สำหรับคนที่ไม่เคยดูเรื่อง davinci code นี้ อาจจะไม่รู้จัก หรือ ไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำไป มันเป็นฉากสุดท้ายของเรื่องนี้ครับ ปริศนา ที่ไขความลับ ของละครเรื่องนี้นั่นเอง
โบสถ์รอสลินมีอีกชื่อหนึ่งว่า โบสถ์เซนต์ แมทธิว ได้สร้างขึ้นปี ค.ศ. 1446 โดย เซอร์วิลเลียม เซนต์แคลร์ ทายาทรุ่นที่สาม เป็นเจ้าชายองค์สุดท้ายของตระกูลผู้ปกครองออร์คนีย์ แห่งสก๊อตแลนต์ ที่ร่ำรวย และทรงอำนาจในยุคนั้น รอสลินมีต้นแบบมาจากวิหารโซโลมอน ในตะวันออกกลาง ปัจจุบันถูกทำลาย แล้วสร้างเป็น เทมเปิล เมาท์ แทน
จากบันทึกของ ริชาร์ด ออกัสทีน เฮย์ บาทหลวงคนแรกของรอสลีน เขียนว่า เซอร์วิลเลียมผู้เคร่งศาสนา ได้เห็นว่า น่าจะทำอะไรซักอย่าง ในช่วงชีวิตของตน เขาจึงรวบรวมช่างฝีมือจากทุกสารทิศเพื่อสร้างรอสลีน และอีกวัตถุประสงค์หนึ่งก็เพื่อเป็นสุสานของตระกูลเซนต์แคลร์ด้วยครับ
แต่เล้วเขาก็ไม่ได้ยลโฉมรอสริส ตอนสร้างเสร็จเขาก็ได้ด่วนจากไปซะก่อน ก็มันสร้างเป็นเวลานานกว่า สี่สิบปี ตามหลักฐานก็คือจารึกเหนือหลุมศพที่มีสัญลักษณ์ดาบ และ กุหลาบ เพราะท่านเป็นอัศวินคริสตเตียน หรือ Knights templar กล่าวกันว่า เขาใส่ใจทุกรายละเอียดแม้รูปสลักเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตามที
รอสลีน นี้ก็รอดเหตุการณ์ร้าย ๆ ต่าง ๆ มามาก อย่างเช่น ใน ค.ศ. 1571 เกิดการกวาดล้างศาสนาครั้งใหญ่ ในอังกฤษ และสก๊อคตแลนด์ อันมีสาเหตุเรื่องเดิม ๆ นั่นแหละครับ คือความขัดแย้งต่างนิกายกัน บรรดานักบวชในแถบนั้น ถูกขับไล่ออกจากโบสถ์ ส่วนรูปแกะสลักหลายรูป ถูกทำลายไปด้วย ซ้ำร้าย โบสถ์นี้ก็ถูกมองว่า เป็นพวกนอกรีต บูชาปีศาจ และรูปต่าง ๆ ก็ไม่ใช่ของศาสนาคริสต์
และในปี ค.ศ. 1650 เกิดสงครามกลางเมือง โบสถ์แห่งนี้ถูกใช้เป็นคอกม้า เป็นเวลานานถึง 80 ปี โบสถ์รอสลีนก็ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่โดยนายพล เจมส์ เซนต์แคลร์ ทายาทของตระกูลนั่นเองครับ
โบสถ์นี้ก็กลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง เมื่อ วิลเลียม เวิร์ดสเวิร์ธ นักเขียนและโดโรธี นักกวี สองพี่น้องได้ไปเยี่ยมชม ในปี ค.ศ. 1803 ได้พรรณนาถึงความงามของรอสลีนแห่งนี้ จนแพร่ไปทั่วเกาะอังกฤษ แม้กระทั่ง ควีนวิคทอเรีย และเจ้าชายอัลเบิร์ดได้เสด็จไปที่นั่น ในปี ค.ศ. 1842 เกิดความประทับใจ จึงรับสั่งให้บูรณะการครั้งใหญ่ เพื่ออนุรักษ์ไว้เป็นสมบัติของชาติในเวลาต่อมาครับ
แต่เรื่องราวก็ยังไม่จบเท่านั้น รอสลีสก็ถูกนำมาใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เมื่อปิชอป แห่งเอดินเบิร์ก ใช้ในพิธีอิสเตอร์ ในปี ค.ศ. 1862 ส่งผลให้โบสถ์รอสลีนเป็นที่รู้จักแพร่หลายโดยเฉพาะชาวคริสต์ผู้หลงใหลในประวัติศาสตร์ แวะเวียนมาเรื่อย ๆ ครับ
รอสลีนนี้ เลื่องชื่อในเรื่องสัญลักษณ์ครับ สัญลักษณ์ของศาสนาต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ทั่วไป ทั้งภายนอกและภายใน ไม่ว่าจะเป็นกางเขน ของคริสต์ ดาวเดวิด ของยิว หรือดาวหกแฉกนั่นแหละ (ไปดูในวิทรุเวียนแมนภาคจักรวาลของผมดูนะครับ) ตราสมาคม ฟรีมาสัน หรือสลาอิสระ พีระมิด ไม่ต้องบอก (แล้วเขียนทำไม) ลวดลายกุหลาบ รวมทั้งสัญลักษณ์หน้าตาประหลาดแบบ เพนทาเคิล ดาวห้าแฉกครับ แต่เบื้องลึกที่ยังน่าสงสัยก็คือ สัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับศาสนาคริสต์มีค่อนข้างน้อยครับ ทำให้มีคำถามการคาดเดามากมายเกี่ยวกับความลับของรอสลีนแห่งนี้ครับ
หลายคนบอกว่า ผู้สร้างอาจใช้บางแห่งเป็นที่ซ่อนสมบัติ ของตระกูลที่ร่ำรวย แต่นักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่า อัศวินแห่งวิหารหรือ Knights templar ที่ลี้ภัยจากฝรั่งเศส มายังสก๊อตแลนด์ แน่นอนเขาก็ต้องมีสมบัติติดตัวมาด้วย จนกระทั่งได้รู้จักกับ เซนต์แคลร์ ผู้ก่อสร้าง ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่น จึงเป็นไปได้ว่า ตระกูลเซนต์แคลร์อาจซ่อนความลับอะไรบางอย่างไว้โบสถ์แห่งนี้ครับ
ความลับหรือ อัฐิ แมรี่แมคดาลีน หรือ จอกศักดิ์สิทธิ์ หรือแค่สุสานธรรมดา ก็ยังไม่มีใครทราบได้
จอห์น ดาวสัน ผู้ดำรงตำแหน่งในสภาของสก๊อตแลนด์ ได้ให้ความเห็นว่า ความลับที่ซ่อนอยู่ในรอสลีน มีความเป็นไปได้ว่า มันคือ กางเขนศักดิ์สิทธิ์ ที่ใช้ตรึงร่างพระเยซู ซึ่งจักรพรรดินี เฮเลนา ผู้ปกครองในศตวรรษที่ 4 ต่อมากางเขนนั้นถูกนำมายังสก๊อตแลนด์ โดยเจ้าหญิงมากาเร็ต พร้อมกับวิลเลียมเดอ เซนต์แคลร์ ผู้เป็นต้นตระกูล อัศวิน กางเขนศักดิ์สิทธิ์นั้น เคยถูกอังกฤษชิงไปถึงสองครั้ง ครั้งแรกในปี 1336 ในสมัยของกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 1 แต่ก็ถูกนำกลับมาได้ แต่ก็ยังไม่วายถูกมือดี ฉกไปอีกแล้ว ในช่วงก่อสร้างรอสลีน จนปัจจุบันนี้ไม่มีใครทราบว่าอยู่ที่ใด
รายละเอียดเกี่ยวกับโบสถ์รอสลีน
ก่อสร้างอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 1446 ตรงกับวันระลึกเซนต์แมทธิว อาคารหันไปทางทิศตะวันออก โครงสร้างอาจผิดเพี้ยนไปจากปัจจุบันเนื่องจาก แบบแปลนขณะเริ่มแรกสุญหายไป จึงไม่มีใครทราบว่าอาคารที่เห็นนี้ ตรงกับครั้งแรกที่สร้างหรือเปล่า แต่จากการขุดค้น พื้นโบสถ์แล้ว ในช่วง ศตวรรษที่ 19 พบทางเดินที่สร้างไว้ใหญ่มาก นับว่าเป็นสิ่งประหลาดที่ปรากฏจนทุกวันนี้ครับ ความสูง 40 ฟุต กับ 8 นิ้ว ความกว้าง 34 ฟุต 8 นิ้ว ยาว 68 ฟุต อาคารเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะส่วนโค้งที่ไม่เท่ากัน ถึง 32 แห่ง แต่มีเสาสามต้น เรียกว่า เสานายช่างใหญ่ (Prentice pillar บางแห่งเรียกว่า Mason’s pillar) เสาอีกต้นเรียกว่า เสานักเดินทาง หรือ Journeyman’s pillar และเสาเด็กใหม่ หรือ apprentice pillar ด้านบนมีคานเชื่อมเสา มีข้อความเป็นภาษาลาติน ซึ่งคัดมาจากคัมภีร์เอสดร้า เขียนภาษาอังกฤษว่า “wine is strong, a king is stronger, women are stronger still, but truth conqures all” แต่ไม่รู้ความหมายแน่ชัด หรือความหมายแฝงนัยหรือเปล่า ไม่มีใครทราบได้ครับ
เรื่องเล่าเกี่ยวกับเสา เสาสองต้นโดยช้างฝีมือชาวโรมัน ในระหว่างที่เขาสร้างเสร็จไปต้นหนึ่ง แต่ก็มีเหตุที่ต้องกลับไปกรุงโรม แต่เมื่อเขากลับมาก็พบว่าเสาอีกต้นหนึ่งมีคนทำเสร็จแล้ว ซึ่งคนที่สร้างเป็นลูกมือของเขา ด้วยความโกรธ อย่างแรงเขาจึงฆ่าลูกมือคนนั้นซะ
ปัจจุบัน โบสถ์รอสลีนเป็นกรรมสิทธิ์ของเอิร์ลแห่งรอสลีน ทายาทรุ่นที่เจ็ดของเซนต์แคลร์ โดยมีมุลนิธิชื่อ Rosslyn Chapel Trust รวมทั้งเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอีกด้วย ครับ