แค้นฝังนก... อีกาจอมอาฆาต

 

กาจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ฉลาดที่สุดในอาณาจักรสัตว์ มันรู้จักการใช้เครื่องมือ,

คาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้า, และคิดแบบเหตุผลระดับง่ายๆ ได้ นักวิทยาศาสตร์

หลายคนก็สนใจทำวิจัยเกี่ยวกับนกชนิดนี้

ทีมนักวิจัยที่นำโดย John Marzluff แห่ง University of Washington สังเกตว่าทุกครั้งที่

พวกเขาเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตกาสักตัว กาตัวนั้นจะส่งเสียงร้องขู่เป็นการส่งสัญญาณ

ให้เพื่อนนกการุมเข้ามาโจมตีผู้บุกรุกด้วยการบินดิ่งลงมาไล่จิก และยิ่งเหตุการณ์แบบนี้

ผ่านไปหลายๆ ครั้ง จำนวนนกกาที่เข้ามาโจมตีพวกเขาก็มีแต่จะเยอะขึ้นๆ

พวกเขาสงสัยว่ากาตัวอื่นๆ แยกแยะได้อย่างไรว่าใครคือผู้บุกรุกและต้องเข้าโจมตี ดังนั้น

จึงเริ่มต้นทดลองโดยการวางกับดักจับกาในสถานที่ต่างๆ กัน 5 จุดใกล้เมืองซีแอตเติล

แล้วพวกเขาก็ใส่หน้ากากไปยืนเสนอหน้าให้กาดู จากนั้นก็ทำเครื่องหมายและปล่อยกา

ไป พวกเขาทำเช่นนี้กับกาประมาณ 7-15 ตัวในแต่ละจุด

หลังจากทำพิธีฝังแค้นให้กาแล้ว พวกเขาก็เอาหน้ากากเหล่านั้นเก็บไว้ในลิ้นชัก รอจน

เวลาผ่านไปหลายปี พวกเขาก็เอาหน้ากากอันเดิมมาใส่เดินไปตามจุดที่เคยทำกับดักอีก

ครั้ง ผลปรากฏว่ากาในละแวกนั้นพุ่งโจมตีคนที่ใส่หน้ากากในทันทีที่มันเห็น แถมยังส่ง

เสียงร้องปลุกระดมเรียกเหล่าพี่น้องกามารุมอีก บางครั้ง "ม็อบกา" อาจจะรวมพลกันได้

มากถึง 50 ตัว แต่น่าแปลกว่าถ้าให้คนเดียวกันใส่หน้ากากอันอื่นที่กาไม่เคยเห็นมาก่อน

พวกมันกลับจำไม่ได้ และไม่กรูเข้ามาไล่จิกแต่อย่างใด

ตอนแรกพวกเขาคิดว่าแกนนำม็อบจะต้องเป็นนกกาตัวที่มีหนื้แค้นกับพวกเขา แต่พอดู

ให้ละเอียดก็พบว่าม็อบเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องมีกาคู่กรณีนำมา บางทีกาในม็อบก็ไม่มีตัว

ไหนเคยมีประสบการณ์ตรงกับพวกเขามาก่อนเลย มีบางตัวเป็นญาติกับกาคู่กรณี แต่บาง

ตัวก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร แถมบางครั้งจุดที่พวกเขาโดนม็อบโจมตีก็ห่างจากจุดที่เคยวาง

กับดักเป็นไมล์ๆ

นอกจากนี้พวกเขายังทดสอบกับลูกนกกาที่ยังอยู่ในรังด้วย ผลปรากฏว่าลูกนกก็ส่งเสียง

ร้องขู่คนที่ใส่หน้ากากเจ้าปัญหา แต่ไม่มีปฏิกิริยากับหน้ากากอันอื่นๆ เช่นกัน

เพราะฉะนั้นแล้วผลการทดลองนี้จึงสรุปได้เพียงอย่างเดียวว่า "อีกาจดจำใบหน้าของ

คนที่ทำมันเจ็บแค้นได้และกระจายความแค้นของมันไปยังหมู่เพื่อนฝูงญาติพี่น้อง

และลูกหลานด้วย" พวกเขาพบว่ากาสามารถจดจำใบหน้าได้นานถึง 5 ปีเป็นอย่างต่ำ

(เวลา 5 ปี คือระยะนานสุดที่พวกเขาทำการทดลองนี้)

 

ที่มา - Live Science, Discovery News

Credit: http://jusci.net/node/1926#comments
9 ก.ค. 54 เวลา 14:14 10,455 19 180
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...