“สามพันโบก” ดินแดนมหัศจรรย์ริมฝั่งโขง

จากกระแสการโปรโมตของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ที่นำซุปเปอร์สตาร์ที่คนไทยทั้งประเทศรู้จักอย่าง “พี่เบิร์ด” ธงไชย แมคอินไตย์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาพาท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวในโฆษณาชุดนั้นเป็นที่รู้จักในช่วงเวลาข้ามเดือน โดยเฉพาะ “สามพันโบก” ที่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตติดลมบนมาจนถึงทุกวันนี้

“สามพันโบก” เป็นพื้นที่ในลำน้ำโขง ตั้งอยู่ที่บ้านโป่งเป้า ต.เหล่างาม อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี สามพันโบก มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่พิเศษแตกต่างจากพื้นที่ริมโขงทั่วไป เนื่องจากถูกน้ำ ลม ฝน แดด กระทำกับพื้นหิน ดิน ทราย เป็นเวลานับแสนนับล้านปี จนกลายเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วย ประติมากรรมธรรมชาติอันแปลกตาน่าพิศวงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เกาะ แก่ง หลุม รู แอ่ง โพรง เพิงผา โขดหิน แนวหิน เสาหิน พื้นหิน และลักษณะแปลกประหลาดของธรรมชาติอีกมากมาย จนถูกขนานนามให้เป็น “แกรนด์แคนยอนเมืองไทย”

การมาเยือนสามพันโบกในครั้งนี้ต้องขอขอบคุณ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) ที่ทำหน้าที่ดูแลและเป็นไกด์คอยให้ความรู้ตลอดการเดินทาง ทำให้เรารู้ว่าการเดินทางท่องเที่ยวพร้อมกับทัวร์มีข้อดีอยู่มากมาย ทั้งเรื่องความรู้ที่จะได้รับจากผู้เชี่ยวชาญพื้นที่ การเดินทางโดยไม่ต้องเสียเวลาควานหาเส้นทาง รวมถึงเรื่องระยะเวลาในการชมสถานที่ท่องเที่ยวที่จัดไว้ได้อย่างลงตัว ทำให้ผู้ร่วมเดินทางทุกคนได้ชมความงามอันน่าอัศจรรย์ของสามพันโบกได้อย่างเต็มที่

ถ้าคิดจะมาเยือนสามพันโบกและชมความงามให้ครบรสแนะนำให้เลือกวิธีลงเรือที่ หาดสลึง โดยเรือจะนั่งได้ลำละ 13 คนล่องไปตามลำน้ำโขงชมทัศนียภาพสองฝั่งน้ำที่กั้นกลางระหว่างประเทศไทยกับประเทศลาว ก่อนจะเทียบท่าจุดแรกที่ หาดหินสี หรือทุ่งหินเหลื่อม เป็นกลุ่มหินสีที่มีลักษณะแปลกตา มีการจินตนาการไปกันต่างๆนานาว่าหินแต่ละก้อนเหมือนสิ่งต่างๆอย่างเช่น จระเข้ แจกัน ฯลฯ

หินในลานหินสีจะมีผิวเรียบเป็นมันหลากหลายสี มีขนาดตั้งแต่ก้อนเล็กเท่ากำปั้น ไปจนถึงก้อนใหญ่สุดมีขนาดใหญ่กว่า 3 เมตรกระจายเป็น 3 กลุ่มใหญ่บนพื้นที่เวิ้งว้าง นักท่องเที่ยวทุกคนที่ได้ขึ้นมาชมที่นี่ คงมีความรู้สึกไม่ต่างจากผมหรือผู้ร่วมเดินทางในครั้งนี้ว่า ดินแดนแห่งนี้เป็นความงดงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้างได้อย่างลงตัว และน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมากถึงจะร้อนไปบ้างแต่ก็ไม่ใช่อุปสรรค

เสร็จจากลานหินสีเรือล่องทวนน้ำมาเรื่อยๆ โดยตลอดเส้นทางจะเห็นวิธีการดักปลาของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมฝั่งโขงซึ่งเป็นวิถีท้องถิ่นไม่สามารถหาชมได้จากที่ไหน ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงจุดหมายที่สอง หาดหงส์ เนินทรายแม่น้ำโขงขนาดมหึมามีลักษณะคล้ายกับทะเลทรายที่กว้างใหญ่ โดยมัคคุเทศก์ท้องถิ่นตัวน้อยบอกว่า ช่วงที่พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า จะเป็นเวลาที่ชมหาดหงส์ได้สวยงามที่สุด เพราะแสงทองของดวงอาทิตย์จะกระทบกับทรายสีขาวเกิดเป็นประกายระยิบระยับ

ใช้เวลาเดินทางชมความงามทั้ง 2 จุดประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็มาถึงคิวของสถานที่ไฮไลท์ที่ทุกคนรอคอย สามพันโบก ดินแดนธรรมชาติแปลกตาที่เดิมชาวบ้านต่างเรียกกันว่า “ปู่จกปู” ซึ่งมัคคุเทศก์เล่าให้ฟังว่าชื่อนี้มาจากตำนานเล่าขานที่ว่านานมาแล้ว ปู่กับหลานคู่หนึ่งได้ล่องเรือหาปลาในลำน้ำโขง และได้มาแวะพักในบริเวณนี้ แล้วฝ่ายหลานเกิดอาการหิวขึ้นมา ปู่จึงเอามือล้วงเข้าไปในหลุม จับได้ปูมาทำเป็นอาหารให้หลานได้กินอิ่มหนำสำราญ

แต่ชื่อของ“ปู่จกปู” ฟังดูไม่ค่อยติดหูเท่าไหร่ ทำให้กลุ่มผู้บุกเบิกการท่องเที่ยวของที่นี่ ได้เรียกสถานที่แห่งนี้ใหม่เป็น “สามพันโบก” ซึ่งมีที่มาจากแอ่ง หลุม บ่อ ที่มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนหลายพันแอ่ง เพราะคำว่า“โบก” ในภาษาลาวหมายถึง หลุม แอ่ง บ่อ นอกจากนี้ยังเป็นการตั้งชื่อให้สอดรับกับชื่อ “มหานทีสี่พันดอน” ที่คนลาวใช้เรียกขานแม่น้ำโขงที่มีเกาะแก่งมากมายในเมืองจำปาสัก

สำหรับการมาเยือนสามพันโลกครั้งแรกนี้สร้างความประทับใจให้ผมอย่างคาดไม่ถึง แม้ความงามของแก่งสามพันโบกจะยังไม่ใช่ช่วงที่ดีที่สุดตามที่มัคคุเทศก์บอก เพราะต้องรอประมาณเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ถึงน้ำจะลดแล้วเห็นความสวยงามอย่างเต็มที่ แต่เท่าที่ผมสัมผัสและเห็นกับตาตัวเอง รวมถึงได้พูดคุยกับผู้ร่วมเดินทางทุกคน ความเห็นทั้งหมดต่างไปในทางเดียวกันว่า ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหนสถานที่แห่งนี้ถือเป็นความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างมาได้อย่างยิ่งใหญ่จริงๆ ขอเพียงแค่มนุษย์อย่าจงใจเข้ามาทำลาย ดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้น่าจะอยู่เคียงคู่แม่น้ำโขงตลอดไป