กลาย เป็นประเด็นที่มีการถกกันอย่างกว้างขวางแล้ว ถึงอิทธิพลของสื่อบนโลกออนไลน์ที่เรียกว่า Social Network ทั้งนี้จากที่ประชุมระดับนานาชาติ โดยเฉพาะเรื่องความผูกพันในครอบครัว เด็ก และการรักษาวัฒนธรรม (In Defense of the Family : Family Children and Culture) ระหว่างวันที่ 16 - 21 มิ.ย. 54 ที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ สีลม ดร.แคทเธอลีน เบอร์นาร์ด ประธานสถาบันวิจัยและบริการด้านครอบครัว และเด็ก หรือมีชื่อว่าสถาบัน SERFAC ที่ปรึกษาพิเศษด้านเศรษฐกิจสังคม (ECOSOC) ขององค์การสหประชาชาติ เปิดเผยว่า สถานการณ์ในด้านครอบครัวมีความรุนแรงเกินความคาดหมาย โดยเฉพาะในเรื่องของ Social Network หรือในสื่อออนไลน์ต่าง ๆ

          ดร.แคทเธอลีน ระบุว่า ที่ ประเทศศรีลังกา จากการที่ผู้หญิงต้องออกไปทำงานนอกบ้านหรือในต่างประเทศมากขึ้น ส่งผลทำให้ไม่มีเวลาดูแลอบรมลูก ต้องให้พ่อหรือญาติพี่น้องเป็นผู้ดูแลหรือเลี้ยงลูกแทน ส่งผลทำให้เด็กได้รับความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการกดขี่ทางเพศ, การทะเลาะถูกทุบตีหรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่อังกฤษ จากการที่สื่อออนไลน์โดยเฉพาะ Social Network ซึ่งปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก ได้สร้างปัญหา คือ มีเด็กได้ไปคุยกับบุคคลในอินเทอร์เน็ต จนถึงมีการสอนการทำระเบิดและนำไปก่อเหตุความเสียหาย โดยนำไปทำระเบิดแบบพลีชีพ สร้างความวุ่นวายให้บ้านเมืองมากพอสมควร ที่ประเทศอินเดีย ปัญหาการที่ผู้ใหญ่นิยมเข้าไปดูภาพโป๊หรือภาพการทำอนาจารกับเด็กที่มีอายุ น้อยมีอัตราสูงมาก ส่งผลทำให้เด็กถูกกระทำหรือกดขี่ข่มเหงเพิ่มขึ้น ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง ในประเทศฮ่องกง เด็กไม่มีสนามเด็กเล่นหรือใช้ทำกิจกรรมต่าง ๆ เนื่องจากฮ่องกงมีพื้นที่ประเทศน้อยมาก เด็กส่วนใหญ่เลยต้องเข้าไปเล่นในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ส่งผลให้เกิดภาวะเด็กติดเกมเหมือนกับเด็กในประเทศไทย

          ก่อน หน้านี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ได้เผยแพร่รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่ง ปี 2554 ก็ได้ระบุว่า สังคม ออนไลน์จะต้องเฝ้าระวังผลกระทบทางลบต่อเด็กและเยาวชน เพราะปรากฏว่าการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารในครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากเป็นการใช้อย่างสร้างสรรค์ก็จะเกิดประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต ช่วยเพิ่มองค์ความรู้และประสิทธิภาพการทำงาน

          ผลการศึกษาของบริษัท ทีเอ็นเอสฯ บริษัทวิจัยตลาดได้รายงานพฤติกรรมออนไลน์ของคนไทยว่า ร้อยละ 39 เป็นผู้หลงใหลสังคมออนไลน์ โดยถือว่าอินเทอร์เน็ตเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ต้องการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจากทุกที่ทุกเวลาเพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ ร้อยละ 24 ต้องการค้นหาข้อมูล และร้อยละ 21 เป็นกลุ่มผู้ยึดติดการสื่อสาร จะเปิดเผยตัวในโลกอินเทอร์เน็ต



ขอขอบคุณข้อมูลจาก