ลองมาแล้ว !! Sex and Zen 3D หนังบดไข่ หลายมิติ

ลองมาแล้ว!! Sex and Zen 3D : ‘หนังบดไข่’ หลายมิติ/อภินันท์

โดย อภินันท์ บุญเรืองพะเนา 7 มิถุนายน 2554 14:14 น.   คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น








โดย อภินันท์ บุญเรืองพะเนา
       Facebook...teelao1979@hotmail.com
       
       คุณผู้อ่านที่ติดตามบทความของผมมาโดยตลอด คงยังพอจะจำกันได้นะครับว่า กาลครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานเท่าไหร่ ผมเคยเขียนถึงหนังแบบหนึ่งซึ่งได้รับการขนานนามว่า “หนังบดไข่” มันไม่ใช่คำหยาบคาย หากแต่เป็นคำอธิบายผลงานภาพยนตร์ที่เฟื่องฟูมากๆ ในฮ่องกงในช่วงยุค 80 (ค.ศ.1980) เรียกว่าใครก็ตามที่เติบโตทันยุคนั้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชาย ถ้าชอบหนังสือแนวหวิวๆ จะต้องยินชื่อเฮียกังฟูหรือน้องหนูนวลนาง ส่วนถ้าชอบดูหนัง (ฮ่องกง) ก็ต้องคุ้นๆ กับหนังบดไข่
        
       
       ความหมายตรงๆ ของหนังแนวที่ว่านี้ก็คือ หนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเรื่องทางเพศ และแสดงการมีเพศสัมพันธ์แบบจงใจ แต่เป็นการแสดงที่ตัวละครไม่ได้ “มีอะไรกัน” จริงๆ ต่างจากหนังเรทเอ็กซ์ พูดภาษาบ้านๆ ตัวละครเหล่านั้นในเรื่องก็แค่ใช้ “เครื่องเครา” เสียดสีถูไถกันไปมาโดยปราศจากการ “ล่วงล้ำก้ำเกิน” กันแม้เพียงหนึ่งส่วนของเม็ดถั่วเขียว แต่ตัวนักแสดงต้องทำทีทำท่าว่า “สยิวเสียว” เป็นล้นพ้น จนบางครั้งดูโอเวอร์เกินจริง คำว่า “หนังบดไข่” ก็คงมาจากกิริยาการที่ผู้ชายเสียดสีอวัยอวัยวะเพศของตัวเองบดลงไปบนเนิน เนื้อของฝ่ายหญิง บดอยู่นั่น แต่ไร้การสอดใส่แบบเป็นเรื่องเป็นราว
       
       หนังบดไข่ ก็เหมือนกับหลายสิ่งหลายอย่างในโลกนี้ที่มียุครุ่งเรืองเป็นของตัวเอง ก่อนจะร่วงโยไปตามวันเวลา และแม้ว่าในช่วงหลังๆ เราอาจจะได้เห็นผู้กำกับบางคนพยายามที่จะปลุกชีวิตคืนวิญญาณให้กับหนังแนว นี้อยู่เหมือนกัน อย่างเช่น เรื่อง The Forbidden Legend : Sex & Chopsticks ที่ทำออกมาถึงสองภาค ก็มิอาจเบิกขอบฟ้าใหม่ให้กับหนังบดไข่ได้ อย่างไรก็ดี ถ้ามองในแง่ที่ว่า มันสามารถนำพาคนดูผู้ชมบางส่วน (ก็กลุ่มที่ชื่นชอบนั่นล่ะ) ทบทวนหวนย้อนกลับไปสู่คืนวันอันเก่าก่อนตอนที่ยังไต่บันไดความสยิวไปพร้อม กับหนังเหล่านี้
       
       จะว่าไป ในช่วงเวลาเฟื่องฟู หนังจากเกาะฮ่องกงแนวนี้ ก็ได้ฝากรอยจดจำไว้ในใจของผู้คนอย่างมากมายเลยนะครับ มีผลงานจำนวนนับไม่ถ้วนที่ยังคง “อยู่ในใจเสมอ” ของคนดูที่เป็นกลุ่มแฟนคลับและเคยจูงมือหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แห่งยุคสมัย 80 ลัดเลาะปีนป่ายสวรรค์ไสวมาแล้วไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็น Erotic Ghost Story, Scarred Memory, The Fruit is Swelling ฯลฯ และแน่นอนที่สุด จะต้องไม่ลืมหนังที่ถือเป็นการระเบิดบุกเบิกหนังแนวนี้ให้กระฉอกออกมาสู่สาย ตาคนดู อย่าง Sex & Zen
       
       Sex & Zen ได้เนื้อเรื่องมาจากวรรณกรรมอีโรติกคลาสสิกของจีนเรื่อง “โร่วผู่ถวน” หรือ The Carnal Player Mat (มีแปลเป็นไทยในชื่อ “บัณฑิตก่อนเที่ยงคืน”) เนื้อหาหลักๆ ของเรื่องก็ว่าด้วยความหมกมุ่นลุ่มหลงในกามารมณ์อย่างคนมัวเมาหน้ามืด ก่อนที่ความเป็นไปในชีวิตจะบอกสอนให้เขาได้คิดและตระหนักถึงสิ่งที่พึงให้ คุณค่าความสำคัญอย่างแท้จริง “โร่วผู่ถวน” โดยรวมดูแล้วอ่านแล้วก็ได้สติสตังยั้งคิดในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องกามารมณ์
       
       ขณะเดียวกัน ผมคิดว่า สิ่งที่ติดตาตรึงใจอยู่ในความทรงจำของผู้ชมเกี่ยวกับ Sex & Zen ถ้าไม่เป็นรูปร่างอันสวยสดพร้อมหน้าอกหน้าใจเบียดความใหญ่ใกล้เคียงลูก มะพร้าวของนางเอกผู้เปี่ยมด้วยเสน่ห์หญิงอย่าง “เยี่ยจื่อเหมย” สิ่งที่จะละเลยไม่พูดไม่ได้เลยก็คือ ความแฟนตาซีโลดโผนของท่วงท่าลีลารักที่แปลกประหลาดชนิดที่คงไม่มีใครอยากจะ เชื่อว่ามนุษย์มนาในสากลโลกนี้จะทำกันได้ และนั่นแหละครับ คือเสน่ห์อย่างเหลือร้ายของหนังเรื่องนี้
       
       Sex & Zen ลาขาดจากวงการไป หลังจากเดินทางถึงภาคที่สาม พร้อมกับความนิยมในหนังแนวนี้ที่ถึงจุดสุดยอดแล้วก็พลันอ่อนแรง และมันก็คงจะเป็นแค่ “บทรัก” บทเก่าที่เล่าขานเป็นตำนานในหมู่คนดูหนังเฉพาะกลุ่มอยู่เช่นนั้นต่อไป ถ้าเพียงแต่วันนี้ มันจะไม่มี “ตำรารักทะลุจอ” อย่าง 3D Sex & Zen : Extreme Ecstasy
       
       รำร่ายมายาวเหยียดจนถึงบรรทัดนี้ ก็เพียงเพื่อจะบอกกันสั้นๆ แหละครับว่า Sex & Zen กลับมาอีกครั้งแล้ว และไม่ได้กลับมาธรรมดาๆ แต่กลับมาในรูปแบบสามมิติด้วย ตามแรงกระฉอกของยุคสมัยที่หนังอะไรๆ ก็ต้อง 3 มิติ
       
       ท่ามกลางเสียงครวญครางซี้ดซ้าดแห่งความหฤหรรษ์และสุขสมที่ดังระงม ร่วมๆ สองชั่วโมงตลอดการดูหนังเรื่องนี้นั้น สิ่งที่ผมและแฟนหนังยุคเก่าคงมองเห็นเช่นเดียวกันก็คือว่า แม้หนังจะตั้งธงว่าเป็นการนำ Sex & Zen กลับมาทำอีกครั้งหนึ่ง แต่ “เรื่องราว” นั้นถูกปรับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งผมคิดว่า หนังไม่สมควรต้องได้รับการตำหนิอะไรในส่วนนี้ เนื่องจากตั้งแต่แรก หนังก็ไม่ได้ประกาศตัวว่า นี่คือการ “รีเมค” (ผลิตซ้ำ) หากแต่อาศัยกระบวนท่า “ดัดแปลง” มาจากนิยายต้นฉบับและหนังเวอร์ชั่นเก่า และการดัดแปลงของหนัง เท่าที่เห็น ก็เพียงหยิบเอาเค้าโครง “ประเด็นเนื้อหา” บางประเด็น รวมทั้งสีสันสไตล์ของหนังมาใช้
       
       เรื่องราวเป็นอย่างไร ผมอยากให้ไปซึมซับกันเองครับ แต่สำหรับบทความนี้ที่ผมอยากขอทำหน้าที่เพียงเกริ่นนำ ผมเห็นว่า ความดีความชอบของหนังลำดับแรกสุด อยู่ที่การแคสติ้งนักแสดง ซึ่งผมก็หมายถึงพวกสาวๆ ในเรื่องนั่นแหละครับ ไล่ไปตั้งแต่นางเอกยันนางรอง ดูแล้วเจริญหูเจริญตา ให้รู้สึกซู่ซ่ามีพลังเสียนี่กระไร แต่ละคนนั้น กล้าเล่นกล้าแสดงตามที่ “บทหนัง” มอบหมาย ไม่มีตกหล่นหรือเก็บกั๊ก เรียกว่ามีเท่าไหร่ก็ทะลักออกมากันหมด และโปรดจับตาดาราดาวเด่นของเรื่องอย่าง “หลัน เหยียน” ไว้ดีๆ โอกาสทองเยี่ยงนี้มีไม่มาก ฉากหวิวๆ นั้นไม่ต้องห่วง ได้ตักตวงตื่นเต้นกันเต็มสตีม
       
       และในสิ่งที่คอหนังแนวนี้คาดหวัง...ความโลดโผนโจนทะยานแบบ “ฮาระห่ำ” ของลีลาร่วมรัก ก็มีบ้างครับ แต่ไม่มากเท่ากับภาคเก่าๆ ที่เรารู้สึกว่า จินตนาการในด้านนี้ของหนังมันแพรวพราวฉูดฉาดมาก แต่ Sex & Zen ฉบับ 3D ไม่ค่อยเท่าไหร่ เช่นเดียวกับ “สถานที่เกิดหื่น เอ๊ย! เกิดเหตุ” ก็ดูจะจำกัดขอบเขตอยู่แค่โลเกชั่นซ้ำๆ เดิมๆ เหมือนกับที่คุณต่อพงษ์ เศวตามร์ ผู้อำนวยการช่องซูเปอร์บันเทิงตั้งข้อสังเกตไว้
       
       กระนั้นก็ดี แม้จะไม่โลดโผนอะไรมาก แต่ฉากรักในหนังก็หลากรสหลายอารมณ์ มีทั้งที่ (อาจจะ) เล้าโลมอารมณ์คุณให้เคลิ้มๆ ไปกับมัน หรือออกอาการบิดซ้ายบ่ายขา ไปจนถึงฉากรักที่ชวนขำก๊ากนั่นก็มากเหมือนกัน
       
       ถามว่า อนาจารไหม?
       
       ในสายตาผู้ผ่านโลกมาพอควร ผมเห็นว่า นอกจากหนังไม่ลามกสกปรก เซ็กซ์แอนด์เซ็นภาคนี้ยังรักษาดีกรีและคุณสมบัติด้านความตลกและสวยงามตามแบบ ฉบับของหนังบดไข่ไว้อย่างสมบูรณ์ และที่ผ่านมา ผมก็ไม่เคยได้ยินว่า ใครจะมาดูหนังแนวนี้เพื่อปลุกความคึกทางเพศกันจริงๆ จังๆ เพราะสิ่งที่เราจะได้รับจากการดูหนังแบบนี้ ส่วนมากคือเสียงหัวเราะครับ ขณะที่ความเคลิบเคลิ้มในความใคร่อะไรทำนองนั้น มันอาจจะมีอยู่ แต่สุดท้าย พอเราจะเคลิ้มๆ หวามๆ หน่อย หนังก็จะมีอะไรมาให้เรานึกขันไปซะนี่ เป็นแบบนี้ทุกทีไป มากกว่านั้นคือการพากย์ของทีมพันธมิตรที่แม้จะดู “ล้นๆ” หรือ “ใส่มุกเพิ่ม” เข้ามาบ้างตามสไตล์ของทีม แต่ก็เพิ่มอรรถรสความขบขันได้เป็นอย่างดี มิอาจถือเป็นข้อเสียหาย (มีมุกร่วมสมัยอย่าง “เรยา” ด้วย ฮ่าๆๆ)
       
       ส่วนในความเป็นหนังสามมิตินั้น สำหรับผม ไม่ถือว่าน่าตื่นตาอะไรกับมันมาก และผิดจากความคาดเดาเยอะพอดู ไอ้ที่เคยคิดว่า “อะไรๆ” มันจะทะลุทะลวงออกมานอกจอ (เหมือนชื่อหนัง) ปะทะสายตา ก็แทบจะไม่มีเลย ฉากทะลุจอแทบทั้งหมด เป็นเรื่องของอาวุธลับของจอมยุทธ์คนนั้นมากกว่า (ไม่รู้ว่ารับอิทธิพลมาจาก “มีดบินไม่พลาดเป้า” ของตั้วเฮียลี้คิมฮวงบ้างหรือเปล่า) แต่กระนั้น “ความมโหฬาร” ของภาพกับการดูจอใหญ่ๆ ก็เป็นอะไรที่ให้ความรู้สึกน่าตื่นใจไปอีกแบบดีนะครับ และเหนืออื่นใด แม้มันจะไม่ค่อยเวิร์กเท่าไร ผมก็ยังอยากจะแนะนำว่า ไม่เสียหายแต่อย่างใดกับการดูในระบบสามมิติ เพราะอย่างน้อยๆ มันก็เป็นประสบการณ์หนึ่งในร้อยที่หาดูได้ยาก ดูแล้วเก็บไว้เล่าให้ลูกหลานฟัง ผมว่าก็ยังพอไหว
       
       สุดท้ายที่อยากพูด คือเรื่องของบทหนัง ก็ตามมาตรฐานของหนังแนวนี้แหละครับที่เน้นการเล่าเรื่องมากกว่าจะลงลึกสู่ ห้วงมิติความรู้สึกเชิงลึกของตัวละคร หนังเอาตัวรอดได้ตลอดรอดฝั่ง ท่ามกลางอารมณ์ขันและฉากเซ็กซี่ที่ทยอยกันมาเป็นระลอกๆ ดูแล้วไม่น่าเบื่อ จำได้ว่า หลายๆ ฉากเลยนะครับที่คนดูฮาก๊ากกันทั้งโรง ดูหนัง (ที่อ้างว่า) ตลกบางเรื่อง ยังไม่ได้ปลดปล่อยเสียงหัวเราะขนาดนี้เลย
       
       ขณะที่บทหนังคงไม่ได้หวังจะมาเอารางวัลในด้านนี้อยู่แล้ว ในส่วนเนื้อหาก็ยังรักษาเกณฑ์ “ความไม่ลุ่มลึก” ตามแบบฉบับของหนังกลุ่มนี้ไว้ได้เช่นกัน คือบทจะสอนก็สอนกันโต้งๆ ไม่ต้องมีลีลาชั้นเชิงอะไรมาก (เพราะลีลามันออกไปหมดแล้วในฉากรัก ฮา) หนังนั้นแบ่งตัวเองออกราวๆ 3 ช่วง ช่วงแรกจะเกี่ยวกับชายหนุ่มที่ตกหลุมรักหญิงสาวผู้เลอโฉมนางหนึ่งจนต้องสู่ ขอมาเป็นคู่ชีวิต ส่วนแรกนี้ หนังสะท้อนให้เห็นถึงความตื่นเต้นแห่งอ่อนโลกที่ถูกรุกเร้าด้วยแรงรัก ตื่นเต้น กระหายอยากรู้
       
       ถัดจากนั้นก็เข้าสู่โหมดที่สอง ชายหนุ่มคนเดิมเริ่มรู้สึกถึงความไม่เต็มอิ่มซู่ซ่าแห่งเซ็กซ์ พร้อมกับๆ ที่ “ปมด้อยในตัวเอง” ถูกถ่างขยาย กลายเป็นชนวนให้หลงเข้าไปในวังวนแห่งกามาอย่างมึนเมาลุ่มหลง (ซึ่งเปิดช่องให้หนังได้ใช้สอยมังสาแห่งสาวๆ อย่างเต็มพิกัด) ก่อนจะสรุปจบที่ส่วนสุดท้ายด้วยการพลิกเปลี่ยนไปสู่ภาคการให้บทเรียนทางความ คิดแก่ตัวละคร พร้อมกับการลดโทนด้านความเซ็กซี่หวือหวาลงแล้วใส่ความเป็นดราม่ามืดหม่นสลด หดหู่ลงไป
       
       ด้วยเหตุนี้ ขณะที่พิกัดความสยิวหวิวหวามพุ่งปรี๊ดทะลักล้น เนื้อหาสาระอันว่าด้วยเรื่องกามารมณ์ของคนที่เป็นต้นทางแห่งความทุกข์ร้อน ทั้งกายและใจ รวมไปจนถึงความสุขของชีวิตก็ถูกเปิดเปลือยออกมาเป็นปัญญานึกคิดที่หนังติด เรทเรื่องหนึ่ง พาดขึงไว้ในใจเมื่อดูจบ
       
       3D Sex & Zen : Extreme Ecstasy ได้เรทในบ้านเรา คือ “ฉ 20+” เข้าใจว่า ก่อนการตีตั๋ว คงมีการตรวจบัตรประชาชน อายุต่ำกว่า 20 ปี ห้ามเข้า ประมาณนั้น แต่ถึงจะเรทสูงเพียงนั้น ผมก็ยังอยากจะยืนยันครับว่า นี่ไม่ใช่หนังอนาจารอุจาดลามก หากแต่มันคือหนังตลกที่แทรกแซมด้วย “กามาแอ็กชั่น” ซึ่งผสมผสานทั้งเซ็กซ์ชวนขันและเซ็กซ์สวยงาม หนังมีครบ 3 มิติ ทั้งความเซ็กซี่ ขบขันหรรษา และเนื้อหาที่ไม่เป็นภัยต่อความคิด
       
       มันไม่มีอะไรต้องกลัว หนังบดไข่ไม่มีอะไรต้องให้กลัว ถ้ายังหวั่นอยู่ ก็ตั้งธงไว้ในใจเลยครับว่า จะเข้าไปดูเพื่อความฮา ไม่ใช่เพื่อกระตุ้นตัณหาราคะหรือสนองอารมณ์หื่น แล้วคุณจะรื่นรมย์และกลับออกมาแบบไม่ผิดหวัง เฉพาะอย่างยิ่ง ท่านชายทั้งหลาย ดูแล้วก็มีแต่ได้สติกับสติครับ อย่าไปกังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่องให้ยุ่งยากมากความ ใช้ “ไซส์” ที่ตัวเองมีอยู่นั่นแหละให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามหลักแห่งเศรษฐศาสตร์ที่ว่าด้วยการจัดการ “ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่า” (แต่ไม่ต้องให้ “ทั่วถึง” มากก็ได้) ส่วนใครที่คิดว่าไม่ต้องการเพิ่ม แต่ต้องการลด (ไซส์) มากกว่า อันนั้นก็สุดแท้แต่คุณแล้วกัน อิอิอิ
       ...............................................
       
       หมายเหตุ : 3-D Sex & Zen : Extreme Ecstasy จะฉายในบ้านเราเพียงหนึ่งสัปดาห์ (9-14 มิ.ย.นี้) เท่านั้น ในระบบสามมิติทั่วประเทศ

Credit: ผุ้จัดการออนไลน์
#หนังสามมิติ
THEPOco
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIP
7 มิ.ย. 54 เวลา 23:07 5,874 3 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...