ภาพภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหาข่าวกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหาข่าว

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.น้ำโสม จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลน้ำโสมว่า มี

คนไข้รายหนึ่งเดินทางเข้ามารักษาตัว หลังจากที่ทำการรักษาโรคกับหมอแผน

โบราณ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปตรวจสอบ

เมื่อถึงที่โรงพยาบาลพบกลุ่มกำลังรร่ำไห้กอดศพ นางลำไย พูลสมบัติ อายุ 78 ปี อย่าง

น่าเวทนาอยู่ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล ซึ่งญาติของผู้เสียชีวิตให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ

ผู้ตายมีอาการเจ็บป่วยปวดขาปวดเอว จึงไปรับการรักษาโรคกับหมอแผนโบราณรายหนึ่ง

ชื่อ นายล่วง ศรีวงแก้ว อายุ 50 ปี ซึ่งอ้างว่าเป็นหมอเทวดา สามารถรักษาได้ทุกโรค ซึ่ง

มีบ้านอยู่ในอำเภอเดียวกัน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งบริเวณชั้นล่างถูก

ดัดแปลงเป็นห้องรักษาพยาบาลคนไข้ โดยมีเตียงคนไข้ 5 เตียง ตรวจสอบพบหม้อต้ม

เข็มฉีดยา เข็มฉีดยา หลอดยาที่ใช้แล้วและยังไม่ได้ใช้จำนวนหนึ่ง ใบประกาศชมรมแพทย์

แผนไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และใบประกอบโรคศิลปะแผนโบราณ จึงได้ยึดควบคุม

ไปตรวจสอบ และนำตัว นายล่วง ผู้ต้องหาไปสอบสวน

จากการสอบสวนนายล่วง เปิดเผยว่า เมื่อ 10 ปีก่อน ตนเคยเรียนแพทย์แผนโบราณมา

จาก จ.ขอนแก่น จนได้ใบประกาศและใบประกอบวิชาชีพแผนโบราณ จากนั้นจึงได้มาเปิด

คลีนิกแพทย์แผนโบราณที่บ้านดังกล่าวจนกระทั่งปัจจุบัน ทำรายรักษาผู้ป่วยไม่เคยมี

ปัญหาใดๆ เกิดขึ้น จนกระทั่งในครั้งล่าสุด เกิดจากความประมาทของตนเอง เนื่องจากผู้

ป่วยมีอายุมาก และไม่ได้แจ้งว่ามีโรคไตเป็นโรคประจำตัวก่อนเข้าทำการรักษา ตนจึงให้

ยารักษาโรคชนิดรุนแรงในการรักษาอาการป่วยดังกล่าว จนทำให้คนไข้เกิดอาการช็อก

หมดสติและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา เปิดสถานพยาบาลและประกอบวิชาชีพเวชกรรม

โดยไม่ได้รับอนุญาติ กระทำการโดยประมาทจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้นำตัวผู้

ต้องหาไปสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป