สารวัตรเถื่อนตื้บอาม่าไร้สังกัด ปทีป สั่งเชือด

 

   
 
google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);

 


 
“ปทีป” ปล่อยต้นสังกัด-ผู้บังคับบัญชาฟันวินัย พ.ต.ต.ตีนโหดรุมตื้บอาม่าบาดเจ็บ ส่ง “พงศพัศ” เยียวยาผู้บาดเจ็บ ยันคดีไม่มีมวยล้มต้มคนดู ส่วนอาม่าเหยื่อยังหวาดกลัวเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมชี้ตัวยันถูก พ.ต.ต.รุมตื้บพร้อม ส.ต.ท.ร่วมเอี่ยวด้วย ด้าน ผกก.สภ.เจริญศิลป์ ผู้บังคับบัญชา ระบุ เจ้าตัวไม่เคยมาทำงานเลย รู้แต่ว่ามีชื่อมาช่วยราชการ
       
       จากกรณี นางธนิดา ศรีสุวรรณ อายุ 60 ปี ผู้เสียหายที่ถูก พ.ต.ต.อรรถวุฒิ กิจคาม สวป.สภ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร ช่วยราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับพวกรวม 10 คน กระทืบบน สน.เพชรเกษม จนได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุจากเคลียร์เรื่องบุกรุกบ้านเลขที่ 11/69 หมู่บ้านนาราศิริ ถนนกาญจนาภิเษก แขวงและเขตบางแค ของนางธนิดา ไม่ได้นั้น
       
       ความคืบหน้าวันนี้ (1 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ว่า ทราบว่าในเรื่องนี้ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาดำเนินคดีกับตำรวจคนนี้ไปแล้ว ส่วนการดำเนินการทางวินัยอยู่ที่ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดจะเป็นคนดำเนินการต่อไป ต้องรู้รายละเอียดข้อเท็จจริงต่างๆ ก่อน ส่วนผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ จะมีความผิดฐานปล่อยปะละเลยลูกน้องหรือไม่นั้นต้องดูข้อเท็จจริงก่อนยังไม่สามารถบอกได้ขณะนี้
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า สน.เพชรเกษม จะผิดด้วยหรือไม่ที่ปล่อยให้ตำรวจทะเลาะวิวาทกับประชาชน พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้ บช.น.ตรวจสอบว่ามความผิดทางวินัยหรืออาญาหรือไม่ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ไม่เกี่ยวกับจริยธรรมตำรวจอีก 2 แสนนายที่เหลือ อย่าไปมองเหมารวมว่าตำรวจเป็นเช่นนี้ทั้งองค์กรไม่ได้
       
       ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบไปยังสำนักงานกำลังพล พบว่า พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ไม่พบคำสั่งให้มาช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่อย่างใด
       
       ต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น.พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผช.ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.น.9 พ.ต.อ.อนุชา อ่วมเจริญ ผกก.สน.เพชรเกษม เดินทางเข้าเยี่ยมนางธนิดา ที่ห้องนอนพักอยู่ในห้องศัลยกรรมรวม ชั้น 15 ของโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โดยพล.ต.ท.พงศพัศ ได้นำกระเช้าดอกไม้ของ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.ส่วน พล.ต.ต.กรีรินทร์ ได้นำกระเช้าดอกไม้ของ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ รรท.ผบช.น.มามอบให้นางธนิดา
       
       จากนั้น พล.ต.ท.พงศพัศ ได้สอบถามอาการบาดเจ็บของ นางธนิดา โดยเจ้าตัวบอกว่า ยังรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่และยังกลัวว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มเดิมตามเข้ามาทำร้ายร่างกายอีก จึงขอพักรักษาตัวในห้องผู้ป่วยรวมไม่ขอพักในห้องเดี่ยว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ตนยืนยันว่า หลังจากเข้าไปห้ามปรามกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังทำร้ายนายยุทธนา กลิ่นขจร ลูกเขยของตนอยู่นั้น ตนกลับถูก พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ต่อยเข้าที่เบ้าตาอย่างจังทั้ง 2 ข้างจนเซล้มลงไป ตามจากนั้นก็ถูกตะลุมบอนจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
       
       จากนั้น พล.ต.ท.พงศพัศ ได้นำภาพชายฉกรรจ์จำนวนกว่า 10 ภาพ มาให้ นางธนิดา ทำการชี้ตัวยืนยัน ซึ่ง นางธนิดา ก็ชี้ยืนยันตัว พ.ต.ท.อรรถวุฒิ ได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังชี้ยืนยันตัว ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ กิตติชัยเดช อายุ 29 ปี ที่ร่วมก่อเหตุด้วยเพิ่มอีก 1 คน
       
       พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาเอาไว้ได้ 1 คน คือ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ซึ่งหลังเกิดเหตุก็ได้ประกันตัวออกไปแล้ว ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือนั้นก็ได้กำชับทาง สน.เพชรเกษม สอบสวนขยายผลติดตามจับกุมตัวมาให้ได้ทั้งหมด และให้ พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.น.9 ดูแลคดีนี้ให้ได้รับความเป็นทั้งสองฝ่าย รวมทั้งสอบสวนหาข้อเท็จจริงว่าเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นบนโรงพักได้อย่างไร ตำรวจบนโรงพักไปไหนหมด รวมทั้งต้องตรวจสอบด้วยว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากความบกพร่องของใคร ซึ่งจะต้องมีคนรับผิดชอบ ส่วนเรื่องที่ผู้เสียหายยังหวาดกลัวว่าจะถูกตามมาทำร้ายนั้น ก็ได้สั่งให้ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร เข้ามาดูแลความปลอดภัยแล้ว ส่วนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บนั้น ทางแพทย์ของโรงพยาบาลก็ดูแลเต็มที่เช่นกัน
       
       “ส่วนตัว พ.ต.ต.อรรถวุฒิ หลังจากประกันตัวออกไปแล้ว ตามระเบียบก็ต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาของตัวเองทราบว่า ต้องคดีอาญา ซึ่งหลังจากนั้นทางผู้บังคับบัญชาก็ต้องพิจารณาดำเนินการทางวินัยกับ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ต่อไป ว่าการกระทำนั้นมีผลกระทบกับภาพลักษณ์ขององค์กรอย่างไรบ้าง ซึ่งจะเห็นได้อย่างกรณีอื่นๆ เช่น ตำรวจไปยิงคนตาย ก็อาจถูกสั่งให้พักราชการ หรือออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนในกรณีนี้ ก็ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนการดำเนินการทางคดีอาญาก็ว่าไปตามกฎหมาย ยืนยันว่าไม่มีมวยล้มแน่นอน” พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวทิ้งท้าย
       
       ด้าน นพ.ประพาศน์ รัชตะสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ กล่าวว่า ตอนรับตัวนางธนิดา เข้ามาที่โรงพยาบาลนั้น คนไข้อยู่ในสภาพถูกทำร้ายร่างกายจนใบหน้า ตา และด้านหลังศีรษะบวมช้ำ แพทย์ได้ทำการเอ็กซเรย์สมองและอวัยวะต่างๆในร่างกายแล้ว ไม่พบว่าสมองได้รับการกระทบกระเทือน หรือมีกระดูกแตกหักแต่อย่างใด ตอนนี้อาการคนไข้ก็ดีขึ้นตามลำดับ ส่วนดวงตาที่ยังอักเสบบวมอยู่นั้น จะให้แพทย์ทำการตรวจกระจกตาอีกครั้งว่า ได้รับการกระทบกระเทือนหรือไม่ และให้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอีกสักระยะก่อนจะอนุญาตให้กลับบ้านได้
       
       ต่อมาเวลา 12.30 น. พ.ต.อ.อนุชา อ่วมเจริญ ผกก.สน.เพชรเกษม เปิดเผยว่า หลังจากเข้าเยี่ยมนางธนิดาแล้วนั้น ก็ทำการสอบปากคำไปแล้วบางส่วน และหากอาการทุเลาจะเชิญตัวมาสอบปากคำอย่างละเอียด พร้อมให้ชี้ตัวผู้กระทำผิดที่โรงพัก ในส่วนของขั้นตอนการดำเนินคดีนั้นค่อนข้างชัดเจน เนื่องจากบนโรงพักมีประจักษ์พยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สน.เพชรเกษม เห็นเหตุการณ์อย่างละเอียด และเป็นเหตุซึ่งหน้า สามารถทำการจับกุมได้ทันที
       
       พ.ต.อ.อนุชา กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโทรทัศน์ว่า ชุดจับกุมปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น ยืนยันว่าเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่และถูกต้อง หากประสบเหตุแบบนี้แล้วไม่จับกุม จะถือว่าเป็นการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งคดีนี้ยอมรับว่า ถูกตำหนิจากผู้บังคับบัญชาว่า เกิดเหตุการณ์เช่นนี้บนโรงพักได้อย่างไรโดยในช่วงบ่าย ก็จะได้ทำหนังสือไปยังต้นสังกัดของ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ กิตติชัยเดช ตำรวจสังกัดตปพ. อีก 1 คน ที่ร่วมก่อเหตุ เพื่อรายงานให้ผู้บังคับบัญชาของ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ ทราบ และประสานให้ดำเนินการส่งตัวมารับทราบข้อหา หากไม่มาก็จะทำการออกหมายจับต่อไป โดยยืนยันว่า คดีนี้จะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย และไม่ได้หนักใจ การดำเนินคดีต้องเป็นไปตามพยานหลักฐานและตามกฎหมาย
       
       ด้าน พ.ต.ท.สมเกียรติ เริงหิรัญ รอง ผกก.สส.สน.เพชรเกษม กล่าวว่า คดีนี้ต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจของโรงพักเห็นเหตุการณ์ และทำการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ โดยขณะนี้ได้สอบปากคำตำรวจที่เห็นเหตุการณ์ทั้ง 3 นาย ประกอบสำนวนไว้หมดแล้ว และค่อนข้างชัดเจน ประกอบกับบาดแผลบนร่างกายของนางธนิดาก็ปรากฏชัด เพราะฉะนั้นเรื่องที่ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ อ้างว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุไม่มีตำรวจเห็นเหตุการณ์เป็นการจับกุมที่มิชอบนั้น เป็นไปไม่ได้ โดยระหว่างนี้ต้องรอผลตรวจร่างกายจากแพทย์ที่ทำการรักษานางธนิดา และรอให้อาการทุเลาเพื่อสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมทั้งจะประสานต้นสังกัดของ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ ให้เข้ามอบตัว โดยหากเกิน 15 วัน ก็จะดำเนินการออกหมายจับต่อไป
       
       ขณะที่ นายยุทธนา กลิ่นขจร ลูกเขยนางธนิดาที่ถูกทำร้ายร่างกายด้วย กล่าวว่า เมื่อเวลา 03.00 น.ที่ผ่านมา ตนเองได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเป็นที่เรียบร้อย พร้อมทั้งได้ทำการชี้รูปภาพ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ และ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ ที่ได้ลงมือซ้อมตนกับแม่ยาย แต่คนอื่นที่ร่วมก่อเหตุนั้น ตนจำไม่ได้ทั้งหมด เนื่องจากมีจำนวนมาก
       
       “ผมยังยืนยันคำให้การเดิม คือจะดำเนินการให้ถึงที่สุดให้เป็นคดีตัวอย่าง ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่บังคับใช้กฏหมายกระทำกับประชาชนอย่างนี้ ซึ่งไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง โดยยอมรับว่า ขณะนี้สภาพจิตใจของแม่ยายกับตัวผมเองย่ำแย่ และหวาดกลัวอิทธิพลเถื่อนเป็นอย่างมาก” นายยุทธนา กล่าว
       
       นายยุทธนา กล่าวด้วยว่า ตนหวังว่าคดีนี้จะจบโดยเร็ว เนื่องจากตนมีครอบครัวและเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย โดยยืนยันว่าแม้ฝ่ายคู่กรณีจะติดต่อขอไกล่เกลี่ย ก็จะไม่มีการยอมความอย่างแน่นอน จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายอย่างถึงที่สุด
       
       ต่อมาเวลา 14.00 น.ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 9 (บก.น.9) พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.น.9 ได้มอบรางวัลตามโครงการจับทันควัน จ่ายทันที พร้อมเหรียญหลวงปู่ทวดรุ่นพิทักษ์แผ่นดิน ให้กับ ด.ต.วีระ ภู่ฤทธิ์ และ ด.ต.สายัณห์ ศรีสุวรรณ ผบ.หมู่ป. สน.เพชรเกษม ที่ดำเนินการจับกุมตัว พ.ต.ต.อรรถวุฒิ กิจคาม สวป.สภ.เจริญศิลป์ ที่ก่อเหตุเอาไว้ได้ทันที
       
       พล.ต.ต.กรีรินทร์ กล่าวว่า ขอชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ของนายตำรวจทั้ง 2 นาย ที่ปฏิบัติหน้าที่รับใช้ประชาชนอย่างซื่อสัตย์ แม้เป็นนายตำรวจชั้นประทวน แต่มีจิตใต้สำนึกรับใช้ประชาชนมากกว่าผู้ก่อเหตุที่ใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา ซึ่งการจับกุมดังกล่าวถือว่าเป็นเหตุซึ่งหน้าและปฏิบัติตามเหตุการณ์ที่ปรากฏ โดยการที่ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ อ้างว่าเกินกว่าเหตุนั้นถือว่าฟังไม่ขึ้น เนื่องจากมีประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์ โดยคดีนี้ได้กำชับให้ พ.ต.อ.อนุชา อ่วมเจริญ ผกก.สน.เพชรเกษม ดำเนินการอย่างรัดกุม ผิดก็ว่าไปตามผิด เพื่อให้เกิดความยุติธรรมมากที่สุด
       
       พล.ต.ต.กรีรินทร์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทราบว่า ทาง ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ ตำรวจอีก 1 นาย ที่ร่วมก่อเหตุนั้น ได้ติดต่อขอมอบตัวกับทาง พ.ต.อ.อนุชา แล้ว ทั้งนี้หากการสอบสวนทราบตัวผู้กระทำผิดเพิ่มเติม ก็จะดำเนินการออกหมายจับเพื่อมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
       
       ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อ พ.ต.อ.ชาญบูลย์ บัณฑุวงศ์ ผกก.สภ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา พ.ต.ต.อรรถวุฒิ กิจตาม สวป.สภ.เจริญศิลป์ กระทืบอาม่าวัย 60 บนโรงพักเพชรเกษมเพื่อสอบถามถึงการดำเนินการทางวินัยหลังก่อเหตุ พ.ต.อ.ชาญบูลย์ กล่าวว่า สารวัตรคนนี้ไม่เคยมาทำงานที่นี่เลย หลังจากที่มีชื่อมาปฏิบัติราชการที่ สภ.เจริญศิลป์ ก็ไปช่วยราชการโดยตลอด แต่จำไม่ได้ว่าไปช่วยที่หน่วยใด เพราะต้นเรื่องอยู่ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.สกลนคร ซึ่งในช่วงนั้น ตำรวจใน จ.สกลนครก็ถูกให้มาช่วยราชการหลายคน ตนก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใดบ้างรู้เพียงแต่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ
       
       ด้าน พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า พ.ต.ต.อรรถวุฒิ มาช่วยราชการที่ศูนย์ปราบปรามรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ยังไม่แน่ชัดต้องตรวจสอบอีกครั้งก่อนโดย พ.ต.ต.อรรถวุฒิ จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 50 เคยดำรงตำแหน่ง รองสารวัตร กก.3 บก.ตปพ.บช.น.ก่อนย้ายเป็น สวป.สภ.เจริญศิลป์
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ข่าวปรากฏตามสื่อหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ ปรากฏว่าได้มีประชาชนจำนวนมาก แฟกซ์เข้ามาชื่นชมและให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เพชรเกษม ที่ดำเนินการให้ความเป็นธรรมกับประชาชน โดยไม่ได้เข้าข้างเพื่อนตำรวจด้วยกัน
       
       ส่วนในเว็บบอร์ด นรต.50 ต่างรุมประณามถึงการกระทำ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ กิจคาม สวป.สภ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร ช่วยราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ร่วมกับพวกรุมกระทืบอาม่าวัย 60 ปี บนโรงพักจนได้รับบาดจ็บ
       
       ต่อมาเวลา 14.30 น.พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผช.ผบ.ตร.ในฐานะ โฆษก ตร.กล่าวถึงกรณีที่สื่อระบุว่า พ.ต.ต.อรรถวุฒิ กิจตาม สวป.สภ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร มาช่วยราชการที่ ตร.ว่า เบื้องต้นตรวจสอบพบว่า พ.ต.ต.อรรถวุฒิ มาช่วยราชการเป็นพนักงานสืบสวนคดีที่ผู้บริหารบ.เอส อี ซี ออโต้เซลล์แอนด์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ที่มี พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม สมัยเป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.ซึ่งขณะนี้ ต้องดูว่า คำสั่งนี้ หมดสภาพไปหรือยัง
       
       เมื่อถามว่า ตามระเบียบตำรวจแล้ว ตำแหน่ง สวป.ถือว่าเป็นตำแหน่งหลัก ไม่สามารถมาช่วยราชการได้ พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า หากดำรงตำแหน่ง สวป. ก็สามารถมาช่วยราชการเป็นครั้งคราวได้ในวันเสาร์อาทิตย์ โดยต้องมีคำสั่งอย่างเป็นทางการจากหน่วยที่มาช่วยราชการ ซึ่งถ้าพบว่า พ.ต.ต.อรรถวุฒิ มาช่วยราชการไม่ถูกต้องก็ต้องพิจารณาโทษอีกกระทง เช่นกัน
       
       พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวต่อว่า สำหรับ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ต้องรายงานตัวว่าต้องคดีให้กับผู้บังคับบัญชาเพื่อให้พิจารณาว่ามีเรื่องราวความเป็นมาอย่างไร ซึ่งกรณีนี้อาจเล็กน้อย ยังไม่รู้ที่ไปที่มา ไม่ได้ไปยิงใครตาย ผู้บังคับบัญชาก็อาจสั่งให้พักราชการ ห้ามมายุ่งกับคดีและผู้เสียหาย โดยผู้บังคับบัญชาเบื้องต้น ก็คือ ผกก.สภ.อ.เจริญศิลป์ ซึ่งส่งเรื่องต่อไปยังระดับกองบังคับการ ให้พิจารณาต่อไป แท็ก:
Credit: สารวัตร เถื่อน
2 ธ.ค. 52 เวลา 14:16 3,610 26 110
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...