รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีเรือขนน้ำตาลกว่า 2,000 กิโล ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เกิดล่มในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา น้ำได้ไหลผ่านมาถึงบริเวณหน้าวัดโบสถ์ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี จนทำให้ปลาในแม่น้ำและปลาที่เลี้ยงในกระชังบริเวณนั้นตายเป็นจำนวนมาก

ทั้ง นี้นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วย นายทะนง ทแกล้วทศพล ประมงจังหวัด ออกตรวจปลาหน้าวัดต่างๆ ในพื้นที่อำเภอสามโคก และอำเภอเมือง

ทางด้านแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าวัด โบสถ์ ซึ่งมีปลาอาศัยเป็นจำนวนมาก นายพีระศักดิ์ ได้สั่งการให้ อบต. บางกระบือ ซื้อเครื่องไดโวสูบน้ำจำนวน10 ตัว มาตั้งสูบน้ำพ่นใส่ลงไปในแม่น้ำ เพื่อให้เกิดออกชิเจนเพิ่มมากขึ้น

ด้าน พระอุดมสารโสภณ เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ กล่าวว่า ทางวัดได้สั่งซื้อเครื่องไดโวมาสูบน้ำให้หมุนเวียนตลอดเวลา หากน้ำเสียมาถึงบริเวณหน้าวัด ก็ยังพอช่วยชีวิตปลาได้บ้าง แต่ถ้าช่วยไม่ได้ กว่าจะทำให้ปลามีจำนวนเท่าเดิมคงต้องใช้เวลาหลายปี ซึ่งปลาเหล่านั้น สร้างรายได้เข้าวัดปีละหลายแสนบาทจากการเข้ามาของนักท่องเที่ยว

นอกจากนี้ หมู่บ้านข้างวัดเจดีย์ทอง อ.สามโคก มีปลาราหูขนาดกว้างกว่า 3 เมตร ยาวกว่า 6 เมตร น้ำหนักกว่า 300 กก. ได้ลอยเกยตื้นริมน้ำเจ้าพระยา ชาว บ้านได้ช่วยกันนำไว้ข้างทางเดิน นายพีระศักดิ์สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ประมงบางไทร มารับปลาราหูไปอนุบาลที่ศูนย์ศิลปะชีพบางไทร ต่อมาปลาได้เสียชีวิตลง

ซึ่ง ชาวบ้านต่างออกมาใช้ไฟฉายส่อง ริมทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยา นำสวิงช้อนตักปลา ซึ่งมีหลายชนิดด้วยกัน เช่น ปลาตะโกก ปลาลิ้นหมา ปลาเนื้ออ่อน ปลาน้ำเงิน ปลาเครา โดยเฉพาะกุ้งแม่น้ำ ชาวบ้านได้งมกุ้งตามใต้ถุนบ้านได้ไปคนละหลายสิบกิโล และมีเรือพายที่ชาวบ้านนำมาพายหาปลาในแม่น้ำหลายสิบลำใช้ไฟส่องนำ ฉมวกมาแทงปลาที่โผล่หัวลอย แต่ละรายได้ปลาไปเต็มท้องเรือ

ล่าสุดนายพีระศักดิ์จะให้ทางประมงจังหวัดปทุมธานีไปแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทน้ำตาลทรายที่ทำเรือล่ม จนส่งผลกระทบให้ปลาธรรมชาติเสียชีวิตจำนวนมาก