด้วยกันก็มีคนเอาดอกไม้มาให้ เดีย คิดว่าตายแล้วงานเข้า มีหนุ่ม ๆ มาจีบ คิดว่ายังฮอตอยู่ (หัวเราะ) ที่ไหนได้เป็นเขาเอง บางทีอยู่ด้วยกันแล้วเหมือนเด็ก ชอบเล่นเกม เล่นไอแพด เล่นซูโดกุ ฯลฯ ตลกดี ใครชนะก็เอามาอวดกัน”
ตรงกับผู้ชายในอุดมคติของตัวเองไหม?
“เดียเป็นคนเยอะ จะเอาทั้งรูปร่างหน้าตาแบบนี้ นิสัยอย่างนี้ กิริยามารยาทอย่างนี้ ไม่รู้คิดไปไหน (หัวเราะ) แต่สุดท้ายโตขึ้นมา เราก็มองข้ามประเด็นพวกนี้ไป เพราะมีหลายเรื่องที่จำเป็นมากกว่า แต่เขาถือว่าตรงสเปกมาก เพราะเดียชอบคนเรียนเก่ง ทำงานเก่ง ชอบคนมีความรู้เยอะ มีวิสัยทัศน์ ซึ่งเขาก็ตอบโจทย์ตรงนั้นได้ เดียว่ามันเป็นส่วนสำคัญมากกว่าหน้าตา แต่บังเอิญเขาหน้าตาดีด้วย คือถ้าชอบคนหล่อมาก ๆ เนี่ย อยู่ในวงการนี้คงเจอทุกวัน แต่เดียชอบคนที่มีสมองมากกว่า”
กับครอบครัวคุณภิล่ะ?
“เดียรู้สึกว่าโชคดีที่เจอครอบครัวน่ารักแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่คุณภิััรักลูก เลยเผื่อแผ่มาถึงเราด้วย เดียเลยได้ใบบุญ ได้รับความเมตตาไปด้วย (ยิ้ม) ท่านจะยื่นมือมาช่วยเหลือตลอดไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ง่าย ๆอย่างเรื่องงานแต่งงาน เดียทำอะไรไม่เป็นสักอย่างเลย คุณแม่คุณภิก็ช่วยเยอะมาก เดียรู้สึกว่าเราโชคดี”
แพลนชีวิตหลังแต่งงานไว้อย่างไร?
“ไม่มีอะไรมากนะคะ คุยกันแล้วว่าต่างคนต่างทำงานที่ตัวเองรัก แล้วก็สนับสนุนซึ่งกันและกัน แต่ต้องมีเวลาให้ครอบครัวด้วยเพราะว่าเราไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว มีทั้งครอบครัวเก่าของเรา และครอบครัวใหม่ที่ต้องดูแล ส่วนงานในวงการบันเทิง จริง ๆ คุณภิบอกว่าไม่อยากทำก็ได้ แต่เดียทำงานมาตั้งแต่เล็ก อยู่ดี ๆ จะไม่ให้เราทำงานคงอยู่ไม่ได้ค่ะ เดียรู้สึกว่าเรารักการทำงาน มันทำให้เรารู้สึกภูมิใจในตัวเอง อยากขอที่จะทำงานต่อไป”
ถามถึงแพลนฮันนีมูนบ้าง?
“เถียงกันอยู่ว่าจะไปที่ไหนดี เขาโตที่ยุโรปก็อยากไปอเมริกา เราโตเมืองไทยเราก็อยากไปยุโรป แต่เดี๋ยวค่อยว่ากัน ตอนนี้ให้คุณภิลุยงานไป เดี๋ยวเบื้องหลังจัดการให้เอง”
แต่งแล้วอยากมีน้องเลยไหม?
“ทั้งสองบ้านยังไม่มีหลาน เดียเองเป็นคนรักเด็กมาก ชอบและคิดมาตลอดว่าอยากมี เบื้องต้นที่คบกับใครก็แล้วแต่ ข้อหนึ่งที่ต้องถามเลยเป็นหมันรึเปล่า ถ้าเป็นหมันคงคบกันไม่ได้จริง ๆ (หัวเราะ) เพราะเดียอยากมีลูกมาก เพราะฉะนั้นถ้ามีเลยก็จะดีใจ เพราะอายุเราไม่น้อยแล้ว”
เวลาดาราแต่งงานกันเร็ว ๆ ชอบมีกระแสข่าวว่าท้องก่อนแต่ง?
“เป็นเรื่องปกติค่ะ เดียทำใจไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่ามันต้องมีข่าวแน่ ๆ ก็ตามสบายค่ะ เพราะสุดท้ายคำวิจารณ์ต่าง ๆ มันไม่มีผลต่อความสุข และความทุกข์ในครอบครัวเราเลยแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เรารักกันดีหรือเปล่า เราเข้าใจกันหรือเปล่า จริง ๆ เดียไม่ได้ซีเรียสและเข้าใจว่าเราอยู่ในที่สว่างคนจะพูดดีหรือพูดเสีย เราไปบังคับเขาไม่ได้ แต่ตอนนี้มันน่าจะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขในชีวิต อะไรที่เก็บมาคิดแล้วไม่มีความสุขก็ไม่สนใจดีกว่า”
ถึงวันนี้มุมมองความรักของนาเดียเปลี่ยนไปเยอะไหม?
“เดียว่าส่วนหนึ่งมันเป็นเรื่องของโชคชะตา ความรักเป็นเรื่องมหัศจรรย์มันกะเกณฑ์ไม่ได้ เดียไม่สามารถที่บอกว่าได้ว่าเราจะแต่งงานพรุ่งนี้มะรืนนี้ หรืออยากได้คนมาแต่งงานตอนอายุเท่านี้ สุดท้ายถ้าไม่ใช่เขาก็ไป แต่บทจะใช่ทุกอย่างลงตัวไปหมด เพราะฉะนั้นถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เดียคงจะไม่ทำอะไรทั้งสิ้น เหนื้อย...เหนื่อย... ความรักมันไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้น แต่สิ่งสำคัญคือ เราต้องประคับประคองให้ได้”
บางครั้งระยะเวลาสั้นหรือยาวก็ไม่ใช่คำตอบของความรัก เหมือนกับความรักของสาวคนนี้ นาเดีย ที่เมื่อเจอคนที่ใช่แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรออีกต่อไป ก็ขออวยพรให้มีความสุขในชีวิตคู่ ครองเรือนกันไปตลอดกาลนะจ๊ะ.