ด้านนายแพทย์ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี กล่าวว่า โดยทั่วไป คนเราจะมีขนตาบนมากกว่าขนตาล่าง โดยขนตาบนมีประมาณ 120 เส้น ส่วนขนตาข้างล่างมีประมาณ 80 เส้น โดย ที่โคนขนตาแต่ละเส้นจะมีต่อมไขมันและต่อมเหงื่อช่วยผลิตไขมันและน้ำไปหล่อ เลี้ยงในดวงตา เพื่อเคลือบกระจกตาให้ชุ่มชื้น ทำให้ดวงตาไม่แห้ง นาย แพทย์ฐาปนวงศ์กล่าวต่อว่า หากไม่ทะนุถนอมดวงตา โดยเฉพาะขณะที่ทำการต่อขนตาและขณะดึงออก กาวที่ต่อขนตาอาจจะทำให้ขนตาจริงหลุดติดมาด้วย ยิ่งทำบ่อยครั้งจะยิ่งสร้างการกระทบกระเทือนต่อขนตา ขนตาก็จะหลุดร่วง หรือทำให้เปราะบาง หักง่ายและไม่แข็งแรง ส่งผลถึงการทำลายดวงตาของตัวเองได้
นอก จากนี้กาวที่ใช้ต่อขนตา อาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรือเกิดการอักเสบระคายเคืองที่ผิว ทำให้เกิดเป็นตุ่มพุพองเล็กๆและเป็นหนองได้ เมื่อไอระเหยของกาวมาผสมกับน้ำตาก็จะเกิดปฏิกิริยาเคมี เหมือนกับถูกน้ำกรดหรือด่าง ทำให้เกิดอาการแสบตา ถึงขั้นอักเสบและทำให้ต่อมขนตาฝ่อ ส่งผลให้ขนตาหยุดงอกใหม่ หรือหยุดการเจริญเติบโตทันที หากมีอาการดังที่กล่าวมานี้ ควรไปพบจักษุแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงทีสำหรับผู้ที่ต่อขนตาปลอมถาวรมาแล้ว หากถอดขนตาปลอมแล้วมีขนตาจริงหลุดติดมาด้วย อย่าตกใจหรือวิตกกังวล เพราะขนตาจะงอกขึ้นมาใหม่โดยใช้ระยะเวลา 1 เดือนขึ้นไป โดยหลังจากที่ขนตาหลุดออกมา ควรใช้สบู่ยาล้างหน้าให้สะอาด หรือใช้ยาป้ายตาที่ขอบตา เพื่อล้างสารหรือสิ่งสกปรกที่ตกค้างให้หมดไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่รักความสวยงาม ยังมีวิธีการอื่นๆ อีกหลายวิธีที่ทำให้ตาคมโตได้ เช่น การทาอายแชโดว์ (Eyeshadow) การปัดมาสคาร่า (Mascara) ซึ่งเป็นวิธีการครั้งคราว สามารถทำได้วันต่อวัน และทำความสะอาดได้ง่าย มีอันตรายน้อยกว่าการต่อขนตา หรือหากจำเป็นจะต้องต่อขนตาปลอม ควรเลือกร้านที่มาตรฐานมีความสะอาดเป็นหลัก
ทั้ง นี้ กรณีที่เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรหลีกเลี่ยงการต่อขนตาปลอมถาวร เพราะหากเสียดวงตาเท่ากับเสียโอกาสทั้งชีวิต ขอวอนถึงผู้ที่ให้บริการหรือช่างต่อขนตา ควรมีจิตสำนึก และมนุษยธรรม ที่สำคัญเด็กไม่รู้ถึงวิธีการดูแลรักษาที่ถูกต้อง ถ้าหากช่างต่อขนตาทำอันตรายให้เกิดผลเสียต่อตาของเด็ก อาจจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ถือว่าเป็นการทำร้ายร่างกาย ผู้บริการสามารถฟ้องร้องได้
นายแพทย์ฐาปนวงศ์กล่าวต่ออีกว่า ในการบำรุงทะนุถนอมขนตาให้แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่ายมีหลายวิธี เช่น รักษาความสะอาด กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ อาหารที่มีกรดโฟลิค ซึ่งมีในตับ ผักใบเขียว ยีสต์ซึ่งมีในขนมปังและนมเปรี้ยว และธาตุสังกะสีซึ่งมีในหอยนางรม ตับ เนื้อ ถั่ว ธัญพืช อาหารทะเล และไข่ เป็นต้น