‘เขมร’ เกณฑ์ 5 พันจ่อบุกไทยแจกบ้านแลกตาย
จูงใจตั้งนายพลใหม่ 3 โหล ลาออกมรดกโลกให้รอ 1 ปี
เขมรรับสมัครทหาร 5 พันนาย เข้าประจำการแนวชายแดน เผยให้ชาวบ้านมาเป็นพลทหารจับปืนสู้ พร้อมเลื่อนยศ-แจกบ้าน ผู้บังคับบัญชา-หน่วยทหารชายแดนสร้างขวัญ-กำลังใจยกใหญ่ ขณะที่ 3 เหล่าทัพไทย พร้อมรบปกป้องอธิปไตย “ประยุทธ์” ลั่นรุกรานเมื่อไหร่ ตอบโต้กลับได้ทันที สั่งคุมเข้มชายแดนตั้งแต่จันทบุรี-ตราดตลอดแนว “ทบ.” ยันไม่ต้องกังวลเรื่องถูกสายลับล้วงพิกัดทางทหาร แย้มมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา “มาร์ค” เตรียมถก ครม. พิจารณาผลกระทบ ซัด “นพดล”ก่อปัญหาทำแก้ไขยาก “สุวิทย์” อัดเขมรประกาศชัยชนะ ย้อนถามชนะตรงไหน จวกยับสับเละกก.มรดกโลก โวแก่งกระจาน-ภูพระบาท-สิมิลัน ไม่ได้ขึ้นทะเบียนฯ คนก็สนใจมาเที่ยวอยู่แล้ว ขึ้นทะเบียนมรดกโลกแค่เอาป้ายมาแปะ
กรณีประเทศไทยถอนตัวออกจากการเป็นภาคีสมาชิกอนุสัญญาการคุ้มครองมรดกโลก เนื่องจากร่างมติกลางที่ศูนย์มรดกโลกนำเข้าสู่การพิจารณา มีการตัดเรื่องแผนบริหารจัดการรอบพื้นที่ปราสาทพระวิหารในข้อ 6 ยังไม่มีข้อยุติ ซึ่งหากมีการพิจารณาร่างนี้เท่ากับไทยยอมรับแผนฯ โดยไทยไม่ยอมรับแผนฯของกัมพูชาที่มีการรุกล้ำอธิปไตยไทยอย่างชัดเจน จึงจำเป็นต้องถอนตัวออกมาก่อน เพื่อไม่ให้มติของที่ประชุมมีผลผูกพันต่อไทย ทั้งนี้หลังไทยประกาศถอนตัวปรากฏว่าเกิดความตึงเครียดขึ้นมาบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาทันที โดยกัมพูชาสั่งเสริมกำลังทหารเข้า ประจำพื้นที่เต็มอัตราศึก ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
“สุวิทย์”ถึงไทยยันทำดีที่สุดแล้ว
ความคืบหน้าเกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศที่กำลังคุกรุ่นอยู่ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 27 มิ.ย. นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจากรรมการมรดกโลกฝ่ายไทย แถลงหลังเดินทางกลับจากประเทศฝรั่งเศส โดยนายสุวิทย์ ชี้แจงความเป็นมาและเหตุผลโดยละเอียดในการตัดสินใจนำประเทศไทยถอนตัวออกจากการเป็นภาคีสมาชิกอนุสัญญาการคุ้มครองมรดกโลกยืนยันว่า คณะผู้แทนไทยพยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้วในการปกป้องดินแดนและอธิปไตยของไทยอย่างเต็มที่ เราไม่ต้องการที่จะเห็นคนไทยต้องเสียน้ำตาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากเราเสียน้ำตาเพราะการเสียปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2505 มาแล้ว และ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เราพยายามแก้ไขปัญหาที่เราไปเสียเปรียบ ทำให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้ในช่วงปี 2551
ชี้ไม่เคารพหลักก.ม.
รมว.ทรัพยากรฯ กล่าวต่อว่า แต่ปัญหาไม่สามารถแก้ได้ในขณะนี้ กรรมการมรดกโลกไม่เห็นถึงความอ่อนไหว ความละเอียดอ่อน ของปัญหาเขตแดนและอธิปไตยที่เกิดขึ้นระหว่างไทยและกัมพูชา และไม่เคารพหลักกฎหมาย เราจึงขอถอนตัวออกจากการเป็นภาคีสมาชิก เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ร่วมกระบวนการต่อไป ส่วนมติต่าง ๆ ที่จะออกมา ก็จะไม่มีความผูกพันใด ๆ กับไทย แม้ว่าในกฎหมายจะระบุว่าเมื่อเรายื่นถอนตัวแล้วจะมีผลในอีก 1 ปีต่อไป แต่เราบอกเขาไปแล้วว่าเราถือว่าการดำเนินการของเรา และการมีส่วนร่วมของเราจะสิ้นสุด ณ วันนี้ที่เราได้ประกาศถอนตัวไป กระบวนการที่เหลือคือกระทรวงการต่างประเทศจะต้องทำเอกสารแจ้งอย่างเป็นทางการไปที่ศูนย์มรดกโลกอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น ถามว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นผลดีต่อการสู้คดีในศาลโลกหรือไม่ นายสุวิทย์ ตอบว่า อย่างน้อยที่สุดกัมพูชาก็ไม่สามารถเอาข้อมติของคณะกรรมการมรดกโลกไปอ้างได้ นอกจากนี้การถอนตัวยังทำให้ยูเนสโกได้แง่คิดด้วยว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดในการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารมันตรงกันข้ามกับวัตถุประสงค์การก่อตั้งยูเนสโกโดยสิ้นเชิง ที่ต้องการให้เกิดสันติภาพและความมั่นคงในโลกเพื่อยุติปัญหาสงคราม
ย้อนถาม“เขมร”ชนะตรงไหน
ถามว่ากัมพูชาประกาศชัยชนะหลังจากที่ไทยถอนตัวออกจากภาคี สรุปแล้วไทยหรือกัมพูชาใครเสียเปรียบกันแน่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า เขาก็ประกาศชัยชนะทุกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นทำอะไรได้ แผนบริหารจัดการก็เสนอมา 3 ปีแล้ว แต่ก็ทำอะไรบนตัวปราสาทไม่ได้ จึงไม่รู้ว่าชนะตรงไหน “สำหรับผมไม่ได้คิดจะเอาชนะใคร ผมเคารพในอำนาจอธิปไตยของเขา และเขาก็ควรเคารพในอำนาจอธิปไตยของเราด้วย ดังนั้นทางออกทางเดียวที่จะทำให้ปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชาประสบความสำเร็จคือเป็นผู้ชนะ ทั้ง 2 คน ไม่มีผู้ชนะ หรือผู้แพ้ ตราบใดที่กัมพูชายังบอกว่าเป็นผู้ชนะอยู่อย่างนี้ เขาไม่ชนะหรอก คนไทยทั้งประเทศก็คงเห็นแล้วว่าประกาศอย่างไร กัมพูชาก็ไม่สามารถจะทำอะไรในบริเวณตัวปราสาทและรอบปราสาทได้ ยกเว้นใช้เป็นฐานของทหารในการยิงถล่มมาในเขตชายแดนไทย ซึ่งมันผิดกฎหมายระหว่างประเทศ”
ปฏิเสธไม่ได้เอาใจพันธมิตรฯ
ถามว่าการตัดสินใจในครั้งนี้มีนัยทาง การเมืองที่หวังจะได้คะแนนเสียงจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)หรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของตนในฐานะคนไทย ถ้าคุณเป็นคนไทยก็ต้องทำและคิดเช่นเดียวกับตน ว่าจะทำอย่างไรถึงจะปกป้องอำนาจอธิปไตยและดินแดนของเราไว้ แม้แต่ตารางนิ้วเดียวเราก็ไม่ควรยอมสูญเสียให้ใคร ส่วนที่ พธม.ประกาศยุติการชุมนุมในวันที่ 1 ก.ค.นั้น ตนไม่ทราบเป็นเรื่องของ พธม. สิ่งที่ตนทำไป ทำในฐานะคนไทยที่รักชาติ ส่วนใครที่จะเห็นด้วยก็ขอขอบคุณ
ขึ้นทะเบียนฯแค่เอาป้ายแปะ
ส่วนกรณีที่อาจส่งผลกระทบต่อการที่จะขอขึ้นทะเบียนแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของไทยที่เราเสนอขอขึ้นทะเบียนใหม่ไปคือแก่งกระจาน ภูพระบาท และเกาะสิมิลัน แม้เราไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก คนก็สนใจมาเที่ยวอยู่แล้ว เพราะแหล่งท่องเที่ยวของเรามีเกียรติภูมิพอ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อยู่แล้ว การขึ้นทะเบียนมรดกโลกเป็นเพียงแค่เอาป้ายมาแปะไว้เท่านั้น ถ้าเราหวังที่จะขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างเดียว แต่เราต้องสูญเสียอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนบริเวณปราสาทพระวิหารไป สูญเสียเกียรติภูมิของประเทศ
ที่ไปยอมรับการกระทำที่ไม่ถูกต้องของคณะกรรมการมรดกโลก มันคุ้มค่ากันหรือไม่ ถามว่าการถอนตัวไทยจะนำงบประมาณตรงไหนมาใช้พัฒนาแหล่งมรดกโลก นายสุวิทย์ กล่าวว่า เราไม่เคยเอาเงินของเขา มีแต่ให้เงิน ไม่เหมือนกัมพูชา ตอนนี้ก็กำลังสอบถามไปยังกรรมการมรดกโลกเรื่องการขอเงิน 5 หมื่นเหรียญไปใช้ในการบูรณะหมู่บ้านนอกเขตพื้นที่ขึ้นทะเบียน ซึ่งเป็นการใช้เงินที่ไม่ถูกต้องของศูนย์มรดกโลกและยูเนสโก สอบถามไปหลายครั้ง แต่เขาตอบไม่ตรงคำถาม ซึ่งเราจะติดตามต่อไป
แซมดิน-หมอตุลย์โผล่ต้อนรับ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทันทีที่นายสุวิทย์เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ เลขาธิการพรรคเพื่อฟ้าดิน ผู้ประสานงานกองทัพธรรม และ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองคัดค้านนิรโทษกรรมคอร์รัปชั่น (คนท.) ได้มารอพบภายในห้องรับรองพิเศษ และได้ร่วมฟังการแถลงข่าวของนายสุวิทย์ด้วย ซึ่งหลังจากที่นายสุวิทย์แถลงข่าวจบ นพ.ตุลย์ ได้มอบช่อดอกไม้ให้กับนายสุวิทย์ด้วย ขณะที่บริเวณด้านหน้าอาคารรับรองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีกลุ่มประชาชนประมาณ 30 คน จากกทม. และกองทุนหมู่บ้านภาคตะวันตก มายืนรอเพื่อมอบดอกไม้ขอบคุณ และถือป้ายข้อความ “ขอบคุณที่รักษาแผ่นดินไว้ให้ชาวไทยชั่วลูกหลาน”
“มาร์ค”เตรียมถกครม.28มิ.ย.
ที่ จ.ยโสธร วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้นายสุวิทย์ได้เดินทางกลับมาถึงไทยแล้ว และคงจะรายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ คงมีประเด็นที่จะให้หน่วยงานเร่งไปดูว่าในข้อมติของคณะกรรมการมรดกโลก หลังจากที่เราเดินออกจากที่ประชุมแล้ว มันมีผลมีความหมายอย่างไร และขั้นตอนในการดำเนินการต่อจากการแสดงเจตนาของนายสุวิทย์จะเป็นอย่างไร ซึ่งตนเข้าใจว่าคงจะต้องเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งที่จะมาทำตรงนี้ ต่อ แต่อยากให้หน่วยงานเตรียมข้อมูลไว้ให้พร้อม
ซัด“นพดล”ก่อปัญหาแก้ยาก
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังไทยถอนตัวมีผลกระทบต่อมรดกโลกของไทยที่ขึ้นทะเบียนไปแล้วหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า ยังไม่มีผลกระทบ เพราะขั้นตอนต่าง ๆ ยังมีอีกหลายขั้นตอน เป็นจุดที่ตนจะให้ทุกหน่วยงานไปรวบรวมข้อมูลและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ถามต่อว่านาย นพดล ปัทมะ อดีตรมว.การต่างประเทศ บอกว่าการทำแบบนี้เหมือนปิ้งปลาประชดแมว จะกระทบกับส่วนอื่น ๆ ที่ไทยกำลังจะขึ้นทะเบียนมรดกโลก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผลกระทบทั้งหลายจะต้องมีการพิจารณาอย่างถ่องแท้ แต่ผลกระทบต่อการจะขึ้นทะเบียนอะไรอย่างไรนั้นก็ไม่รุนแรงเท่ากับการที่เราจะเสียดินแดน นายนพดลน่าจะทราบว่าสิ่งที่ทำไว้เมื่อปี 2551 สร้างปัญหาทำให้ทุกวันนี้ที่รัฐบาลปัจจุบันพยายามแก้ไขมา 3 ปี ในการไม่ให้มีการไปเสนอแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ซึ่งมันจะคาบเกี่ยวกับพื้นที่ของเราเป็นปัญหามาโดยตลอด
นายกฯลั่นเขมรต้องถอนทหาร
ถามอีกว่าตอนนี้ชายแดนทางกัมพูชาเริ่มเคลื่อนไหว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคุยกับทางกองทัพ ตั้งแต่ก่อนที่ไทยจะถอนตัวจากภาคีของคณะกรรมการมรดกโลก ประมาณ 1-2 ชั่วโมง โดยสอบถามว่ามีการเฝ้าระวังแค่ไหน ซึ่งทางกองทัพยืนยันว่าเฝ้าระวังอยู่ตลอด และรายงานให้ตนทราบว่ามีการเคลื่อนไหวอย่างไร ทั้งนี้แม้ไทยจะถอนตัวออกมาอย่างไร เราก็ยังยืนยันว่ากัมพูชาต้องถอนทหารออกจากบริเวณปราสาทพระวิหารด้วย ขอยืนยันว่าถ้ามีความชัดเจนว่าเรามีรัฐบาลที่เข้มแข็งในการปกป้องอธิปไตยอย่างต่อเนื่อง คิดว่ากัมพูชาจะปรับท่าที เพราะบางครั้งกัมพูชาพยายามจะดูเงื่อนไขการเมืองภายในประเทศ บางทีก็ลุ้นอยู่ว่าถ้าไทยมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เขาจะหารัฐบาลที่พูดคุยกันง่ายกว่าหรือไม่ เขาจึงได้มีการดำเนินงานอย่างที่เราเห็น
ไทยสั่งเตรียมพร้อมตอบโต้
แหล่งข่าวใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ก่อนที่นายสุวิทย์จะประกาศถอนตัวจากคณะกรรมการมรดกโลกนั้น นายอภิสิทธิ์ ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ถึงความพร้อมในเรื่องของการระมัด ระวังบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะหลังจากที่ไทยถอนตัวอาจเกิดการปะทะขึ้นได้ และทางกัมพูชาก็วิตกกังวลเกี่ยวกับสถาน การณ์ จึงเพิ่มกำลังเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งทางไทย โดย ผบ.ทบ.รายงานให้นายกฯทราบว่ากองทัพได้เพิ่มกำลังทหารเข้าไปในพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมแล้ว ถ้าเกิดการรุกล้ำหรือข้ามเขตเข้ามายังฝั่งไทย กองทัพพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยในทันที
สุเทพเปรยหลังเลือกตั้งเคลียร์
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า เป็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากนี้เราจะทำหนังสือยืนยันอย่างเป็นทางการ ความจริงจุดยืนของรัฐบาลไทยคือต้องการที่จะร่วมมือกับฝ่ายต่าง ๆ ในเวทีโลกอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องอธิปไตยของชาติ ผืนแผ่นดินของเรา ตารางนิ้วเดียวเราก็ยอมไม่ได้ เมื่อคณะกรรมการมรดกโลกไม่ฟังเหตุผลของเรา ทั้ง ๆ ที่เรื่องการปักปันเขตแดนกำลังดำเนินการอยู่ และยังจะมาพิจารณาอะไรที่เป็นการข่มเหงเรา เรารับไม่ได้ ส่วนความมั่นคงตามแนวชายแดนนั้นทหารได้มีการส่งกำลังดูแลอยู่อย่างแข็งแรงและมั่นคง มั่นใจว่ากองทัพไทยของเราจะรักษาอธิปไตยของเราได้อย่างสมภาคภูมิ ไม่ต้องให้ประชาชนต้องกังวลใจ เชื่อว่าหลังการเลือกตั้งทุกอย่างก็จะคลี่คลาย
เผย 1 ปีถึงจะมีผลการลาออก
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร ได้โทรศัพท์มารายงานตนถึงกรณีดังกล่าว ส่งผลให้นางโสมสุดาต้องออกจากตำแหน่งคณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศด้วย ทั้งนี้การลาออกจากภาคีมรดกโลกของไทยยังไม่มีผลทันที รัฐบาลต้องส่งหนังสือยืนยันแจ้งการลาออกอย่างเป็นทางการกลับ ไปยังยูเนสโก หลังจากนั้นเมื่อครบ 1 ปี จึงมีผลสมบูรณ์ ส่วนตำแหน่งคณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศนั้นนางโสมสุดาแจ้งว่าต้อง ส่งหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการด้วย และต้องหารือว่าจะดำเนินการอย่างไรอีกบ้าง เพราะที่ผ่านมาไม่ค่อยเกิดเหตุการณ์ลักษณะอย่างนี้ อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติเมื่อนางโสมสุดาลาออกแล้วก็ไม่ควรเข้าไปร่วมทำกิจกรรมหรือว่าประชุมกับยูเนสโกอีก
“สุรเกียรติ์”ค้านไม่เห็นด้วย
ขณะที่นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า ตนเห็นว่าการกำหนดจุดยืนของไทยยังมีหนทางอื่นน่าจะมีประโยชน์กว่าการถอนตัว เช่น การคัดค้าน หรือเดินออกจากที่ประชุม และที่ทำเป็นปกติคือให้มีการบันทึกไว้ว่าเราไม่เห็นด้วยเพราะอะไร ไม่จำเป็นถึงกับต้องถอนตัว เพราะตนยังไม่เห็นเลยว่าที่เราถอนตัวทั้งหมดเราได้ประโยชน์อะไรบ้าง เช่นเดียวกับนางพวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า เรามีปัญหาความขัดแย้งเรื่องปราสาทพระวิหารกับกัมพูชา ตั้งแต่ปี 2505 ที่ศาลโลกตัดสินคดี ภาพลักษณ์ของไทยในสายตาโลก ก็ไม่ดีมาโดยตลอด และไม่ค่อยถูกยอมรับในเวทีโลก และเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องการเมืองภายในที่ลุกลามไปสู่เวทีโลก ยิ่งเราถอนตัวโดยให้เหตุผลที่ไม่ชัดเจน ก็ยิ่งกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทยในเวทีโลกด้วย
“ประวิตร”เชื่อ2ฝ่ายไม่เปิดศึก
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามที่นายกฯชี้แจง ส่วนความรับผิดชอบของทหารตนได้สั่งการไปแล้วในเรื่องการดูแลอธิปไตยทุกอย่างที่เป็นของประเทศไทยตามแนวชาย แดน และเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น ดังนั้นไม่มีปัญหา อะไรที่เป็นของเราก็ยังเป็นของเรา ถามว่านโยบายของไทยยังคงเป็นการตั้งรับใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า หากไม่ตั้งรับจะบุกไปที่ไหน เราจะดูแลอธิปไตยตามแนวชายแดนทุกอย่าง ถามต่อว่า ให้ความมั่นใจต่อประชาชนบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างไร เพราะเริ่มหวาดกลัวเกรงจะเกิดการปะทะ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีอะไร เป็นหน้าที่ของทหารที่จะดูแลประชาชนอยู่แล้วทั้งบริเวณแนวชายแดนและประชาชน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งนี้หากเกิดเหตุรุนแรงทหารก็มีการเตรียมพร้อมเรื่องการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่แล้ว ทั้งนี้เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เชื่อว่าไทยและกัมพูชาคงไม่อยากรบกัน คงต้องมีการพูดจากันมากกว่า
สั่ง“3เหล่าทัพ”เตรียมพร้อม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ว่า คงไม่มีปัญหาอะไร เป็นมาตรการหนึ่งที่เราได้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าว่าถ้าเกิดเหตุการณ์นี้จะทำอย่างไรต่อไป สำหรับการเตรียมการดูแลตามแนวชายแดนเราก็ปฏิบัติเหมือนที่ผ่านมา และเราก็ทำเป็นปกติอยู่แล้ว ตั้งแต่ที่มีการปะทะกันมา เราได้เตรียมเพิ่มเติม ปรับกำลัง จัดที่กำบังต่าง ๆ ให้ปลอดภัย ซึ่งเราจะเตรียมการป้องกันเป็นหลัก เราไม่ต้องการรุกรานใครทั้งสิ้น ถามว่า นายกฯมีการปรึกษาเรื่องการดูแลตามแนวชายแดนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นายกฯสั่งการผ่านทาง พล.อ.ประวิตร ว่าให้เข้มงวดตามแนวชายแดนตั้งแต่พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 คือ จันทบุรี และตราดตลอดแนว ส่วนการเพิ่มเติมกำลังในพื้นที่ฝ่ายตรงข้าม เรื่องนี้ทางกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ เตรียมพร้อมมาโดยตลอด โดยทั้ง 3 เหล่าทัพจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
ลั่นรุกรานเจอตอบโต้ทันที
ถามต่อว่ากัมพูชามีการเคลื่อนไหวทางด้านกำลังหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมากัมพูชามีการขยับกำลังอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ขยับเข้ามาในฝั่งเรา ส่วนมาตรการป้องกันการยั่วยุของอีกฝ่ายนั้น ตนได้สั่งการให้กำลังพลมีสติในการปฏิบัติงาน ตั้งมั่นอยู่ในความถูกต้อง ผู้บังคับบัญชาจะต้องมีคำสั่ง และนโยบายที่ชัดเจนว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง แค่ไหน อย่างไร แต่สิ่งที่ตนได้กำชับคือการรักษาอธิปไตยตามแนวชายแดนให้เข้มแข็ง หากมีการรุกล้ำเข้ามาอธิปไตยของไทย ขอให้กำลังพลใช้อาวุธตอบโต้ได้ทันที และถ้าหากฝ่ายตรงข้ามมุ่งร้ายหรือกระทำอันตรายต่อร่างกาย คงต้องดำเนินการ ส่วนใครจะเริ่มก่อนหรือหลัง ยอมรับว่ามันสุ่มเสี่ยง ถ้าเขาเริ่มก่อนเราก็จะเป็นอันตราย ทั้งนี้ต้องทำความเข้าใจกับชาวบ้านเพราะหลีกเลี่ยงไม่ได้ตราบใดที่มีดินแดนและหมู่บ้านติดกัน อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก อาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้
แจงเปลี่ยนพิกัดทหารตลอด
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์กรณีที่จับสายลับกัมพูชาได้อาจจะทำให้ทางกัมพูชารู้ถึงที่ตั้งทหารของไทยว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องปกติในการจับสายลับได้ เพราะต่างฝ่ายต่างต้องการหาข่าวของฝ่ายตรงข้าม แต่ทางฝ่ายไทยเรามีมาตรการต่อต้านการข่าวรั่วอยู่แล้ว ถือเป็นระเบียบปฏิบัติในการรักษาความปลอดภัยของแต่ละหน่วย ถึงจะไม่มีการจับสายลับได้ ปกติในที่ตั้งหน่วยเราจะเปลี่ยนจุดและพิกัดอยู่เสมอ การตั้งหน่วยย่อยไม่ได้หมายความว่าเราจะตั้งเป็นหน่วยถาวรตลอดไป เรามีการปรับเปลี่ยนที่ตั้งตลอดเวลา ขณะที่ พ.อ.นาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการและผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. กล่าวว่า ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวของไทยที่เป็นมรดกโลกอยู่แล้ว โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวด้านอุทยานประวัติศาสตร์ เพราะที่ผ่านมาแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้ขายได้ เพราะเอกลักษณ์ความเป็นไทย ไม่ได้ขายได้เพราะเป็นมรดกโลก
“แม่ทัพภ.2”สั่งจับตาใกล้ชิด
พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวยอมรับว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาขณะนี้ ทางฝ่ายกัมพูชามีการสับเปลี่ยน หมุนเวียนกำลังพล และการปรับปรุงฐานที่มั่นทางทหาร รวมถึงมีการเสริมกำลัง และอาวุธยุทโธปกรณ์บางส่วน ตามแนวชายแดนหลายจุด แต่ทางฝ่ายไทยเองก็เชื่อมั่นว่ากำลังทหารที่ประจำอยู่ในพื้นที่ ตลอดแนวชายแดนทั้ง 4 จังหวัดเสี่ยง จะสามารถรองรับสถานการณ์ได้ โดยทหารไทยมีความพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยเต็มที่ ซึ่งได้สั่งการให้ทหารการข่าว ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 (ศปก.2) ให้จับตาเฝ้าติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของฝ่ายทหารกัมพูชาอย่างใกล้ชิด ขอยืนยันว่า หากฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากโจมตีทหารฝ่ายไทยก็จะทำการตอบโต้กลับไปโดยทันที
เขมรรับสมัครพลทหาร5พัน
ด้านความเคลื่อนไหวฝ่ายกัมพูชา ผู้สื่อข่าวจังหวัดศรีสะเกษรายงานว่า ได้มีการสับเปลี่ยนกำลังทหารราบ พร้อมกับรถถังรุ่น ที 54 และที 55 ที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตลอดแนวเทือกเขาพนมดงรัก เริ่มตั้งแต่ อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย ฝั่งตรงข้าม กับ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เรื่อยไปจนถึง อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร ฝั่งตรงกันข้ามกับ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อย่างคึกคักเพื่อรองรับสถานการณ์เช่นกัน โดยได้มีประกาศรับสมัครพลทหารจากพลเรือนทั่วไปจำนวน 5,000 นาย เพื่อประจำการตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมมีการเลื่อนยศให้กับผู้บังคับบัญชา หน่วยทหารชายแดน เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ
ประดับยศ-แจกบ้านล่อใจ
ขณะเดียวกัน พล.อ.กุน กีม รองผู้บัญชาการและเสนาธิการร่วม กองทัพแห่งชาติกัมพูชา พล.อ.เจีย ดารา รองผู้บัญชาการทหารบก ได้ร่วมกันประดับยศระดับพลตรีจำนวน 36 นาย ระดับพันเอกพิเศษ (พลจัตวา) จำนวน 16 นาย และพันโท 1 นาย ซึ่งเป็นนายทหารระดับสูง ระดับผู้บัญชาการ และรองผู้บัญชาการระดับกองพลน้อยแนวหน้า ที่ฐานบัญชาการสันติภาพจุด 5 มกรา ในพื้นที่ปราสาทพระวิหาร และได้ทำพิธีประดับยศนายทหารระดับสูง จำนวน 5 นาย ซึ่งเป็นผู้บัญชาการระดับกองพันน้อย ป้องกันดินแดนทางบก ในพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ที่ฐานบัญชาการแนวหน้าบนภูมะเขือ พร้อมสร้างบ้านแจกให้ครอบครัวทหารด้วย
ส่งสัญญาณส่อแววเปิดศึก
ส่วนที่ชายแดนเริ่มมีสัญญาณส่อปะทะ โดยเมื่อเวลา 13.30 น. พ.อ.(พิเศษ) เนี๊ยก วงษ์ รองผู้บัญชาการ กองพลน้อยทหารราบที่ 43ประจำสมรภูมิด้านที่ 3 ปราสาทตาเมือนธม ได้รายงานต่อหน่วยเหนือว่า ทหารไทยได้ขุดสนามเพลาะเคลื่อนที่เป็นจำนวนมาก พร้อมขึงตาข่ายสีเขียวล้อมรอบ ตามแนวป้องกันใกล้ปราสาทตาเมือนธม เนื่องจากเกรงว่าทหารกัมพูชาจะมองเห็นที่ตั้งของฐานทัพไทย ตนจึงขอให้ทหารไทยรื้อตาข่ายออก เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปเที่ยวชมปราสาทตาเมือนธมเห็นธรรมชาติที่อยู่รอบที่ตั้งปราสาท แต่ทหารไทยตอบกลับมาว่า ถ้าจะให้รื้อตาข่ายออกก็ขอให้ทหารกัมพูชาถมสนามเพลาะ ที่ขุดไว้ใกล้ทางขึ้นปราสาทด้วย ทั้งนี้การเจรจาไม่สามารถหาข้อยุติได้ ท่ามกลางบรรยากาศที่เครียดมาก การปะทะสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวล