กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ และสื่อทุกแขนงในช่วง 3 วันที่ผ่านมานี้ สำหรับกรณีที่ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก อายุ 34 ปี แพทย์ประจำคลินิกผู้สูงอายุ รพ.พระมงกุฎเกล้า ถูกรถยนต์นิสสัน ซันนี่ นีโอ สีน้ำตาล ทะเบียน วค 1355 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่วานนี้ (21 มิถุนายน) พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กล่ำ ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานปลัดบัญชีทหารกองบัญชาการกองทัพไทย จะได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยยอมรับว่าเป็นผู้ขับรถคันดังกล่าวเอง
แต่ทว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ กลับให้การว่า ตนเองไม่ได้ขับรถชน หมอมุก อย่างที่เป็นข่าว โดยหลังจากมีการโต้เถียงกันเรื่องที่จอดรถ หมอมุก ได้กระโดดขึ้นที่ฝากระโปรงหน้ารถของเขาเอง พร้อมกับใช้มือจับที่ปัดน้ำฝนหน้ารถจนหลุดติดมือร่วงลงไปพร้อมกับร่างของหมอมุกด้วย ด้วยความตกใจตนจึงรีบหยุดรถ เพื่อไม่ให้รถทับร่างของหมอมุก ก่อนจะขับรถจากไป
อย่างไรก็ตาม คำให้การดังกล่าวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ได้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ที่ติดตามข่าวสารเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ดังเช่น ชาวไซเบอร์ที่ได้เปิดหน้าเฟซบุ๊ก "กระโดดชนรถ Thailand" ขึ้น เพื่อประชดคำให้การของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ โดยระบุว่า
"กระโดดชนรถ กำลังมาแรงแซง Planking Levitating Pubpueb และอื่น ๆ แม่งทุกเทรนด์ โดยเป็นการผสมผสานอย่างรัดกุมระหว่าง Levitating (กระโดด) Planking (แต่อาจตายจริง) และพับเพียบไทยแลนด์ (เพราะหลังทำแล้วต้องอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวห้ามหือห้ามอือใด ๆ) - คิดค้นโดยทหารไทยจ้ะ"
ทั้งนี้ หน้าเฟซบุ๊กดังกล่าวมีคนถูกใจกด Like แล้วกว่า 1,753 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 22 มิถุนายน เวลา 09.27 น.) และมีผู้แสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ต่อว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ที่ไม่ยอมรับความจริง รวมทั้งคิดได้อย่างไรว่า หมอมุกจะกระโดดชนรถ ขณะที่อีกส่วนก็ร่วมแสดงความห่วงใย และขอให้ หมอมุก หายป่วยในเร็ววัน
นอกจากนี้ ก็ยังมีผู้ทำป้ายจราจรเตือนภัยเพื่อล้อเลียนคำให้การดังกล่าวด้วย โดยเป็นป้ายสีเหลืองมีภาพคนกำลังกระโดดพุ่งเข้าใส่รถ และมีข้อความเขียนกำกับว่า "ระวัง! คนกระโดดขึ้นกระโปรงรถระหว่างขับขี่" ซึ่งกำลังถูกส่งต่อในโลกอินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลาย เพื่อแสดงถึงความไม่พอใจกับคำให้การที่ดูจะขัดแย้งกับภาพเหตุการณ์ที่กล้องวงจรปิดบันทึกไว้ได้