10 ภาพยนตร์เปลี่ยนโลก

ในขณะที่ภาพยนตร์ส่วนใหญ่จะเน้นบันเทิงเพื่อให้ผู้ดูหลีกหนีจากความจริง แต่กระนั้นก็ยังมีภาพยนตร์จำนวนหนึ่งที่มีเนื้อหากระทบต่อวัฒนธรรม การใช้มนุษย์ เป็นแรงบันดาลใจให้ใครบางคนคิดจะเปลี่ยนโลก แม้ภาพยนตร์ดังกล่าวไม่ได้มีเจตนา(หรือเจตนา)ก็ตาม และนี้คือ 10 ภาพยนตร์เปลี่ยนโลกที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน

 

10. Super Size Me

                 

เป็นภาพยนตร์กึ่งสารคดีที่กำกับและแสดงโดยมอร์แกน สเปอร์ล็อค ที่ยอมเอาตัวเองไปเสี่ยง กับทฤษฎีบริโภคนิยมอาหารฟาสต์ฟู้ด ด้วยการกินเมนูขนาดซูเปอร์ไซส์ของแม็กโดนัลด์ ติดต่อกันเป็นเวลา 1 เดือนเต็มหลังครบกำหนด 30 วัน ผลที่ได้ก็คือ ความดันที่เพิ่มขึ้น ไขมันที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว น้ำหนักตัวของเขาเพิ่มขึ้น 11 กิโลกรัม เกือบตายด้วยภาวะไตวาย เหมือนสื่อให้ว่าวัฒนธรรมการกินที่ห่วยแตกของ อเมริกา ออกมาประจานให้ชาวโลกได้รับรู้ พร้อมๆไปกับ ผลพวงของ ร้านอาหารแบบ ฟาสต์ฟู้ด ที่ออกแนวหลอกขายอาหารขยะให้กับเด็กๆ และด้วยเนื้อหาแบบนี้เองทำให้ภาพยนตร์ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างสูงแม้ว่าผลที่ ตามมาบทสรุปที่นำมาคือการฟ้องร้องแม็กโดนัลด์ก็ตาม โดยออกมาพร้อมว่าภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวเสนอมุมมองด้านเดียว แต่กระนั้นมันเป็นเป็นตัวจุดชนวนทำให้ประชาชนตื่นตัวเกี่ยวกับวัฒนธรรมการ กินของพวกเขามากขึ้น ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเริ่มมีการเพิ่มเมนูสุขภาพเข้าไปในรายการของตนมากขึ้น เพื่อเป็นเมนูทางเลือกแก่ลูกค้าที่ใส่ใจต่อสุขภาพ

 

 

9. Rosetta

  

Rosetta(1999) เป็นภาพยนตร์ฟอร์มเล็กของเบลเยี่ยมกำกับโดยสองพี่น้องดาร์ดัน(Jean-Pierre Dardenne and Luc Dardenne) โดยภาพยนตร์เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งชื่อโรเซตต้า อายุ 17 ปี ที่ความยากจนข้นแค้นทำให้เธอต้องหนีออกจากบ้านที่แม่ติดแอลกอฮอล์ ต่อสู้ชีวิตอย่างปากกัดตีนถีบ ทำงานอย่างหนักหาเงินเพื่อความอยู่รอดของเธอ  โดยภาพยนตร์ดังกล่าวเสมือน สารคดีที่นำเสนอตัวละครเหมือนมีชีวิตจริง จนได้รับรางวัลปาล์มทองคำและนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมที่งานเทศกาลภาพยนตร์เมือง คานส์ ภาพยนตร์ดังกล่าวยังทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการแก้กฎหมายใหม่ในประเทศ เบลเยี่ยมที่ห้ามมิให้นายจ้างจ่ายค่าแรงงานจากวัยรุ่นน้อยกว่าค่าจ้างแรงงาน ขั้นต่ำ

 

 

8. 2001: A Space Odyssey

  

2001: A Space Odyssey (1968) เป็นภาพยนตร์กำกับโดย สแตนลีย์ คูบริค ที่สร้างจากงานที่เขียนขึ้นมาโดย อาเธอร์ ซี. คลาร์ก นักเขียนนิยาย วิทยาศาสตร์ที่โด่งดังพอๆกับ ไอแซค อาซิมอฟ เป็น หนึ่งในหนังที่นักวิจารณ์ต่างพากันส่งเสียงยกย่อง ได้ชื่อว่าเป็นภาพยนตร์ในแนวไซ-ไฟ ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยมีการสร้างมา แม้เนื้อหาในเรื่องจะตีความยากก็ตาม เช่น การวิวัฒนาการของมนุษย์ จากยุคก่อนประวัติศาสตร์ ปรัชญาอวกาศ หือภารกิจบนห้วงอวกาศ หลายคนต้องดูหลายรอบถึงจะเข้าจริงเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว แต่ อย่างไรก็ตามภาพยนตร์ประสบผลสำเร็จสูง กวาดรางวัล และคำวิจารณ์ด้านบวกมากมาย ไม่ว่ารายละเอียดความสมจริงทางวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ และที่สำคัญคือภาพยนตร์ดังกล่าวมีอิทธิพลต่อโลกมากมาย และคุณเชื่อหรือไม่ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้แหละที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ มนุษย์มีความสนใจอยากเดินทางท่องอวกาศ และเป็นแรงบันดาลใจแก่นักวิทยาศาสตร์นาซ่าที่ทำให้มนุษย์ไปดวงจันทร์ในปีต่อ มา  อีกทั้งนีล อาร์มสตรองผู้เหยียบดวงจันทร์คนแรกของโลกเคยพูดบรรยากาศการเหยียบดวงจันทร์ ครั้งนั้นว่า “เหมือนกับภาพยนต์เรื่อง 2001”

 

 

 

 

 

7. Harlan County, USA

  

Harlan County, USA หรือ ฮาร์ลานเคาน์ตี้ สหรัฐอเมริกา เป็น ภาพยนตร์สารคดีโดยผู้กำกับ บาร์บารา คอปเพิล ได้รับรางวัลออสการ์ชนะเลิศในปี 1976   ที่มีเนื้อหาตีแผ่ความยากแค้นของคน งานเหมือง 180 คนในชนบทของเคนทักกีที่สุดทนต่อการกดขี่ข่มเหงของนายทุนของ บริษัทดุค พาวเวอร์  จึงรวมพลังกันประท้วงในปี 1874 โดยการหยุดงานจนกว่าทางบริษัทจะมี สวัสดิการความปลอดภัยและให้ค่าจ้างที่เหมาะสม แต่แล้วการประท้วงกลายเป็นความรุนแรงส่งผลทำให้มีผู้ประท้วงบางคนถูกยิงตาย ซึ่งเนื้อหาเหล่านี้ ผู้กำกับได้เข้าไปคลุกคลีกับชาว บ้านอย่างใกล้ชิด 4 ปีเต็ม แม้สารคดีเรื่องนี้จึงไม่อาจถือเป็นบทบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องและ มองด้านเดียว แต่กระนั้นมันก็ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของคนชั้นล่างและถ่ายทอดความจริงที่คน ส่วนใหญ่ในสังคมไม่เคยรับรู้ถึงความสำคัญในสวัสดิการความปลอดภัยในการทำงาน


                6.JFK

  

ภาพยนตร์เรื่อง “เจเอฟเค” เป็นภาพยนตร์กำกับโดย โอลิเวอร์ สโตน ออกฉายในปี 1991 นำแสดงโดย “เควิน คอสเนอร์” ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นภาพยนตร์แนวทฤษฏีสมคบคิดยอดเยี่ยมตลอด กาล  โดยเนื้อหาภาพยนตร์เป็นการนำเสนอเรื่องราวของ “จิม แกร์ริสัน” ทนายความผู้ยึดมั่นในความจริงที่ต้องเอาชีวิตและหน้าที่การงาน ของเขาเข้าเสี่ยงในการสืบสวนคดีลอบสังหารประธานาธิบดี“จอห์น เอฟ เคนเนดี้” ที่อื้อฉาวไปทั่วโลก และมีการนำภาพวิดีโอการลอบสังหารของจริงมาใช้ในภาพยนตร์ด้วย 

เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายออกมามันก็กลายภาพยนตร์ที่ถูกโจมตีโดยนัก ประวัติศาสตร์ เนื่องจากทฤษฏีสมคบคิดในภาพยนตร์บอกว่ารัฐบาลสหรัฐอยู่เบื้องหลังการฆาตกรรม ประธานาธิบดี โดยภาพยนตร์เสนอรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องมีกระทั่งที่มีอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็น นายทหารระดับสูง เจ้าหน้าที่ของ เอฟบีไอ ซีไอเอ ไปจนถึง ประธานาธิบดีลินดอน จอนห์สัน ที่ดำรงตำแหน่งถัดมา (ว่ากันว่า จอร์จ บุช คนพ่อก็เกี่ยวข้องด้วย) โดยมีรายละเอียดทุกอย่างชัดเจนน่าเชื่อถือ ซึ่งผลกระทบต่อภาพยนตร์ดังกล่าวทำให้ประชาชนอเมริกาเรียกร้องให้รัฐบาลเอา คดีเจเอฟเคกลับมาชี้แจงใหม่อีกครั้ง และเป็นตัวจุดกระแสทำให้สื่อมวลชนทุกแขนงทำการวิเคราะห์และถกปัญหากัน อย่างกว้างขวาง

 



 

5. The Battle of Algiers

                  

                หนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดที่ไม่เคยได้ยินชื่อ ศึกแอลเจียร์ ภาพยนตร์ในปี 1966 ภาพยนตร์เนื้อหาเกี่ยวกับการต่อสู้ของชาวแอลจีเรียในสงครามประกาศอิสรภาพใน ปี 1950 จากฝรั่งเศส ในช่วงแรกภาพยนตร์ดังกล่าวถูกห้ามฉายในฝรั่งเศสเนื่องจากมีเนื้อหาเกี่ยวกับ ความไม่สงบ ภาพยนตร์ดังกล่าวได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นภาพยนตร์ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ หลายประเทศที่มีสงครามกลางเมืองใช้กลยุทธ์การสู้รบแบบกองโจร เช่น ไอริชเคยบอกว่าได้รับอิทธิพลบางส่วนจากภาพยนตร์มาใช้ นอกจากนั้นมันยังถูกใช้เป็นเครื่องมือการเรียนการสอนสำหรับทีมปราบปรามจลาจร ต่อต้านการรบแบบกองโจรของสหรัฐ ในสงครามอีรักด้วย

 

 

4. An Inconvenient Truth

                 

An Inconvenient Truth(2006) เป็นภาพยนตร์สารคดียาว 100 นาที ดำเนินเรื่องโดย อัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สมัย บิลล์ คลินตัน และผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปี ค.ศ. 2000 ที่แพ้การเลือกตั้งให้แก่ จอร์จ ดับเบิลยู บุช ไปอย่างเฉียดฉิวและน่าเคลือบแคลง และนับจากนั้นเขาจึงรณรงค์ให้โลกตระหนักถึงภาวะโลกร้อนที่เป็นปัญหาที่โลก ของเรากำลังเผชิญอยู่ โดยภาพยนตร์สารคดีดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าตอนนี้โลกอยู่ในวิกฤตการณ์สภาวะโลก ร้อน (Global Warming) อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น ภัยพิบัติมากยิ่งขึ้น อย่างตรงไปตรงมาและลึกซึ้ง โดยนำเสนอข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือเป็นระยะ แม้ต่อมาภาพยนตร์ดังกล่าวยังเป็นที่ถกเถียงว่าข้อมูลวิทยาศาสตร์ของภาพยนตร์ เรื่องนี้เชื่อถือได้เพียงใด?  อย่างไรก็ตามภาพยนตร์ดังกล่าวได้สร้างแรง บันดาลใจให้แก่คนทั่วโลกได้ตระหนักถึงภาวะโลกร้อน หลายประเทศมีการจัดอภิปราย รณรงค์ การใช้กฎหมายเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว

 

3. Triumph Of The Will

  

Triumph of the Will(1934) หนังเยอรมันที่สร้างขึ้นในยุคฮิตเลอร์เรืองอำนาจ กำกับโดยเรมี่(Leni Riefenstahl)ที่เลื่อมใสฮิตเลอร์ และต้องการที่จะสร้างภาพยนตร์ดังกล่าว เพื่อสนับสนุนพรรคให้ยิ่งใหญ่ โดยภาพยนตร์ดังกล่าวเป็นภาพยนตร์ขาวดำยาวกงว่าสองชั่วโมง เนื้อหาเร้าอารมณ์รักชาติ โดยบันมึกภาพเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมของพรรคนาซีและทหาร การปราศรัยของฮิตเลอร์ การเดินขบวนพาเหรดของทหารเอสเอส  ความศรัทธาของประชาชนที่มีในพรรคนาซี  รวม ไปถึงการสร้างตัวฮิตเลอร์ให้คนดูรู้สึกมีความศรัทธามากขึ้น ภาพยนตร์ดังกล่าวกวาดรางวัลมากมายในเทศกาลหนังนานาชาติ ทำให้โลกรู้ถึงความน่ากลัวของฮิตเลอร์และพรรคนาซี และภาพยนตร์ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นต้นแบบของหนังโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งทุก วันนี้ชื่อของเรมี่นั้นได้กลายเป็นชื่อผู้กำกับหญิงที่โดดเด่นที่สุดใน ศตวรรษที่ 20

 

 

2.The Birth Of A Nation

  

The Birth of a Nationหรือ เดอะ เบิร์ธ ออฟ อะ เนชั่น เป็นหนึ่งภาพยนตร์ที่ได้รับเครดิตว่าเป็นภาพยนตร์เงียบที่มีอิทธิพล ต่อจิตใจของชาวอเมริกันจนถึงทุกวันนี้   หนังมหากาพย์ประวัติศาสตร์เรื่อง แรกที่ดังที่สุดของฮอลลีวูด ของผู้กำกับชื่อ ดี ดับบลิว. กริฟฟิธ สร้างเมื่อปี ค.ศ.1915 โดยวางท้องเรื่องไว้ในยุคสงครามกลางเมืองของอเมริกา การลอบสังหารอับราฮัมลินคอล์น และการก่อตัวของลัทธิคู คลักซ์ แคลน ภาพยนตร์ประสบผลสำเร็จอย่างมากในยุคนั้น แม้เนื้อหาไม่ตรงประวัติศาสตร์ก็ตาม นอกจากนี้ยังมีเนื้อหาเหยียดสีผิวนำเสนอพวกคู คลักซ์ แคลน ขบวนการใต้ดินในรัฐภาคใต้ของอเมริกาที่ต่อต้านคนผิวดำ อย่างเชิดชูและมองคนผิวดำอย่างมีอคติหลังจากหนังเรื่องนี้ ออกฉายแล้วก็มีเสียงต่อต้านและสนับสนุนอย่างมหาศาลจากมหาชนชาวอเมริกา มีรายงานว่าวัยรุ่นผิวขาวหลายคนพอดูหนังเรื่องนี้แล้วก็ไปทำร้ายและสังหารคน ผิวดำ อีกทั้งยังเป็นแรงกระตุ้นให้คนอเมริกันผิวขาวกว่า 3 ล้านคนสมัครเป็นสมาชิก กลุ่มคู คลักซ์ แคลน ให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง

 


 

 

1. The Thin Blue Line

  

ในคือภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง ที่ส่งผลทำให้เกิดผลกระทบกับสังคมทันทีที่ออกฉาย The Thin Blue Line(1988) เป็นภาพยนตร์สารคดี ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับแรนดอลล์ เดล อดัมส์ (Randall Dale Adams) ซึ่งได้ถูกลงโทษพิพากษาประหารชีวิตจากคดีฆาตกรรมเจ้าหน้าที่ตำรวจดับบลิว โรเบิร์ต วูด อย่างไรก็ตามแม้มีการตัดสินคดีไปแล้วภาพยนตร์ดังกล่าวก็เกิดขึ้นภายใต้แนว คิดว่าอดัมส์นั้นเป็นแพะคดีฆาตกรรมดังกล่าว โดยเชื่อว่าการตัดสินของคณะลูกขุนผิดพลาด เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอและพยานเท็จ  หลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้ฉาย ทำให้คดีของเขาถูกนำมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง เขาถูกปล่อยตัวออกจากคุกหลังจากนั้นในปีถัดมา ภาพยนตร์ดังกล่าวถือว่าเป็นภาพยนตร์สารคดีคลาสสิกประเภทและรูปแบบการนำเสนอ และได้ทำให้เกิดอิทธิพลอย่างมหาศาลในเวลาต่อมา

 เครดิต:CAMMY

อ้างอิงจากบทความ Top 10 Movies That Changed The World

http://www.toptenz.net/top-10-movies-that-changed-the-world.php

(เพิ่มเติมวิกิมีเดีย ไทย และอังกฤษ)

http://www.sarakadee.com/web/modules.php?name=Sections&op=printpage&artid=272

http://www.scriptdd.com/diary/super-size-me-the-movie.html

http://www.onopen.com/2006/02/575

28 มิ.ย. 54 เวลา 09:46 2,668 3 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...