สุภาพบุรุษผู้หนึ่ง ก้าวขึ้นสะพานไม้แผ่นเดียว พอดีฝั่งตรงข้ามหญิงมีครรภ์กำลังเดินเข้ามา เขาก้าวถอยหลัง ให้หญิงมีครรภ์ขึ้นสะพานไปก่อน นี่คือมารยาทอันพึงปฏิบัติ
หญิงมีครรภ์พ้นสะพานไป คนหาบฟืนมัดใหญ่ก็ตามมา สุภาพบุรุษชะงักเท้า รอเป็นนานจนคนจูงจักรยานมาขึ้นสะพาน ผ่านไปเป็นคนที่สาม
สุภาพบุรุษรออีกพักยังไม่มีใครมา เมื่อแน่ใจ คราวนี้เขาก็รีบเดินขึ้นไปถึงกลางสะพาน ชาวนาก็เดินมา ยืนเผชิญหน้ากันกลางสะพาน สองฝ่ายไม่มีท่าทีจะยอมหลีกทางให้กัน
สองคน...สองฐานะ สองเหตุผล ยืนเผชิญหน้ากันไม่ยอมถอยหลังให้ กัน ทั้งยังตั้งท่าทะเลาะกัน
จนกระทั่งพระภิกษุรูปหนึ่งเดินมาถึง คู่กรณีเลิกทะเลาะกันหันไปเล่าเรื่องราวให้ฟัง และขอให้พระภิกษุตัดสิน
"ก่อนท่านขึ้นสะพาน ท่านก็เห็นสุภาพบุรุษผู้นี้ เดินอยู่บนสะพานแล้ว ไม่ใช่หรือ" พระภิกษุพนมมือแล้วถาม "แล้วเหตุใดท่านยังรีบร้อนก้าว ขึ้นมาอีกเล่า"
"ผมเหนื่อย เสร็จงานหนักจากนา งานบ้านรอให้ผมทำ อยู่อีกมาก ผมอยากกลับให้ถึงบ้าน" ชาวนาสารภาพ
ชาวนาอึ้ง ยกมือเกาหัว สุภาพบุรุษ ยิ้ม
พระหันหน้าไปถามสุภาพบุรุษ "ท่านเป็นสุภาพบุรุษเหตุใดจึงยืนกรานให้ชาวนาหลีกทาง คงเป็นเพราะท่านเดินมาถึงกลางสะพานแล้ว"สุภาพบุรุษรับคำ
"ในเมื่อท่านยอมให้ผู้อื่นไปแล้วถึงสามคน จะยอมให้ชาวนาอีกสักคน จะเป็นไรไป" พระภิกษุได้ทีร่ายยาว "ถึงอย่างไร ท่านก็ข้ามสะพานไม่ได้อยู่ดี หากท่านทำได้ ท่านก็ยังรักษากิริยางดงามความเป็นสุภาพบุรุษเอาไว้ได้"
สุภาพบุรุษถูกจี้ใจ ถึงกับหน้าแดงฉาน คราวนี้เป็นทีที่ชาวนาหัวเราะบ้าง
ถ้าเราไม่เป็นฝ่ายหยิบยื่นน้ำใจไมตรีให้ผู้อื่นก่อน แล้วผู้อื่นจำเป็นอะไรที่จะต้องหยิบยื่นน้ำใจให้แก่เรา...ด้วยเล่า อดทนชั่วขณะ คลื่นลมสงบเงียบ ถอยก้าวหนึ่ง ท้องทะเลกว้าง ท้องนภาไพศาล