เมื่อไม่นานเท่าไหร่ ยังมีชายคนหนึ่งอาศัยอยู่ ในบ้านหลังกำแพงสีเทา ...กำแพงสีเทาที่ มืด ทึบ หนา ตัน และสูงตระหง่าน
ชายหนุ่มนั่งอยู่คนเดียวมานานแสนนาน พร้อมกับนั่งเฝ้าสมบัติ อันล้ำค่าที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก
มันเป็นอัญมณีสีแดง แบ่งสี่ ที่ คนที่อยู่โลกอีกฟากหนึ่ง ของกำแพงเรียกอัญมณีชิ้นนี้ว่า“ หัวใจ”
วันหนึ่ง เด็กขี้สงสัยคนหนึ่ง ปีนกำแพงเข้ามาถามชายหนุ่มว่า ทำไมเขาถึงขังตัวเองอยู่หลังกำแพง ไม่ออกไปดูโลกภายนอกบ้าง และกำแพงนี่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรดี ทำไมเขา ไม่ทำลายมันเสีย ชายหนุ่มยิ้มเศร้า และ ตอบเด็กน้อยว่า
“ที่จริง ตอนแรกๆกำแพงนี้มันไม่ได้สูงและหนาขนาดนี้หรอก”
มันเป็นแค่กำแพง ก่ออิฐที่สร้างขึ้นมาง่ายๆ และ สูงแค่หน้าอกของฉันเท่านั้น เพียงแต่วันหนึ่งหญิงสาวคนหนึ่งปรากฎตัวขึ้น พร้อมกับค้อนปอนด์อันเบ้อเร่อ!! เธอเดินเข้ามาทุบกำแพง ของฉันเสียจน เป็นรูขนาดใหญ่พร้อมกับชักชวนฉัน
ออกไปเดินเล่นข้างนอก มันเป็นครั้งแรกที่ฉันก้าวออกมานอกกำแพง มันทำให้ฉันพบว่าโลกที่ฉันอาศัยอยู่จริงๆนั้นมีท้องฟ้า
สีขาวและมีดาวเป็นสีชมพู ฉันรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับโลกใหม่ใบเดิมมาก รู้ตัวอีกทีฉันก็เดินมาไกล
จากหลังกำแพงที่ฉันอาศัยอยู่เสียแล้ว...และนั่นทำให้ฉันนึกขึ้นได้
ฉันไม่ได้เอาสมบัติของฉันติดตัวมาด้วย ฉันจึงรีบชวนหญิงสาวคนนั้นกลับ แต่เธอกลับหายตัวไปเสียแล้ว
ฉันรู้สึกกลัวและหวั่นใจอย่างประหลาด ฉันรับรู้ได้เองว่า โลกของฉันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
ฉันรีบวิ่งกลับไปที่บ้านหลังกำแพง เมื่อถึงบ้าน...
สิ่งที่ฉันเห็นก็คืออัญมณีสีแดงของฉันได้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเสียแล้ว
ฉันทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่นั่งร้องไห้ และ ร้องไห้หนักขึ้นไปอีก เมือเห็นค้อนปอนด์ของหญิงสาววางอยู่ข้างๆ เศษชิ้นส่วนสีแดงเหล่านั้น
หลังจากนั้นฉันเลยใช้เวลาทั้งหมดไปกับการซ่อมกำแพง และก่อมันให้สูงขึ้น สูงขึ้น และแข็งแรงขึ้น
เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้ามาพังกำแพงของฉันได้อีก...
เด็กน้อยหายสงสัย และรู้สึกเศร้าใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของชายหนุ่ม เขากล่าวแสดงความเสียใจและกล่าวคำอำลา
...ระหว่างการปีนกำแพงกลับ เด็กน้อยคิดอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง เขาคิดว่าชายหนุ่มบอกเล่าเรื่องราวของเขาไม่หมด การก่อกำแพงที่สูงขนาดนี้ไม่ใช่เพื่อป้องกันคนให้เข้าพังกำแพงของเขาหรอก
ชายหนุ่มน่าจะก่อกำแพงเอาไว้เพื่อป้องกันหัวใจที่แตกสลายของเขามากกว่า....
ดราม่า น้ำตาเล็ด เลย เรา....