1. เจ้าบัลโต สุนัขที่ช่วยรักษาเมืองไว้ได้จากโรคระบาด
ในปี พ.ศ. 2468 เกิดโรคคอตีบแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและรุนแรงที่เมืองโนม รัฐอลาสกา ผู้คนใน
เมืองจึงต้องการวัคซีนเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคทางอากาศ แต่ยาถูกนำเข้ามา
และยังอยู่ที่ท่าเรือไม่สามารถเข้ามาในเมืองได้ เนื่องด้วยสภาพอากาศที่หนาวเหน็บอย่างรุนแรง
ในแถบขั้วโลกเหนือ จึงทำให้การขนส่งต่าง ๆ หยุดชะงัก ด้วยเหตุนี้ การเดินทางขนส่งวัคซีนจึง
จำเป็นต้องใช้ทีมลากเลื่อน แต่ทว่าหิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก ก็ทำให้ "กันนาร์ การ์เซน" ผู้ขับ
เลื่อนไม่อาจมองเห็นเส้นทางได้ เขาจึงมอบหมายภารกิจสำคัญนี้ให้กับเจ้าสุนัขที่ชื่อ บัลโต ซึ่ง
การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาถึง 7 วัน จนในที่สุดเจ้าบัลโตก็ทำได้สำเร็จลุล่วง ปัจจุบันรูปปั้นของ บัล
โต ถูกสร้างตั้งตระหง่านอยู่กลางเซ็นทรัลพาร์ค ในเมืองนิวยอร์กซิตี้
2. สุนัขพันธุ์ เบลเจี้ยน มาลินอยส์
เบลเจี้ยน มาลินอยส์ เป็นหนึ่งในสี่สุนัขต้อนแกะสายพันธุ์เบลเจี้ยน เป็นสุนัขระวังภัยที่ปรับตัวได้ดี
กับสถานการณ์อันตราย เพราะเป็นสุนัขที่มีทั้งความเร็ว พละกำลัง และความคล่องแคล่ว
เบลเจี้ยน มาลินอยส์ มักจะถูกใช้ในหน่วย SWAT และในกองทัพทั่วโลก เนื่องจากสุนัขพันธุ์นี้ง่าย
ต่อการฝึกให้รับผิดชอบในหน้าที่ต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการตรวจค้นหายาเสพติดและวัตถุระเบิด รวม
ถึงภารกิจค้นหาและช่วยเหลือมนุษย์
3. ไลก้า สุนัขอวกาศตัวแรกของโลก
เจ้าไลก้า สุนัขพันธุ์เทอร์เรียร์ผสม เพศเมีย ที่ออกเดินทางไปยังอวกาศโดยดาวเทียมสปุตนิก
1 ของสหภาพโซเวียต เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2500 นับว่าเป็นสัตว์ตัวแรกที่ออกไปเหยียบนอก
โลก หลังจากถูกส่งขึ้นไปในอวกาศไม่นาน ไลก้า มีชีพจรสูงผิดปกติ แต่ไม่นานก็กลับมีชีพจรต่ำ
ลง แสดงให้เห็นว่า ไลก้า มีความเครียดสูง จากนั้นระบบควบคุมอุณหภูมิของยานอวกาศทำงาน
ผิดปกติ ทำให้ ไลก้า ตายด้วยความร้อนสูง และอาการตื่นตระหนก ตามรายงานระบุว่า ไลก้า อยู่
ได้เพียง 5-7 ชั่วโมง หลังจากเริ่มปล่อยยาน แต่ ไลก้า ก็ทำประโยชน์ให้มวลมนุษยชาติ เพราะมัน
ทำให้มนุษย์รู้ว่า เราสามารถอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนักได้นาน ซึ่งหลังจากนั้น ยูริ กาการิน มนุษย์
อวกาศชาวรัสเซียก็ขึ้นไปยังอวกาศได้เป็นคนแรกของโลก
4. สโมคกี้ ตัวเล็กแต่ใจใหญ่
ถึงตัวเล็กแต่ใจใหญ่...ประโยคนี้ตรงกับ เจ้าสโมคกี้ อย่างไม่มีผิดเพี้ยน เรื่องราวของสุนัขพันธุ์
ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย ที่มีจิตใจสุดแกร่ง หลังจาก บิล วีนน์ ไปพบเจ้าสโมคกี้ ในป่าที่ปาปัวนิวกินี
และนำมาเลี้ยง ก่อนจะพามันเข้าร่วมสนามรบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เจ้าสโมคกี้ ก็สามารถ
เอาตัวรอดในสถานการณ์อันตรายได้ดี ที่สำคัญ ครั้งหนึ่ง เจ้าสโมคกี้ ยังเคยช่วยชีวิต วีนน์ ด้วย
การเห่าเตือนว่ากำลังมีขีปนาวุธที่ยิงมาจากเรือรบกำลังพุ่งมาทางเขา นอกจากนี้ มันยังสามารถ
กระโดดร่มที่ความสูง 9.1 เมตรจากพื้นดินได้ และหลังจากสงครามจบลง ทั้ง วีนน์ และเจ้าสโมคกี้
ได้เดินทางกลับบ้านที่คลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ ในฐานะทหารผ่านศึก และมีรูปปั้นตั้งไว้เพื่อระลึกถึง
มันที่เลควู้ด โอไฮโอนั่นเอง
5. นายจ่าสตับบี้
เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ประเทศฝรั่งเศส สตับบี้ สุนัขพันธุ์พิตต์บูลผสม ได้กลายเป็นสิ่งนำ
โชคของหน่วยทหารราบที่ 102 ที่ร่วมรบในสงครามครั้งนั้น หลังจากมันได้ใช้ประสาทสัมผัสของ
มันดมกลิ่นจนรู้ว่าจะมีการรมควันพิษทาง อากาศ มันจึงเห่าเตือนให้กองกำลังทหารหน่วยนี้ใส่
หน้ากากป้องกันได้ทันเวลา นอกจากนี้ สตับบี้ ยังปฏิบัติภารกิจค้นหาและช่วยเหลือ จนได้รับแต่ง
ตั้งเป็นนายจ่าในกองกำลังนาวิกโยธินของสหรัฐอเมริกา และเป็นสุนัขเพียงตัวเดียวที่ได้รับ
ตำแหน่งในกองทัพเช่นนี้...น่าปรบมือให้ เสียจริง ๆ
6. ฮาจิโกะ สุนัขผู้ซื่อสัตย์
หลายคนคงเคยได้ดูภาพยนตร์เรื่อง ฮาจิโกะ (Hachiko) ซึ่งสร้างมาจากเรื่องจริงของ "ฮาจิโกะ"
หนึ่งในสุนัขที่ซื่อสัตย์ที่สุดในโลกพันธุ์อากิตะ ที่จะมานั่งรอเจ้าของกลับจากที่ทำงานที่สถานีรถ
ไฟชิบูย่าในกรุงโตเกียวทุก วัน แต่อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดเหตุการสลดใจขึ้น เมื่อเจ้าของออกไปทำ
งานตามปกติ แต่เกิดหัวใจวายเสียชีวิตในที่ทำงานและไม่กลับมาบ้านอีก แต่ ฮาจิโกะ ก็ยังคงมา
เฝ้ารอเจ้าของกลับบ้านที่สถานีรถไฟวันแล้ววันเล่า จนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตมัน เรื่องราวของ
ฮาจิโกะ เป็นที่ประทับใจไปทั่วโลก ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ที่เรียกน้ำตาผู้ชมได้ทุกคราว และ
ปัจจุบันนี้ก็มีรูปปั้นของฮาจิโกะตั้งเป็นสัญลักษณ์อยู่ที่สถานีรถไฟชิบู ย่า และตั้งตรงบริเวณที่มัน
เคยนั่งรอเจ้าของในอดีตอีกด้วย
7. เพื่อนตูบคู่ยากในเหตุการณ์สึนามิญี่ปุ่น
สุนัขนอกจากจะเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ของมนุษย์แล้ว มันยังช่วยเหลือกันเอง โดยเราจะเห็นได้จาก
เหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิที่เข้าพัดโจมตีญี่ปุ่น เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เราได้
เห็นภาพอันน่าประทับใจของสุนัขตัวหนึ่งที่อยู่เคียงข้าง สุนัขอีกตัวหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บ และมันจะ
คอยส่งเสียงเพื่อหาคนมาช่วยเพื่อนของมันที่นอนได้รับบาดเจ็บอยู่ และสุดท้ายทีมช่วยเหลือก็
สามารถช่วยเหลือสุนัขทั้งสองให้ปลอดภัยได้
8. เจ้ามองท์ สุนัขค้นหาผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหว
มองท์ เป็นสุนัขช่วยชีวิตในทีมช่วยเหลือพิเศษสเปเดอร์ ในเมืองมิสโคล์ตของฮังการี ซึ่งเป็นทีม
ช่วยเหลือที่เดินทางไปทั่วโลกเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ แผ่นดินไหว โดย เจ้ามองท์ จะ
ทำการดมกลิ่นและทำสัญญาณบอกทีมช่วยเหลือได้ว่ายังมีผู้รอดชีวิตอยู่ใต้ซาก ตึกถล่มบริเวณ
ไหนบ้าง และจากผลงานที่ดีของมัน ในปี พ.ศ. 2547 จึงมีการสร้างรูปปั้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับ
เจ้ามองท์ ตั้งอยู่ที่เมืองมิสโคล์ต บ้านเกิดของมันเอง ก่อนที่ เจ้ามองท์ จะเสียชีวิตในอีก 2 ปีถัดมา
9. เจ้ามัสทาช พุดเดิ้ลผู้กล้า
มีเรื่องเล่ามาว่า ในช่วงที่เกิดสงครามออสเตอร์ลิทซ์ในปี พ.ศ. 2348 เจ้ามัสทาช สุนัขพุดเดิ้ลสีดำ
ได้ค้นหาและช่วยเหลือสายลับชาวออสเตรียคนหนึ่ง นอกจากนี้ มันยังนำธงฝรั่งเศสกลับมายังที่
ตั้งแคมป์ได้ แม้มันต้องสูญเสียขาจากการระเบิดของปืนใหญ่ เจ้ามัสทาช จึงได้รับเหรียญกล้า
หาญจากวีรกรรมของมันในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่า เรื่องราวของเจ้ามัสทาช เป็นเรื่องที่ถูก
แต่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น เรื่องราวของมันก็เผยแพร่และดังไปทั่วโลก รวมถึงได้ตีพิมพ์ลงใน
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์อีกด้วย
10. พันโทแร็กส์ สุนัขส่งสารจอมอึด
พลทหารเจมส์ โดโนแวน ในหน่วยทหารราบที่ 1 ของกองทัพสหรัฐ ฯ ได้พา เจ้าแร็กส์ สุนัขพันธุ์
เทอเรียร์ เข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 1 ในฝรั่งเศสด้วย โดยมอบให้ทำหน้าที่เป็นสุนัขส่งสารไป
ยังที่ต่าง ๆ ท่ามกลางอันตรายอย่างยิ่งยวดในภาวะสงคราม แม้ว่าจะสามารถเอาชีวิตรอดมาได้
หลังจากสิ้นสุดสงคราม แต่ระหว่างเดินทางกลับบ้าน เรือโดยสารของโดโนแวนและเจ้าแร็กส์ ก็
ถูกโจมตีด้วยแก๊สพิษ เจ้านายของมันเสียชีวิต ส่วนเจ้าแร็กส์ จอมอึด ก็รอดชีวิตมาได้อีกราว
ปาฏิหาริย์ เรื่องราวของมันโด่งดังไปทั่วประเทศ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็น "พันโทแร็กส์" ศพ
ของมันถูกฝังอย่างมีเกียรติเยี่ยงทหารผู้เสียสละเพื่อชาติที่ซิลเวอร์ สปริง ในรัฐแมรี่แลนด์
Credit : http://www.toptenthailand.com/display.php?id=3099