บุกเดี่ยวปล้นทอง200บ.-กลางภูเก็ต
โจรบุกเดี่ยวควงปืนจี้ร้านทองกลางเมืองภูเก็ต กวาดทองหนัก200บาท มูลค่า 4 ล้านหนีลอยนวล ฉวยจังหวะลูกสาวเจ้าของร้านวัย 13 อยู่เพียงลำพังเข้ามาชักปืนขู่ แต่ลูกสาวเสี่ยหยิบปืนออกมาขู่กลับ สุดท้ายโดนแย่ง ตร.เช็กวงจรปิดในร้านเป็นวัยรุ่น สวมหมวกแก๊ป ขี่จยย.ฮอนด้าคลิกสีขาวเข้ามาก่อเหตุ ก่อนขับหลบหนี แล้วตามไปเจอถูกจอดทิ้ง แต่เป็นรถที่ยืมเพื่อนบ้านมาก่อเหตุ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 มิ.ย. พ.ต.ท. ยงยุทธ กรองมาลัย สวส.สภ.เมืองภูเก็ต รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายชายบุกเดี่ยวจี้ชิงทองรูปพรรณ ของร้านทองธเนศ 2 ตั้งอยู่เลขที่ 28 ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ต.ตลาดเหนือ อ.เมืองภูเก็ต หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมด้วยพ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.อ.เอกวุฒิ เสน่ห์พร ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต นำกำลังชุดสืบสวนรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ตั้งอยู่กลางชุมชนใกล้กับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาเจ้าฟ้าตะวันออก ด้านหน้ากั้นห้องไว้สำหรับเปิดเป็นร้านขายทอง ส่วนด้านหลังกั้นเป็นห้องแบ่งให้เช่า โดยมีทางเข้าออกอยู่ด้านข้าง ภายในร้านพบนางจันทนา ธเนศธนสมบัติ อายุ 52 ปี พร้อมคนในครอบครัวยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ จากนั้นได้นำเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบภายในที่เกิดเหตุ
ที่บริเวณพบตู้โชว์สร้อยคอทองคำขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ถูกเปิดออกจำนวน 2 ตู้ ภายในตู้มีสร้อยคอทองคำถูกกระชากห้อยโตงเตงอยู่จำนวนหนึ่ง โดยมีสร้อยคอสูญหายไปเป็นจำนวนมาก ที่พื้นหลังเคาน์เตอร์พบสร้อยคอจำนวนหนึ่งตกอยู่ จากนั้นเจ้าหน้าที่วิทยาการได้ตรวจเก็บลายนิ้วมือแฝงคนร้ายที่ติดอยู่กระจกบานเลื่อนบริเวณตู้โชว์ทองไว้เป็นหลักฐาน จากการตรวจสอบทองรูปพรรณที่หายไปจากตู้โชว์ พบสร้อยคอทองคำมีน้ำหนักรวมไม่ต่ำกว่า 200 บาท มูลค่ากว่า 4 ล้านบาทถูกคนร้ายเอาไป
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภายในร้าน พบมีกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ภายในร้านจำนวน 4 ตัว สามารถบันทึกภาพคนร้ายไว้ได้ทั้งหมดในขณะที่ก่อเหตุอย่างชัดเจน จึงนำภาพตั้งแต่เริ่มต้นมาตรวจสอบเพื่อตรวจดู รูปพรรณของคนร้าย พบเป็นชายวัยรุ่น สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขาสามส่วนสีดำ สวมหมวกแก๊ปหันไปด้านหลัง ก่อนเกิดเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิกสีขาว ป้ายทะเบียน ขทค 6 ภูเก็ต ขับมาจอดบริเวณหน้าร้านเพียงคนเดียว จากนั้นได้มายืนอยู่ที่หน้าประตูบานเลื่อนที่ควบคุมด้วยรีโมตเปิดปิดจากภายในร้าน
โดยมีลูกสาวเจ้าของร้านอายุ 13 ปี ยืนอยู่ภายในร้านเพียงลำพังก่อนกดเปิดประตู ทำให้คนร้ายได้จังหวะก้าวเข้ามาภายในร้านพร้อมกับชักอาวุธปืนที่พกอยู่ที่เอวออกมาจี้บังคับให้เปิดบานเลื่อนตู้โชว์สร้อยคอทองคำหลังเคาน์เตอร์ แต่ลูกสาวเจ้าของร้านทองกลับเอื้อมไปหยิบอาวุธปืนขนาด .38 ที่วางอยู่ในลิ้นชักตู้โชว์ออกมาจ่อไปที่ตัวคนร้าย โดยไม่หวั่นเกรงว่าจะถูกคนร้ายยิงสวนแต่อย่างใด
ระหว่างนั้นคนร้ายบุกเข้าประชิดตัวก่อนจะคว้าปืนจากมือไปได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับใช้ปืนกระบอกเดียวกันจ่อบังคับให้เปิดล็อกตู้โชว์ทองรูปพรรณทั้งหมดทันที จากนั้นจึงเดินเข้าไปหลังเคาน์เตอร์แล้วกวาดสร้อยคอทองคำที่อยู่ภายในตู้โชว์ใส่กระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็วพร้อมกับเดินไปกวาดสร้อยคอทองคำที่โชว์อยู่อีกตู้หนึ่งรวมไปด้วย แล้วได้เดินออกจากร้านไปอย่างใจเย็น เพื่อขับขี่รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่หน้าร้านขับหลบหนีไปทางสี่แยกโรงฆ่าสัตว์เก่า ถนนเจ้าฟ้าตะวันออกแล้วเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้า ไปตามถนนบางกอก-วัดนาคาตัดใหม่ แล้วหายไปอย่างรวดเร็ว
ภายหลังตรวจสอบภาพวงจรปิดภายในร้านแล้ว เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งบริเวณสี่แยกโรงฆ่าสัตว์เก่า พบว่าคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุเข้าไปภายในหมู่บ้านสวนหลวงเจ้าฟ้า ซอย 5/3 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ตห่างจากร้านทองที่ก่อเหตุประมาณ 2 ก.ม.
ภายหลังได้รับเบาะแสการหลบหนีแล้ว พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจและฝ่ายสืบสวน ปิดล้อมทั้งหมู่บ้านเพื่อตรวจสอบหารถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้เป็นยานพาหนะอย่างเร่งด่วน กระทั่งไปพบถูกจอดทิ้งไว้ภายในซอย 5/3 จึงได้ปิดล้อมบริเวณจุดที่พบรถ เพื่อตรวจค้นหาคนร้ายแต่ไร้วี่แวว
จากการสอบถามประชาชนที่อยู่อาศัยใกล้เคียงแจ้งว่า ได้เห็นชายวัยรุ่นคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาจอด จากนั้นได้มีรถกระบะยี่ห้อฟอร์ด สีดำหรือสีน้ำเงินเข้ม ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนมารับออกไป
พ.ต.อ.โชติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายจอดทิ้งไว้พบว่า ผู้ครอบครองคือน.ส.กมลวรรณ แซ่ลิ้ม อยู่บ้านเลขที่ 67/13 ถนนราชปาทานุสรณ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ โดยได้รับแจ้งจากเจ้าของรถว่านายเอก ไม่ทราบนามสกุล เป็นชาว สุราษฎร์ธานี ที่เช่าบ้านอยู่ใกล้กันในป่าตองมายืมไปใช้ตั้งแต่ในช่วงเช้า และมาทราบจากเจ้าหน้าที่ว่ารถถูกนำไปใช้ก่อเหตุจี้ชิงร้านทอง