ธีโมธีท์ เอช. โอ ซัลลิแวน – ภาพสมรภูมิ แห่ง เกตติเบิร์ก
This photograph has become synonymous with The Battle of Gettysburg, which was the most bloody battle of the American Civil War. Photographer Timothy H. O’Sullivan documented and recorded the battlefield, and this picture became a sensation. For many, this was their first chance to see, first hand, the true extent of the Civil War. However, it was not until 40 years after the battle that the pictures were mass produced, as photo-engraving had not been established. The picture shows dead confederate soldiers on the battlefield, and has earned its place in history as an iconic photograph.
ภาพถ่าย นี้ได้แสดงความเหมือนของสมรภูมินองเลือดระหว่าง สมรภูมิแห่ง เกตติเบิร์ค และ สมรภูมิ สงครามกลางเมืองแห่งสหรัฐ บันทึกภาพไว้โดย ธีโมธีท์ เอช. โอ ซัลลิแวน ในบันทึกสารคดีแห่งสมรภูมิ ภาพนี้ได้ถ่ายทอดห้วงอารมณ์ที่หลากหลาย และตีแผ่ช่วงเวลา แห่งสงครามกลางเมือง ให้แก่ผู้ที่ได้เห็นภาพในครั้งแรก หรือผ่านประสบการณ์นั้นมา อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่การแพร่ภาพอย่างกว้างขวาง และภาพนี้ก็ยังเป็นภาพที่ไม่เคยมีการนำเสนอมาก่อน ภาพถูกทำให้เหมือนการพิมพ์ในสมัยโบราณ แต่ภาพได้แสดงถึงการตายหมู่ของทหารในสมรภูมิ และภาพได้ทำการบันทึกส่วนหนึ่งถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์
ลอเรนซ์ เบลท์เลอล์ - ศาลเตี้ย
Lawrence Beitler took this iconic photograph on August 7, 1930, showing the lynching of Thomas Shipp and Abram Smith. It sold thousands of copies, which Beitler stayed up for 10 days and nights printing them. It has become iconic over the years as it is one of the best and most recognisable images of lynchingwhich at the time was commonplace, but now serves only as a reminder of the pre-Civil Rights era. The photo shows a crowd that have turned out to view the lynching, and the audience a mixture of anger and fulfillment. The photo was so popular it has been the inspiration for many poems and songs down the years.
ลอเรนซ์ เบลท์เลอล์ ได้บันทึกภาพนี้ไว้เมื่อ วันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 1930 ภาพแสดงถึงการประชาทัณฑ์ ชอง โธมัส ชิปป์ และ อาร์บ สมิธ มันถูกขายออกไปกว่าพันสำเนา โดย เบลท์เลอล์ ที่ใช้เวลาตลอด 10 วัน 10 คืนในการพิมพ์มันออกมา ภาพกลายเป็นสัญลักษณ์กล่าวขานสืบเนื่องต่อมาเป็นเวลาหลายปี ถึงความเด่นในแง่มุมของการจดจำ ถึงการถูกประชาทัณฑ์ศาลเตี้ย ซึ่งในเวลานั้น เหมือนมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ประจำวัน ภาพนี้ต้องการแสดงถึงยุคก่อนสงครามกลางเมืองเท่านั้น ภาพแสดงถึงผู้คนพยายามเลี่ยงสายตาจากภาพการลงทัณฑ์ ด้วยอารมณ์อันหลากหลาย ระคนด้วยความโกรธและความสะใจ ภาพนี้ได้รับความนิยม และได้ถูกนำมาเป็นแรงบันดานใจในการเขียนกลอน และแต่งเพลงในช่วงหลายปีต่อมา
โจ โรเซนไทล์ - การอัญเชิญธง ณ อิโวจิม่า
Raising the Flag on Iwo Jima is an historic photograph taken on February 23, 1945, by Joe Rosenthal. It depicts five United States Marines and a U.S. Navy corpsman raising the flag of the United States atop Mount Suribachi during the Battle of Iwo Jima in World War II. It became the only photograph to win the Pulitzer Prize for Photography in the same year as its publication, and came to be regarded in the United States as one of the most significant and
recognizable images of the war, and possibly the most reproduced photograph of all time.
ภาพ อัญเชิญธง ณ อิโวจิมา ถูกบันทึกไว้เมื่อ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1945 โดย โจ โรเซนไทล์ ได้บันทึกภาพ นาวิกโยธินสหรัฐ และ นาวาอากาศสหรัฐ 5 นาย ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ทหารเสนารักษ์ กำลังพยายามปักธงบนยอดเขา ซึริบาฉิ ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ณ อิโวจิมา ภาพนี้ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ ในปีเดียวกัน นอกจากการได้บันทึกช่วงเวลานี้เป็นภาพ แต่ยังเป็นหมายเหตุให้กับสหรัฐด้วย ถึงการจดจำ และการบันทึกภาพเหตุการณ์ในช่วงต่างๆ
อัลเบอโต คอร์ดา - เช กูวารา นายแพทย์นักปฏิวัติ
Alberto Korda’s well known photograph of Marxist revolutionary Che Guevara, titled ‘Guerrillero Heroico’ or ‘Heroic Guerrilla’ has become a symbol of the 20th centry. It shows Che, as he was known, at a memorial service for victims of the La Coubre explosion. The picture depicts the then-31 year-old’s stoic and character and now appear on T-shirts, tattoos, murials and walls all around the world. Despite being one of the most reproduced images in history, Korda, a lifelong Communist and supporter of the Cuban Revolution, claimed no payment for his picture. The rights of the picture are now disputed. Still, it remains
อัล เบอโต คอร์ดา กับภาพที่โด่งดังภาพหนึ่งในการปฏิวัติ มาร์คซิส ของ เช กูวารา ชื่อ เกอริโลโร ฮิรอยโค่ หรือ ฮีรอย เกอริล่า ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ในศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นอนุสร การระเบิด แห่ง ลา คูบร์ ภาพได้ถูกบันทึกมาร่วม 31 ปีมาแล้ว แต่ก็ยังนำภาพสัญลักษณ์นี้มาแสดง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืด รอยสัก และบนกำแพง ซึ่งพบเห็นได้ทั่วโลกถึงความเป็นประวัติศาสตร์ โคร์ดา ตลอดชีวิตคอมมิวนิส และการสนับสนุนกลุ่มการปฏิวัติเพื่อประชาชนคิวบา ภาพแสดงออกถึงการเรียกร้องสิทธิ์ และภาพก็ยังแสดงออกถึงความขัดแย้งซึ่งยังคงมีอยู่ และดำรงอยู่
one of the most iconic photographs of the 20th century.
เอ็ดดี้ อดัม – .......
Most of the iconic images of the 20th and 21st century have owned their photographers Pulitzer prizes for their work, and this image is no exception. Eddie Adams was famous for his portraits of celebrties and for being a prolific photojournalist, having been in 13 wars. However, possibly his most famous image is of the execution of Nguy?n Van LÈm by Nguy?n Ng?c Loan during the Vietnam War. Adams later apologized in person to General Nguyen and his family for the irreparable damage it did to Loan’s honor while he was alive.
ภาพ สัญลักษณ์ที่ได้รับความนิยมในศตวรรษที่ 20 และ 21 อีกภาพหนึ่ง ของ เอ็ดดี้ อดัม ช่างภาพรางวัลพูลิตเซอร์ และภาพนี้ด้วยเช่นกัน เอ็ดดี้ อดัม มีชื่อเสียงในการถ่ายภาพบุคคลที่มีชื่อเสียง ลงตามสือสิ่งพิมพ์มากมาย มีชีวิตในช่วงสงครามถึง 13 ครั้ง อย่างไรก็ดี ภาพที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็เห็นจะเป็น ภาพในสงครามเวียดนาม อดัม ได้ขอขมาต่อผู้คนในบังคับบัญชาของ พันเอก นูเยน และครอบครัวของเขา ถึงเหตุร้ายที่เกิดขึ้น และรางวัลเกียรติยศในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่
*ขยายความ The Photograph That Ended a War But Ruined a Life
"Murder of a Vietcong by Saigon Police Chief"
ไซ่ง่อน, เวียดนาม, โดย Eddie Adams, 1968
"ภาพถ่ายคืออาวุธที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในโลก"
เอ็ดดี้ อดัมส์เคยเขียนประโยคนี้ไว้ และเข้าใจได้ไม่ยาก หากทราบที่มา และที่ไป
ในปี 1968 เอ็ดดี้ ได้ถ่ายรูปตำรวจ ที่จ่อยิงศีรษะของนักโทษเวียดกง ที่ถูกใส่กุญแจมืออยู่
และภาพนี้ ได้รางวัลพูลิตเซอร์ ในปี 1969
ดูแล้วก็น่าสงสาร รันทดใจ ในชะตากรรมของผู้ตกเป็นเหยื่อ และอดดูถูกนายตำรวจตัวร้าย ผู้ลั่นไกมิได้
และทำให้นายพล Nguyen Ngoc Loan กลายเป็นผู้รายในสายตาชาวโลก และเป็นสัญลักษณ์ของความร้ายกาจ รุนแรง
แต่อย่างที่พอจะเดากันได้ โลกนี้ไม่ใช่มีเฉพาะ ขาว-ดำ, ถูก-ผิด อย่างที่เอ็ดดี้ได้เสนอไว้ในภาพนี้
เบื้องหลังก็คือ ผู้ที่ถูกยิง เป็นหัวหน้าหน่วยล่าสังหาร ของฝ่ายเวียดกง
ที่วันนี้ เพิ่งฆ่าหมู่ชาวบ้านที่ไม่มีอาวุธ และไร้ทางต่อสู้นับสิบคน
ส่วนนายพล Loan ท่านนั้น ก็ได้รับผลกระทบอย่างมากมาย จากภาพนั้น
ถูกไล่ออก โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ก็ปฏิเสธที่จะรักษาท่าน
และเมื่อเดินทางไปสหรัฐอเมริกา ก็ถูกต่อต้าน และต่อว่า
เปิดร้านอาหารในอเมริกา ก็ต้องถูกบังคับให้ปิด
และมีชีวิตที่ยากลำบาก ตลอดชีวิตที่เหลือ
ในภายหลัง เอ็ดดี้ ได้แถลงขออภัย ต่อนายพล Loan ที่ได้ถ่ายทอดภาพออกมาในลักษณะนั้น
"ท่านนายพลได้สังหารเวียดกงด้วยปืน แต่ผมกลับสังหารท่านด้วยกล้อง"
การลงจอดบนดวงจันทร์
Possibly the most talked-about, debated and controversial picture in history, the picture of the moon landing has been seen as a feat of human engineering at its best, and has been speculated as a hoax by contractors of the event. Those in doubt of the authenticity of the picture have come up with many suggestions as to why and how it might have been faked. However, none of the accusations have been proved correct and the debate continues in some circles. For many, though, it provides a sense of accomplishment and acheivement by the human race to send a man to the moon, which for years was considered an impossibility. The American flag also installs national pride in the US as the winners of the so-called ‘Space Race’, and their establishment as the world’s one remaining super power.
ภาพ หนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ได้รับการกล่าวขาน และการโต้เถียงมากมาย ภาพการลงจอดบนดวงจันทร์ เป็นการประกาศถึงบทสำเร็จทางวิศกรรมของมนุษยชาติ โดยอีกนัยหนึ่งเป็นการวิพากวิจารณ์ถึงการหลอกลวงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีความสงสัยต่อข้อเท็จจริงในภาพถ่าย ซึ่งได้รับการวิจารอย่างกว้างขวางในแง่ของการปลอมแปลงภาพ ด้วยคำถามว่า ทำไม และ อย่างไร อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาต่างๆ ก็ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ถึงข้อเท็จจริง และความสงสัยก็ขยายออกเป็นวงกว้าง หลายๆ กรณีถูกกล่าวถึงในแง่ภารกิจที่สำเร็จลุล่วง ของมนุษยชาติ ที่สามารถส่งมนุษย์ไปยังดวงจันทร์ได้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ธงชาติสหรัฐได้ถูกปักลงเพื่อเป็นเกียรติภูมิแห่งความสำเร็จ และได้ชื่อว่าเป็น ผู้พิชิตอวกาศ และยังคงประกาศถึงมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ด้วย
ริชาร์ด ดริว – เดอะ ฟอลลิ่ง แมน
“The Falling Man” is a photograph taken by Richard Drew at 9:41:15 a.m., on September 11, 2001 of a man falling from the World Trade Center during the September 11 attacks in New York City. The man in the photohraph remains unknown. Many people find the image disturbing because it is a horrific image of what people had to resort to during the attacks. The picture is deceptive, however, as it suggest that man was falling straight down, however, this is just one of many photographs of his fall. It is evident from these other pictures that he tumbling out of control.
“เดอะ ฟอลลิ่ง แมน” ถูกบันทึกภาพไว้โดย ริชาร์ด ดริว เมื่อเวลาเช้าของวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2001 ณ เวลา 9.41.15 น. เป้นภาพชายคนหนึ่งกำลังร่วงลงมาจากตึก เวิร์ด เทรด เซนเตแอร์ นครนิวยอร์ค ซึ่งไม่ทราบชื่อชายในภาพ หลายคนลงความเห็นว่า เป็นภาพที่รบกวนจิตใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นภาพที่อกสั่นขวัญแขวนต่อผู้ชม ภาพที่แสดงเหมือนเป็นภาพลวงตา อย่างไรก็ตาม มีหลายคนวิจารย์ว่าทำไมคนถึงร่วงลงมาในแนวดิ่งแบบนั้น แต่ยังไงภาพนี้ก็เป็นเพียงภาพเดียวจากหลายๆ ภาพของการตกลงมา และภาพนี้ก็อาจเป็นภาพที่เขากำลังตีลังกาขณะร่วงลงมาจากตึกโดยปราศจากการควบ คุมก็เป็นได้
This photo of a naked and terrified young girl running towards Pulitzer prize-winning photographer Nick Ut has entered popular culture as a symbol of the horror of the Vietnam War. It was taken during the American bombing of the village of Trang Bang, Viet Nam. However there has been much controversy over the events depicted in the photo. It is suggested that American bombers had nothing to do with this event and that there have been many derogatory and misleading comments about the American troops in regard to this photo. Nevertheless, it is said that this photo ended the war in Vietnam and served as an icon for the peace movement that was prevelent in the 1970s.
Huynh Cong Ut หรือ Nick Ut ช่างภาพแนว Photojournalism จาก AP
บันทึกภาพการทิ้งระเบิดนาปาล์ม ลงหมู่บ้าน Trang Bang โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศเวียดนาม
ในวันที่ 8 มิถุนายน 1972 เนื่องจากสงสัยว่าจะมีกองกำลังเวียดกง ซุ่มซ่อนอยู่ในหมู่บ้าน
Kim Phuc อายุ 9 ขวบ วิ่งหนีออกจากหมู่บ้านมาตามถนน ในสภาพไม่มีทั้งเสื้อผ้า และเสียขวัญสุดขีด
มาพร้อมกับพี่ชายอายุ 12 ปี ทางซ้ายสุดของภาพ น้องชายอายุห้าขวบที่วิ่งไป พร้อมกันเหลียวมองไปที่หมู่บ้าน
และลูกพี่ลูกน้องอีกสองคนที่จูงมือกันวิ่งมาด้วย
" ...บรรณาธิการ AP ไม่ยอมให้ตีพิมพ์รูปของ Kim Phuc ที่กำลังวิ่งไปบนถนน โดยไม่ใส่เสื้อผ้า
เพราะเป็นภาพที่เห็นด้านหน้าชัดเจน และนโยบายของ AP ในยุคนั้นจะไม่ตีพิมพ์ภาพเปลือย ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ และเพศใด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาพด้านหน้า โดยไม่มีข้อยกเว้น
...การโต้เถียงผ่าน Telex อย่างดุเดือดกับสำนักงานใหญ่ของ AP ที่นิวยอร์ค ให้ยกเว้นกฎระเบียบ
โดยมีข้อตกลงกันว่า จะต้องไม่มีภาพถ่ายใกล้ ของเธอ เผยแพร่ออกไป
Hal Buell บรรณาธิการภาพของ The New York ที่จะนำภาพไปตีพิมพ์ เห็นด้วยว่า
คุณค่าของภาพข่าวนี้ มีเหนือกว่า แนวทางปฏิบัติใดๆ เกี่ยวกับภาพเปลือย"
...Nick Ut...
ภาพนี้ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ ในปีนั้น
สแตนเลย์ เจ. ฟอร์แมน – ไฟไหม้ที่ถนนมาล์บอรอช
On July 22, 1975, Stanley J. Forman took this infamous photograph while working for the Boston Herald. He climbed on the back of a fire truck as it raced towards a reported fire at Marlborough Street. Just as the crew had arrived at the scene, a young woman and small girl fell from an apartment above. The woman died instantly, but the young girl lived. This photo earned Forman a Pulitzer prize, and in addition, convinced Boston and several other cities to introduce more comprehensive fire safety laws.
ในวันที่ 22 กรกฏาคม ค.ศ. 1975 สแตนเลย์ เจ. ฟอร์แมน ได้ถ่ายภาพที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมได้ ในขณะเดินทางไปทำงานที่ ฮารอล บอสตัน เขาคลานข้ามรถดับเพลิงขึ้นมาเพื่อทำข่าวไฟไหม้ที่ถนนมาล์บอรอช ขณะที่คลานเข้ามาใกล้เหตุการณ์ หญิงสาว กับ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็ร่วงลงมาจากอพาร์ทเม้นท์ด้านบน หญิงสาวตายสนิททันที แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ รอดชีวิตมาได้ ภาพนี้ทำให้ฟอร์แมนได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ และยังสามารถนำภาพนี้ไปใช้ในการออกกฏหมายเกี่ยวกับอัคคีภัยในเมืองบอสตันอีก ด้วย
แทงค์ แมน – เจฟ วิเดนเนอร์
Often considered the most iconic photograph in history, ‘tank man’ or ‘the unknown rebel’ shows an act of courage and defiance and earned the anonymous man widespread fame. It took place during the protests at Beijing’s Tiananmen Square on June 5, 1989, and has subsequently become a symbol of the end of the Cold War era, and one of the most famous photographs of the 20th century. Four people claim to have took photos of the event, but the most reproduced image, and the most famous was by Jeff Widener.
หลายภาพที่ได้รับการพิจารณาให้ เป็นภาพแห่งประวัติศาสตร์ คือ ภาพ แทงค์ แมน หรือ กบฏแห่งจลาจล เป็นพฤติกรรมที่กล้าหาญ และ ท้าทายเป็นอย่างมาก เป็นการถ่ายภาพหน้ากว้าง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่จตุรัสเทียนอันเหมิน ปักกิ่ง ในวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1989 ในเหตุการณ์นี้เป็นสัญลักษณ์แห่งการจบสิ้นสงครามเย็น ภาพนี้ยังเป็นภาพที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในศตวรรษที่ 20 ด้วย
ไมค์ วอลล์ – อูกันด้า
This example of emotive imagery is of child in Uganda holding hands with a missionary. The stark contrast between the two people serves as a reminder of the gulf in wealth between developed and developing countries. Mike Wells, the photographer, took this picture to show the extent of starvation in Africa. He took it for a magazine, and when they went 5 months without printing it, he decided to enter it into a competition. However, Wells has stated that he is against winning a compeition with a picture of a starving boy.
นี่ เป็นตัวอย่างการถ่ายทอดอารมณ์และจิตนาการภาพหนึ่ง ภาพมิชชันนารีกำลังประคองมือของเด็กน้อยชาวอูกันดา ภาพแสดงออกถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างมนุษย์ 2 คน ที่ได้รับทรัพยากรที่แตกต่างกัน ระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้ว และกำลังพัฒนา ช่างภาพ ไมค์ วอลล์ ถ่ายภาพนี้เพื่อแสดงถึงภาวะการขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรงในทวีปอัฟริกา เขาถ่ายภาพนี้เสนอนิตยสาร โดยไม่ได้รับการตีพิมพ์ถึง 5 เดือน ทำให้เขาต้องเข้าไปเจรจากำสำนักพิมพ์ด้วยตนเอง แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถนำภาพเด็กอดอยากภาพนี้ลงในนิตยสารได้
เควิน คาร์เตอร์ – นกแร้งกำลังใกล้เข้ามา
This shocking photo depicts a starving Sudanese child being stalked by a patient vulture. It is a horrific picture that gave people a true look at the dire condition in Sub-Saharan Africa. Kevin Carter, who took the photo, won a Pulitzer Prize for this work. Kevin then came under a lot of scrutiny for spending over 20 minutes setting up the photo instead of helping the child. Three months after taking the photo, he committed suicide.
ภาพที่ดูแล้ว น่าตกใจนี้ เกิดขึ้นกับเด็กน้อยชาวซูดาน ที่กำลังถูกนกแร้งย่องเข้ามาใกล้โดยที่เค้าไม่รู้ตัว มันเป็นภาพที่น่าขนลุกมาก ที่เห็นมนุษย์คนหนึ่งอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น ที่ ซาหาราน อัฟริกา เควิน คาร์เตอร์ ผู้ถ่ายภาพ ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ในภาพนี้ เควิน ได้ใช้เวลาไคร่ครวญอย่างมาก เขาใช้เวลาถึง 20 นาที กว่าจะถ่ายภาพได้ โดยไม่เข้าไปช่วยเด็ก หลังจากเขาได้ถ่ายภาพนั้น 3 เดือน เค้าตัดสินใจที่จะจบชีวิตของเขาตามไป รู้ไหมครับว่าทำไม?
*ขยายความ:...ภาพ ต่อมาที่เขาถ่ายนั้นเป็นวินาทีชีวิตของเด็กน้อยผู้หิวโหยหมดแรงฟุบลงผู้ นั้น ที่ถูกนกแร้งจิกตีตายแล้วทึ้งกินเป็นอาหารด้วยความหิวโหย โดยที่เขาไม่ได้ขยับเข้าไปช่วยเหลือเลยแม้แต่น้อย ...รางวัลพูลิตเซอร์ที่แลกมาด้วยของชีวิตเด็กน้อย ทำให้เขาไม่สามารถอภัยให้ตัวเองได้เลย
หากหนึ่งภาพแทนคำพูดได้นับล้านคำ เราคงหดหู่และเศร้าใจหากรู้ความหมาย เพราะช่างเป็นถ้อยคำที่แสนโหดร้าย...จริงๆ