ย้อนรอย วินาศกรรม 911

เบื้องหลังก่อการร้าย สู่จุดจบของ บินลาดิน

ย้อนรอยวินาศกรรม 911 เบื้องหลังก่อการร้าย สู่จุดจบของ บินลาดิน

เหตุการณ์ วินาศกรรม911 นับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เนื่องจากการสูญเสียในครั้งนั้น มีผู้เสียชีวิตนับพันคน ความโกรธแค้นของชาวสหรัฐ ปะทุขึ้นจนก่อตัวเป็นการไล่ล่าผู้ก่อเหตุ ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนั้น ก็คือ อุซามะห์ บิน ลาดิน หนึ่งในผู้ก่อตั้งและหัวหน้าอัลกออิดะห์

ย้อน กลับไปวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2544 วันที่ไม่มีใครคาดคิดว่า เวิร์ลดเทรดเซ็นเตอร์ และอาคารเพนตากอนจะถูกโจมตี ด้วยการใช้เครื่องบินถึง 3 ลำพุ่งเข้าชนอาคารสำคัญ  ทั้งนี้ เชื่อกันว่า การพังทลายของอาคารแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ น่าจะเกิดมาจากปริมาณน้ำมันจำนวนมากที่บรรทุกอยู่บนเครื่องบินเหล่านั้น ส่วนคนขับเครื่องบินไม่มีรายงานที่แน่ชัดว่า ใครเป็นคนขับ โดยมีรายงานยอดผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 2,977 คน และผู้สูญหายอีก 24 คน

ศัตรูหมายเลข 1 ของสหรัฐถูกไล่ล่ามาโดยตลอด แต่ในทางกลับกัน กลุ่มตอลีบานกลับไม่ส่งตัว บิน ลาดิน มาดำเนินคดี จนกระทั่งประเทศพี่เบิ้มอย่างสหรัฐสุดทน ประกาศทำสงครามในอัฟกานิสถาน เพื่อตามล่าตัวบินลาดิน แต่ถึงกระนั้น แม้ว่าสหรัฐจะมีกองทัพกำลังเพียบพร้อม แต่บินลาดินกลับหาตัวได้ยาก(มาก) แม้ว่ากลุ่มตอลีบันจะล่มสลายลงไปก็ตาม

จากนั้น ระหว่างการตามล่าตัว บินลาดิน ปรากฎตัวออกสื่อโทรทัศน์อัลจาซีเราะห์ ประณามและปลุกระดมให้บรรดามุสลิมทั่วโลกต้อต้านสหรัฐ พร้อมทั้งกับทำสงครามศาสนากับสหรัฐด้วย โดยมีสหรัฐจับตาดูอย่างไม่คลาดสายตา และพร้อมที่จะสังหารทันที หากรู้ฐานที่มั่นของบินลาดิน

และ ในที่สุด 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ไม่กี่วันที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการปิดฉากทรชนที่โลกไม่มีวันลืม  บารัค โอบามา ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ออกมาแถลงยืนยันผ่านทางโทรทัศน์ว่า อุซามะห์ บิน ลาดิน ได้เสียชีวิตลงแล้ว จากปฎิบัติการทางทหารของสหรัฐอเมริกา นอกกรุงอิสลามาบัด ใกล้เมืองหลวงปากีสถาน

“การตายของบินลาดิน ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของสหรัฐ” เขากล่าว

อย่างไรก็ตาม ทางโฆษกทำเนียบขาวชี้แจงกรณีรัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่เผยแพร่ภาพถ่ายของ บินลาดิน ผู้นำกลุ่มอัล เคดา เพราะมีความน่าสยดสยอง และมีความไม่เหมาะสมหากนำเสนอ ท่ามกลางความสงสัยและตั้งข้อคำถามว่า  บินลาดิน ตายแล้วจริงหรือไม่ แต่ก็มีสื่อออกมานำเสนอสภาพภายในห้อง ที่พื้นเต็มไปด้วยรอยเลือด ข้าวของล้มระเนระนาด เพื่อเป็นหลักฐานในการจู่โจมครั้งนี้

ฝ่าย ตรงข้ามสหรัฐ นั่นก็คือ เครือข่ายของ บิน ลาดิน และกลุ่มติดอาวุธตาลีบันในปากีสถาน แน่นอนย่อมเกิดความแค้นกับการตายของบินลาดินในครั้งนี้ สหรัฐต้องขนลุกขนพองอีกครั้ง เพราะหลังจากนั้นนายเอห์ซานัลเลาะห์ เอห์ซัน โฆษกกลุ่มตาลีบัน แถลงว่าหาก บินลาดิน ถูกสังหารจริง พวกเขาก็จะล้างแค้นด้วยการโจมตีรัฐบาลสหรัฐ

ยิ่งไป กว่านั้น ความหวาดกลัวไม่เพียงแต่ในสหรัฐเท่านั้น การตายของ บินลาดิน เป็นเรื่องของภูมิภาคทั้งโลก เพราะเป็นเรื่องการก่อการร้ายสากล โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ก็กล่าวว่า ประเทศไทยยังห่าง ก็ต้องระมัดระวัง เพราะการก่อการร้ายยังมีอยู่ในโลกนี้ และการต่อสู้ในลักษณะดังกล่าวมีการต่อสู้กันในทุกภูมิภาค

ต่อ จากนี้ไปต้องจับตามองว่า เครือข่ายก่อการร้าย จะตอบโต้มากน้อย รุนแรง แค่ไหนอย่างไร หรือเครือข่ายก่อการร้ายจะจบสิ้นลงไปพร้อมกับ บินลาดิน สู่สันติภาพในทั่วโลก แต่เชื่อว่าทุกคนทั่วโลกผู้รักสันติ ย่อมไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสีย จากฝีมือเหล่ามนุษย์ด้วยกันเอง

สำหรับประวัติ บินลาดิน เกิด เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2500 ที่ซาอุดีอาระเบีย เป็น 1 ในผู้ก่อตั้งกลุ่มอัลเคดา เป็นผู้สังสัยว่าอยู่เบื้องหลังวินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544 แต่ไม่มีหลักฐาน และทางสำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ FBI ของสหรัฐฯ ต้องการตัวมากที่สุด