การตายของดาราสาวคนหนึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา จากความกดดันที่ถูกบีบบังคับให้พลีกายให้กับคนใหญ่คนโตในวงการบันเทิง ได้กลายเป็นประตูสู่การเปิดโปงความวงการบันเทิงเกาหลีที่มีฉากหน้าอันสวยงาม แต่ซ่อนความลับอันสกปรกเอาไว้ ที่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถเช็ดล้างให้กลับมาเป็นดังเดิมได้
เมื่อวันที่ 7 มี.ค. เกิดข่าวที่สร้างความหม่นหมองให้กับวงการบันเทิงเกาหลีอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เมื่อ จางจายอน ดาราสาวชื่อดังจากทีวีซีรี่เรื่อง Boys Over Flowers ได้ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง พร้อมกับทิ้งจดหมายความยาว 7 หน้าเอาไว้ กล่าวหาบริษัทต้นสังกัดว่า บีบบังคับให้เธอต้องเป็นเพื่อนดื่มกับผู้ใหญ่ในวงการ และเลยเถิดจนไปถึงการมีเพศสัมพันธ์กับ โปรดิวเซอร์วงการโทรทัศน์, เจ้าของหนังสือพิมพ์ และเจ้าหน้าที่บริษัทเอเจนซี่ของตัวเอง รวมแล้วกว่า 10 คน แม้ดาราคนดังกล่าวจะพยายามร้องขอความเห็นใจ แต่ก็ไม่มีการรับฟัง จนตัวของเธอเองไม่สามารถจะอดทนกันมันได้อีกต่อไป
สิ่งที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสื่อมเสียให้กับวงการบันเทิงที่กำลังร้อนแรงที่สุดในเอเชียอย่างประเมินค่าไม่ได้ ท่ามกลางความสดใสของหญิงสาว ฉากหน้าอันงดงาม ทุกอย่างถูกวางแผนไว้อย่างสมบูรณ์แบบ มีเบื้องหลังที่สกปรกซ้อนเอาไว้
เวลาผ่านพ้นมาหลายเดือหลังจาการตายของจางจายอน แม้จะมีผู้ถูกจับไปดำเนินคดีจำนวนหนึ่ง ข่าวคราวของคดีเริ่มกลายเป็นเพียงประวัติศาสตร์ จนมีการตั้งคำถามว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นภายในอย่างเงียบๆ หรือทุกอย่างยังคงเป็นเช่นเดิม
อาจจะมีคนแย้งว่าความอื้อฉาวเกี่ยวกับการเอารัดเอาเปรียบด้วยเรื่องเซ็กซ์ที่เกิดขึ้นในวงการบันเทิง เป็นเรื่องธรรมดาซึ่งที่เป็นเหมือนกันทั้งโลก แต่ในวงการบันเทิงเกาหลีนั้น มีความแตกต่างไปจากวงการบันเทิงที่อื่น ด้วยการกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจบันเทิงด้วยนโยบายของรัฐ มีการอัดฉีดด้วยเม็ดเงินจำนวนมาก และแผนงานอันมีประสิทธิภาพ ที่ต้องการเห็นผลอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ธุรกิจบันเทิงให้เติบโตอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เฉพาะในประเทศ แต่กลายเป็นสินค้าออกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ ที่จะมาสนับสนุนอุตสาหกรรมและสินค้า “เมดอินโคเรีย” ทั้งหมดด้วย
วงการบันเทิงกลายเป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ของคนหนุ่มคนสาว ที่ต่างหลั่งไหลเข้ามาในทางเดินสายนี้ จนกลายเป็นการแข่งขันที่สูงอย่างที่งานสายอื่นไม่อาจเทียบได้ ความทะเยอทะยาน, กลัวความล้มเหลว ที่นำมาซึ่งความกดดัน และการต่อสู้ของศิลปินอาจเลยเถิดจนถึงขั้นไม่เลิกวิธี คนใหญ่คนโตผู้ที่กุมอำนาจในจุดต่างๆของธุรกิจบันเทิงบางคนก็เลือกเอาเปรียบจากจุดนี้
ความจริงถูกเปิดเผย
จากการเสียชีวิตของ จางจายอน ได้กลายเป็นชนวนที่จุดให้ปัญหาเหล่านี้ถูกพูดถึงออกมาในวงกว้าง จากเดิมที่เป็นเพียงเรื่องลึกลับที่ทุกคนทราบ แต่ลำบากใจที่จะพูดถึง แม้กระทั่งภาครัฐได้พยายามจะเข้ามาแก้ไข้ปัญหาที่เกิดขึ้น เริ่มต้นด้วยการทำสำรวจถึงประสบการณ์จากคนในวงการตั้งแต่ นักแสดง, นักร้อง และเจ้าหน้าที่ จำนวน 200 คน ถึงประสบการณ์การถูกล่วงละเมิดจากคนในวงการบันเทิง เพื่อแสดงออกถึงการรับทราบของรัฐบาล และบอกว่าต่อสังคมว่าปัญหาดังกล่าวมีอยู่จริง ในการสำรวจข้อมูลดังกล่าวมีผลออกมาว่า:
12.5% เคยได้รับข้อเสนอจากผู้ใหญ่ในวงการ และสปอนเซอร์ ที่ขอมีเพศสัมพันธ์แลกกับการสนับสนุนเรื่องเงินทอง และช่วยเหลือให้ได้บทสำคัญในภาพยนตร์ หนังทีวีซีรี่
25% เคยถูกลวนลามแตะต้องเนื้อตัว
43.8% เคยถูกชวนให้ไปเป็นเพื่อนนั่งดื่ม โดยที่ไม่ได้สมัครใจ
ขณะที่ก่อนหน้านั้น กลุ่มดาราชาวเกาหลีเองก็ไม่อาจทนกับเรื่องแบบนี้ได้ออกต่อไป สมาคมนักแสดงเกาหลี พยายามเปิดโปงเรื่องเหล่านี้เช่นกัน ด้วยการทำแบบสอบถามดาราหญิงในวงการ จำนวน 183 คนในวงการถึงเรื่องเหล่านี้:
19.1% ของศิลปินหญิงที่ให้ข้อมูล ยอมรับว่าเคยถูกบังคับ หรือรับรู้เรื่องการถูกบังคับของเพื่อนร่วมงาน ให้มีเพศสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลในวงการ
34.4% เคยถูกบังคับให้เป็นเพื่อนดื่ม หรือให้ความสำราญกับ พวกผู้บริหารชั้นสูง หรือเจ้าหน้าที่ของสถานีในงานเลี้ยง หรือการพบปะสังสรร
62.3% ต้องพบกับปัญหาบางอย่าง หลังปฏิเสธตามข้อเรียกร้องต่างๆ
โดยเหล่านักแสดงที่ทำแบบสอบถามครั้งนี้ ได้เอ่ยชื่อของ ผู้สร้าง, ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์, นักเขียน, นักการเมือง, นักธุรกิจ และนักแสดงขาใหญ่ในวงการออกมา แต่ไม่มีการเปิดเผยชื่อออกมาให้สาธารณะชนรับรู้ อย่างไรก็ตามมีศิลปินหญิงเพียง 183 คน จาก 2,000 คนของดาราหญิงทั้งหมดในวงการบันเทิงเกาหลี ที่ยินดีให้ข้อมูลครั้งนี้ ขณะที่อีกกว่า 1,700 คนดูจะยินดีกว่ากับการปิดปากเงียบ
ท่ามกลางความเงียบ ทุกคนไม่กล้าจะพูดเรื่องดังกล่าวออกมากลางที่สาธารณะ ยังมีดาราสาวคนบางคนที่ออกมายืนแถวหน้า บอกเล่าเรื่องราวของเธอ นักร้องสาวชื่อดังอย่าง ไอวี่ ก็ยอมรับว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเธอเช่นกัน ซึ่งตัวของเธอเองได้ปฏิเสธไปข้อเสนอดังกล่าวไป
เช่นเดียวกับนักแสดงสาวชื่อดัง ซองยูนอา ที่รู้สึกสะเทือนใจกับการเสียชีวิตของเพื่อนร่วมวงการ และกลายเป็นเป็นหนึ่งในคนที่ยอมเปิดปากพูดถึงเรื่องราวเหล่านี้ สิ่งที่เธอเรียกว่าเป็นความน่าขยะแขยงของวงการบันเทิงเกาหลีเกาหลี
ในรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง ซองยูนอา เล่าเรื่องจุดเริ่มต้นในวงการของเธอว่า "สำหรับนักแสดงหญิงมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยค่ะ บางทีจะมีโทรศัพท์มาหาเราในเวลาดึกดื่น เรียกให้ออกไปพบกับพวกคนใหญ่คนโตจากบริษัทต่างๆ ฉันเองก็เคยได้รับโทรศัพท์พวกนั้นเหมือนกัน แต่ถือว่าโชคดีที่ยังสามารถปฏิเสธไปได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้ฉันพูดว่า 'ไม่' ออกไปในตอนนั้น มันอาจจะเป็นความคิดแบบซื่อๆ นะคะ แต่ฉันเชื่ออย่างหมดหัวใจว่า เราสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเอง”
“ดาราสาวๆ หลายคน ถูกหลอกว่ามีทางที่สามารถนำไปสู่ความสำเร็จ และชื่อเสียงได้อย่างรวดเร็ว มันง่ายมากที่พวกเธอเหล่านั้น จะต้องมาติดกับดักของคนที่มีอำนาจ แต่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายมากๆ ที่มักจะหลอกล่อด้วยวิธีต่างๆ พวกเธอไม่ควรยอมแพ้ตัวเองกับสิ่งเหล่านี้ เพราะถึงที่สุดแล้วชีวิตที่พวกคนเหล่านั้นมอบให้ มันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการเลย” ซองยูนอา ฝากไปถึงสาวๆ หน้าใหม่ที่กำลังจะเดินทางมาในเส้นทางสายนี้
สัญญาทาส ต้นเหตุแห่งปัญหา
สาวๆ หลายคน สามารถผ่านประสบการณ์อันย่ำแย่ และบททดสอบที่ยากเย็นมาได้ แต่บางทีการปฏิเสธก็ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายดายอย่างที่หลายๆ คนคิด ดาราและนักร้องในเกาหลีจำนวนมาก กำลังทำงานอยู่ภายใต้เงื่อนไขของ สัญญาทาส แบบที่กลุ่มนักร้องบอยแบนด์ชื่อดัง ดงบังชินกิ ที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนด้วยข้อกฎหมายกับต้นสังกัด SME เพื่อให้หลุดรอดจากความไม่เป็นธรรมต่างๆ
นักร้องและนักแสดงจำนวนมาก ก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน แต่มีบางคนเท่านั้นที่ตัดสินใจเรียกร้องขอความยุติธรรม ขณะที่ส่วนใหญ่ยอมรับสภาพ ไม่อาจดิ้นรนขัดขืนอะไรได้ เพราะยังต้องพึ่งพิงในเรื่องต่างๆ จากต้นสังกัด ที่สามารถบีบบังคับไม่ว่าจะเรื่องอะไรกับศิลปินได้เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อมอย่างหนัก หรือห้ามมีความรัก อย่างไรก็ตามสำหรับการเอาเปรียบกับศิลปินหญิง อาจเลยเถิด และเริ่มล้ำเส้นขึ้นไปเรื่อยๆ ไปจนถึงขั้นที่อาจจะเรียกได้ว่าผิดทำนองครองธรรม และละเมิดต่อกฎหมาย อย่างกรณีที่เกิดขึ้นกับ จางจายอน และข้อมูลทางสถิติที่ถูกเปิดโปง
กว่าจะประสบความสำเร็จ และมีชื่อเสียงโด่งดัง ศิลปินเกาหลี ส่วนใหญ่ต้องผ่านขั้นตอนของการฝึกซ้อมที่หนักหน่วง ถูกควบคุมอย่างใกล้ชิดจากต้นสังกัด และยังต้องอาศัยพึ่งพาผู้คนมากมาย ตั้งแต่ เอเยนต์, ผู้จัดการ, สื่อมวลชน, สถานีโทรทัศน์, ฝ่ายผลิต และเจ้าของสินค้า ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นเพศชาย สิ่งเหล่านี้เป็นลักษณะส่วนหนึ่งของสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ และควบคุมทุกอย่าง การเปิดโปงเรื่องดังกล่าว อาจช่วยบรรเทาเบาบางกิจกรรมลักษณะนี้ได้บ้าง แต่หลายฝ่ายก็เชื่อว่าปัญหาดังกล่าวคงจะกลับสู่สภาพเดิม ถ้าไม่มีผู้บริหารระดับสูงที่เป็นผู้หญิงอยู่ในวงการบันเทิงมากกว่านี้
ถึงตอนนี้รัฐบาลเกาหลีพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าว เริ่มต้นจากเรื่องความเป็นธรรมของสัญญา และมีการร่างกฎระเบียบข้อห้าม เรื่องการรับงานบางประเภทของศิลปินหญิง โดยเฉพาะที่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาอาจจะไม่ได้เป็นแค่การล่วงละเมิดทางเพศ แต่อาจเข้าข่ายทำอนาจารแก่เยาวชนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วย
ถึงอย่างไรหลายฝ่ายก็ยังไม่วางใจในเรื่องนี้ และคิดว่าเรื่องคาวๆ ในวงการบันเทิงเกาหลีคงไม่สามารถกำจัดไปได้ง่ายๆ มันไม่ได้เป็นแค่ปัญหาระดับธรรมดา แต่หลายฝ่ายยอมรับว่าพฤติกรรมเหล่านี้ได้กลายเป็นส่วนของของวงการบันเทิงไปแล้ว
“การเอาเปรียบ และข่มเหงศิลปินหญิง เป็นความลับอันสกปรกของวงการบันเทิง” นักเขียนเรื่องซุปซิปบันเทิงเกาหลีคนหนึ่งยอมรับ แต่เขาก็กล่าวว่าเหตุผลครึ่งหนึ่งของเรื่องเหล่านี้อาจมีต้นเหตุมาจากฝ่ายชาย แต่ในบางกรณีมันก็ผสมกับความยินยอมของฝ่ายหญิงเองด้วย
นักเขียนคนนี้ได้ให้ข้อมูลว่า ดาราสาวๆ บางคน ยังเคยทำงานในสถานที่เริงรมย์ และคิดว่าความถนัดเก่าๆ ของพวกเธอ อาจจะช่วยเหลือให้อาชีพในวงการบันเทิงได้ก้าวหน้าไปอย่างเร็วขึ้น “มันมีบ่อยครั้งที่ดาราสาวๆ ที่กำลังเริ่มสร้างชื่อขึ้นมาบางคน เลือกที่จะไปพบกับคนใหญ่คนโตบางคนโดยลำพัง โดยเฉพาะคนที่บอกใบ้ว่าต้องการเธอ และเขาก็อาจจะแนะนำเธอให้กับ ผู้ใหญ่ หรือสปอนเซอร์ คนอื่นๆ ที่ช่วยเหลือนำความรุ่งโรจน์มาให้ได้”
“เรื่องแบบนี้เค้าทำกันแบบเงียบๆ มันเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นดารา” นักเขียนเรื่องดาราผู้นี้กล่าวสรุป