บริษัท ปตท. เผย ท่อส่งก๊าชรั่วในอ่าวไทย ทำก๊าชขาด 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เร่งหาเชื้อเพลิงทดแทน ยัน ไม่กระทบสิ่งแวดล้อม ด้าน รมว.พลังงาน สั่งตั้งวอร์รูม เร่งแก้ปัญหาท่อก๊าซรั่วในอ่าวไทย ยัน ไฟฟ้าไม่ดับ แต่กระทบค่าไฟ

         จากที่เกิดปัญหาท่อก๊าซรั่วในอ่าวไทย  นั้น นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้สั่งการให้ตั้งวอร์รูม เร่งแก้ปัญหาท่อส่งก๊าซธรรมชาติรั่ว บริเวณกิโลเมตรที่ 81 ห่างจากแท่นผลิตในทะเล โดยให้ นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน ซึ่งเบื้องต้น พบว่า ปัญหาเกิดจากเรือเข้าไปชนท่อส่งก๊าช ได้รับความเสียหาย จึงเกิดการรั่วไหล ทำให้ต้องหยุดส่งก๊าซในทันที และเป็นสาเหตุให้ก๊าชขาดไปประมาณ 500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าของประเทศ แต่ได้มีการจัดหาเชื้อเพลิงอื่น อาทิ ดีเซล เข้ามาชดเชย จึงยืนยันว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าของประเทศ แต่อาจมีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น

         นายแพทย์วรรณรัตน์ ยอมรับว่า การใช้เชื้อเพลิงอื่นเข้ามาผลิตไฟฟ้าแทนก๊าชธรรมชาติ อาจส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าของประชาชน แต่มองว่าผู้ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต้องเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนนี้

         ด้านนายวิชัย พรกีรติวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาเปิดเผยทราบว่า จากการตรวจสอบพบ จุดที่ก๊าซรั่ว คือบริเวณท่อ ต่อเชื่อมระหว่างท่อฯหลักในทะเลขนาด 34 นิ้ว หรือ (ท่อเส้นที่ 1) กับท่อย่อย (24 นิ้ว) ที่ส่งก๊าซ มาจากแหล่งปลาทอง

         โดยเช้าวันนี้ (26 มิถุนายน) ปตท. ได้ส่งอุปกรณ์สำรวจใต้น้ำ ROV (Remotely Operated Vehicle) ลงไปตรวจสอบ เพื่อจะนำข้อมูลมาประเมินและเร่งดำเนินการแก้ไขซ่อมแซม จึงมีความจำเป็นต้องหยุดส่งก๊าซ ผ่านท่อ หลักเส้นดังกล่าวเป็นการชั่วคราว

         ทั้ง นี้ ผลกระทบจากเหตุดังกล่าว ทำให้ความสามารถในการส่งก๊าซธรรมชาติมีปริมาณลดลงประมาณ 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งกระทบต่อการส่งก๊าซให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ โรงแยกก๊าซธรรมชาติ โดย ปตท. อยู่ระหว่างการจัดหาน้ำมันเตาปริมาณ 30 ล้านลิตรให้กับโรงไฟฟ้า พร้อมทั้งมีแผนจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) รวมทั้งจัดหาก๊าซ จากแหล่งอื่นๆ เข้ามาเสริม ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการ

         อย่าง ไรก็ตาม ยืนยันว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในทะเล ทั้งสิ่งมีชีวิต คุณภาพน้ำทะเล และสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เนื่องจากก๊าซธรรมชาติมีคุณสมบัติเบากว่าอากาศ ไม่ละลายน้ำ และไม่มีสิ่งเจือปนอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม