ภาพที่จะนำเสนอให้เห็นต่อไปนี้ ถ้ามองผ่านๆไปเฉยๆโดยไม่ฉุกคิด ก็อาจดูตลกขบขันหรือน่าขัน แต่ถ้าดูทุกภาพและคิดตามไปด้วยว่า แต่ละภาพนั้นให้แง่คิดและมุมมองอะไรแก่เราบ้าง ก็จะเห็นว่า “เวียดนามไม่ธรรมดาเลย” เขาสู้ทุกอย่าง แบบอหิงสา ไม่เคยขอร้อง ขอความเห็นใจ หรือขอความเมตตาจากมนุษย์เผ่าพันธุ์ใด ให้มาช่วยเหลือ สู้อย่างยิบตา สู้ทุกรูปแบบ ด้วยสติปัญญา และพละกำลังที่มีอยู่ ใช้สิ่งของใกล้ตัวที่มีอยู่ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สงครามเวียดนามโหดเพียงใด โดนกว่า 60 ประเทศรุมยำเป็นสิบปี เวียดนามก็ยังเอาชนะได้ แล้วกับการเกษตรน่ะ มันง่ายกว่าทำสงครามเพียงใด ทำไมจะเอาชนะไม่ได้ เขามีบทเรียนที่เจ็บปวดมากมาย และเขาก็ไม่อยากจะเจ็บปวดอีก เขาพยายามที่จะลืมความเจ็บปวดอันแสนสาหัส และให้อภัยต่อการกระทำของสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร(รวมทั้งประเทศไทย ด้วย) ด้วยเหตุผลก็เพื่อให้ประเทศชาติของเขา พัฒนาก้าวหน้าเพื่อความอยู่ดีมีสุขของคนของเขา แล้วทำไมประเทศไทยซึ่งคุยนักคุยหนาว่าเป็นเมืองพุทธ จะให้อภัยและลืมความเจ็บปวด เพื่อชาติบ้านเมือง และลูกหลานของเรา ในวันข้างหน้าบ้าง ไม่ได้เลยเทียวหรือ ?
ดูแล้วก็อดขำหรืออดยิ้มที่มุมปากไม่ได้ เห็นไหมครับว่าคนเวียดนามเขาเก่งและสู้ชีวิตเพียงใด พยายามใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขยันประหยัดและช่วยเหลือกันโดยไม่เกี่ยงว่า สมควรเป็นงานที่ผู้หญิงหรือผู้ชายทำ ทำโดยไม่เคยเห็นเขาท้อหรือถอดใจเลย แล้วเราคนไทยล่ะ ทำอย่างเขาได้ไหมเล่า? นั่งรถยนต์ไปราชการจากกรุงเทพจนถึงนครสวรรค์ กว่า 200 กิโลเมตร ไม่พบพานเกษตรไทยถอนหญ้าในนาข้าวสักคน ในขณะที่ในเวียดนาม มองไปทางไหนก็พบแต่ชาวนา ทำงานอยู่ในท้องนาเต็มไปหมด นี่แหละคือที่มาของเรื่องเวียดนามไม่เคยเห็น อย่าลบหลู่