ศพในบ่อโคลน (Bog Bodies หรือ Bog People)
คือศพที่ถูกรักษาสภาพโดยธรรมชาติ พบในบ่อโคลนทางตอนเหนือของยุโรป, เกาะอังกฤษและประเทศไอร์แลนด์ (Ireland) ผิวหนังและอวัยวะภายนอกของศพในบ่อโคลนจะยังคงสภาพเดิม เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ผิดปกติ (Unusual Conditions) รอบๆ พื้นที่นั้นๆ ซึ่งแตกต่างจากซากศพโบราณอื่นๆ (Ancient Human Remains) – สภาพแวดล้อมที่ผิดปกติดังกล่าวมีทั้งน้ำที่มีความเป็นกรดสูง, อุณหภูมิที่ต่ำมากๆ และสภาพที่ขาดออกซิเจน สภาวะเหล่านี้เองที่ช่วยในการรักษาสภาพศพแต่ก็มีผลทำให้ผิวหนังเกรียมจนเป็น สีน้ำตาล
แม้ว่าผิวหนังจะได้รับการรักษาสภาพ แต่กระดูกกลับตรงกันข้าม เนื่องจากกรดที่อยู่ในถ่านหินเลน (Peat) ได้ละลายแคลเซียมฟอสเฟตของกระดูก บางร่างยังคงรายละเอียดบางอย่าง เช่น รอยสัก (Tattoos) ลายพิมพ์นิ้วมือ (Fingerprints) – ซี.เอช. โวจีเลียส แอนเดอร์เซน (C.H. Vogelius Andersen) ผู้เชี่ยวชาญด้านลายพิมพ์นิ้วมือเองยังรู้สึกประหลาดใจ เมื่อพบว่า ลายพิมพ์ที่ฝ่ามือของ กรัวบอลล์ แมน (Grauballe Man) นั้นชัดเจนกว่าของตัวเขาเองเสียอีก นอกจากนี้ลักษณะในส่วนใบหน้าของ ทอลลันด์ แมน (Tollund Man) ยังคงถูกรักษาสภาพเป็นอย่างดี
โคลนีคาแวน แมน (Clonycavan Man)
เป็นชื่อที่ตั้งให้แก่ศพในบ่อโคลนที่ ค้นพบที่โคลนีคาแวน, ประเทศไอร์แลนด์ เมื่อเดือนมีนาคม 2003 มีความสูงประมาณ 1.57 เมตร (5 ฟุต 2 นิ้ว) และมีลักษณะเด่นคือ มีสารคล้ายน้ำมันสำหรับใส่ผมติดอยู่ – มีเพียงลำตัวและช่องท้องส่วนบนเท่านั้นที่ถูกรักษาสภาพ – โคลนีคาแวน แมน ถูกค้นพบในบ่อหินเลนขณะที่เครื่องจักรกำลังทำงาน จึงเป็นไปได้ว่าร่างกายส่วนล่างจะถูกตัดขาดออกไป จมูกมีลักษณะเหมือนถูกกด สามารถมองเห็นรูขุมขนบนจมูกและมีเคราเล็กน้อย
เด็กหญิงแห่งอัชเทอร์มัวร์ (The Girl of the Uchter Moor)
เป็นศพในบ่อโคลน ถูกค้นพบเมื่อเดือนมกราคม 2000 ที่เมืองอัชท์ (Uchte) เยอรมัน – ในตอนแรกที่ตำรวจพบชิ้นส่วนของร่างกาย พวกเขาคิดว่าเป็นชิ้นส่วนจากคดีฆาตกรรม หลังจากทำการสืบสวน ทางการตำรวจจึงได้ออกมาประกาศว่าเป็นคดีที่ไม่สามารถอธิบายได้ – ต่อมาในเดือนมกราคม 2005 ได้มีการค้นพบส่วนมือในบ่อโคลน ตำรวจมาทำการสืบสวนอีกครั้ง และตอนนี้ก็ตระหนักได้ว่าชิ้นส่วนเหล่านี้มีเก่าแก่เกินไป พวกเขาจึงได้ติดต่อไปยังนักโบราณคดี
คาดว่า ศพในบ่อโคลนนี้มีอายุประมาณ 2,700 ปี อยู่ในช่วงวัยรุ่น คือช่วงอายุ 16-20 ปี ซึ่งมีชีวิตอยู่เมื่อราว 650 ปีก่อนคริสตกาล – ในเดือนมิถุนายน 2005 ได้มีการค้นพบส่วนลำตัว ยกเว้นเพียงกระดูกหัวไหล่อีกชิ้นหนึ่ง นอกจากนี้เส้นผมและเส้นขนยังคงสภาพเดิม
กรัวบอลล์ แมน (Grauballe Man)
เป็นศพในบ่อโคลนที่ยังคงมีสภาพดีที่ สุดในโลก ค้นพบเมื่อวันที่ 26 เมษายน 1952 ในบ่อใกล้ๆ กับหมู่บ้านกรัวบอลล์ในจัทแลนด์ ประเทศเดนมาร์ค โดยคนงานที่กำลังขุดถ่านหินเลน จากการตรวจสอบหาอายุพบว่ามีอายุในช่วง 290 ปีก่อนคริสตกาล – ในปัจจุบันได้ถูกนำไปแสดงที่พิพิธภัณธ์โมสการ์ด (Moesgaard Museum) ในเดนมาร์ค
กรัวบอลล์ แมน ถูกรักษาสภาพเป็นอย่างดีพร้อมทั้งตะปูและเส้นผม นิ้วมือก็ยังคงสภาพดีพอที่จะพิมพ์ลายนิ้วมือออกมาได้ ขณะที่เส้นผมและเคราก็ถูกรักษาเป็นอย่างดี แต่ผิวหนังก็มีการเปลี่ยนสีไปตามเวลา ไม่มีการค้นพบเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับใกล้ๆ กับศพ
กรัวบอลล์ แมน ถูกฆ่าโดยวิธีกรตัดคอ และมีอาการขาหักด้วยเช่นกัน สาเหตุที่ทำให้เขาถูกฆ่านั้นไม่อาจทราบได้ แต่คาดว่าจะเป็นการบูชายัญ เช่นเดียวกับศพในบ่อโคลนอื่นๆ ซึ่งมีหรืออาจเป็นการลงโทษจากความผิดที่เขาก่อขึ้น นอกจากนี้ยังพบเชือก (Cord) พันอยู่รอบคอ ซึ่งค้นพบโดย เนชั่นแนล จีโอกกราฟิก (National Geographic) และดูเหมือนเขาจะเป็นคนสุขภาพดีและมีอายุประมาณ 30 ปี
เฮรอลด์สตอก วูแมน (Haraldskær Woman)
เป็นศพในบ่อโคลนที่มีชีวิตอยู่ในช่วง ยุคเหล็ก ค้นพบในจัทแลนด์ ประเทศเดนมาร์ค คนงานทำเหมืองค้นพบร่างนี้ในปี 1835 ขณะกำลังขุดถ่านหินเลนใน เฮรอลด์สตอก อีสเทท (Haraldskær Estate) เมื่อทำการตรวจสอบอายุด้วยคาร์บอน พบว่าเธอเสียชีวิตประมาณศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล
ร่างของ เฮรอลด์สตอก วูแมน ถูกรักษาสภาพเนื่องจากสภาพไร้ออกซิเจนและกรดที่อยู่ในบ่อถ่านหินเลนที่พบ ร่างของเธอนั่นเอง ไม่ใช่เพียงแค่กระดูกที่ยังคงสภาพเท่านั้น แต่ผิวหนังและอวัยวะภายนอกอื่นๆ ก็ยังคงสภาพเดิม การค้นพบศพในบ่อโคลนครั้งนี้ถูกทำการศึกษาโดยนักโบราณคดีเป็นกรณีแรกๆ เลยทีเดียว
ร่างของ เฮรอลด์สตอก วูแมน ถูกนำไปไว้ในโลงที่ปิดด้วยแก้ว ภายในโบสถ์เซนต์นิโคไล ประเทศเดนมาร์ค
ลินโดว์ แมน (Lindow Man) หรือรู้จักกันในนาม ลินโดว์ที่สอง (Lindow II)
เป็นชื่อที่ตั้งให้แก่ศพในบ่อโคลนที่ มีชีวิตอยู่ในช่วงยุคเหล็ก ถูกค้นพบในบ่อถ่านหินเลนชื่อ ลินโดว์ มอส (Lindow Moss) ในเชสเชียร์ (Cheshire) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 1984 โดยคนตัดถ่านหิน – ไม่ใช่แค่ ลินโดว์ แมน เท่านั้นที่ค้นพบในมอส ก่อนหน้านี้ประมาณหนึ่งปี ก็มีการค้นพบ ลินโดว์ วูแมน และมีการค้นพบชิ้นส่วนร่างกายอื่นๆ ตามมาอีก
ลินโดว์ แมน เป็นชายหนุ่มมีอายุในช่วง 20-30 ปี เป็นคนสุขภาพดี ท่าทางเป็นคนที่มีฐานะสูง เช่น ผู้วิเศษหรือนักบวช (Druid) สาเหตุการตายน่าจะมาจากความรุนแรง บางทีอาจเป็นผลจากพิธีทางศาสนา โดยเขาถูกรัดคอ ตีที่ศีรษะและตัดคอ
โอลด์ โครกาน แมน (Old Croghan Man)
เป็นชื่อของศพในบ่อโคลนที่มีชีวิตอยู่ ในช่วงยุคเหล็ก ค้นพบเมื่อเดือนมิถุนายน 2003 เขาถูกตั้งชื่อตามเนินเขาโครกาน ทางตอนเหนือของเดนเจียน (Daingean) ใกล้ๆ กับที่ที่ค้นพบ ตอนนี้ถูกนำไปตั้งแสดงในพิพิธภันฑ์แห่งชาติไอร์แลนด์ ในกรุงดับบลิน (Dublin)
โอลด์ โครกาน แมน มีความสุข 6 ฟุต 6 นิ้ว (1.98 เมตร) (วัดจากช่วงห่างของแขน) ซึ่งถือว่าสูงมากในสมัยนั้นและในปัจจุบัน และเป็นศพในบ่อโคลนที่สูงที่สุดเท่าที่เคยพบมา ร่างนี้ถูกค้นพบหลังจากมีการค้นพบศพในบ่อโคลนที่ชื่อ โคลนีคาแวน แมน
เชื่อกันว่าเขาถูกฆ่า โดยถูกแทงที่หน้าอก, ตัดคอและตัดลำตัวออกเป็นสองท่อน นอกจากนี้เขายังมีแผลเป็นที่แขน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นรอยแผลจากการที่เขาพยายามจะป้องกันตัวเอง เขาถูกทรมานก่อนจะเสียชีวิต เนื่องจากมีรอยตัดลึกตรงหัวนมแต่ละข้าง
อาหารมื้อสุดท้ายที่เขากินเข้าไป (วิเคราะห์จากส่วนประกอบต่างๆ ที่อยู่ในท้อง) นั้นเชื่อกันว่าเป็นข้าวสาลี (Wheat) และเนยนม ในช่วงที่มีการฝังศพนั้น เขาถูกจับถอดเสื้อผ้าออก ยกเว้นสายหนังที่รัดอยู่รอบมือซ้ายของเขา
เชื่อกันว่าเขาเสียชีวิตระหว่าง 362-175 ปีก่อนคริสตกาล ทำให้ร่างกายมีอายุมากกว่า 2,000 ปี จากหลักฐานต่างๆ แสดงให้เห็นว่าเขามีอายุ 20 ต้นๆ เท่านั้น ตอนที่ถูกฆ่า – มีหลากหลายทฤษฎีที่อธิบายสาเหตุที่ทำให้เขาถูกฆ่า เน๊ด เคลลี่, หัวหน้าฝ่ายโบราณคดีของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติไอร์แลนด์, คิดว่า โอลด์ โครกาน แมน (และศพในบ่อโคลนอื่นๆ) ถูกฆ่าเพื่อเป็นการบูชายัญให้ผลผลิตทางการเกษตรดีขึ้น
ทอลลันด์ แมน (Tollund Man)
เป็นศพของผู้ชายที่ถูกทำให้กลายเป็น มัมมี่ (Mummified) โดยธรรมชาติ คาดว่ามีอายุอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล – ถูกค้นพบเมื่อปี 1950 โดยถูกฝังอยู่ในบ่อถ่านหินเลน บริเวณคาบสมุทรจัทแลนด์ (Jutland Peninsula) ประเทศเดนมาร์ค
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 1950 ขณะที่ วิกโก และ เอมิล เอจการ์ด (Viggo and Emil Højgaard) จากหมู่บ้านเล็กๆ ในทอลลันด์ กำลังตัดถ่านหินเลนอยู่ที่บ่อถ่านหินบีเจเอลสเกอร์ เดล (Bjældskor Dale) 12 กิโลเมตร (7.5 ไมล์) ทางตะวันตกของซิลเคบอร์ค (Silkeborg) ประเทศเดนมาร์ค – ขณะที่พวกเขากำลังทำงานอยู่นั้น ก็เห็นใบหน้าปรากฏขึ้นในชั้นถ่านหิน ตอนแรกเข้าใจว่าค้นพบเหยื่อจากคดีฆาตกรรม และได้ไปแจ้งตำรวจ ทางตำรวจเองก็ไม่สามารถระบุเวลาที่เสียชีวิตได้ จึงติดต่อไปยังนักโบราณคดี คือ ศาสตราจารย์ พี.วี. โกลบ (professor P. V. Glob) ผลคือ ร่างดังกล่าวมีอายุมากกว่า 2,000 ปี มีลักษณะคล้ายถูกฆ่าและโยนลงไปในบ่อโคลนเพื่อเป็นการบูชายัญเทพเจ้าแห่งความ อุดมสมบูรณ์
ทอลลันด์ แมน ถูกฝังลึก 50 เมตร (164 ฟุต) จากพื้นดิน และฝังอยู่ในถ่านหินลึกประมาณ 2 เมตร (7 ฟุต) ร่างกายอยู่ในลักษณะคล้ายทารกในครรภ์ สวมหมวกหนังและผูกสายหนังไว้ใต้คาง และพบเข็มขัดรอบเอว นอกจากนี้ศพยังถูกบีบคอด้วยปลอกเหล็ก (Garrote; การประหารชีวิตนักโทษในสเปนโดยการบีบคอนักโทษด้วยปลอกเหล็ก, ปลอกคอเหล็ก) และศพยังอยู่ในสภาพเปลือย ผมถูกตัดสั้นและซ่อนอยู่ใต้หมวกจนเกือบสนิท รวมทั้งผ่านการโกนหนวดเคราแล้ว แต่ก็ยังมีส่วนที่เหลือบริเวณคางและริมฝีปากบน คาดว่าเขาคงไม่ได้โกนมันในวันที่เสียชีวิต
ยีเดด เกิร์ล (Yde Girl)
เป็นศพในบ่อโคลนที่ถูกค้นพบในบ่อสติ ฟฟีน (Stijfveen) ใกล้หมู่บ้านยีเดดในเนเธอร์แลนด์ ร่างดังกล่าวถูกค้นพบเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 1897 และเป็นที่เล่าลือกันว่า สภาพของร่างกายนั้นถูกคงสภาพไว้อย่างดี เมื่อตอนค้นพบ (โดยเฉพาะเส้นผม) แต่เมื่อมีการส่งต่อให้กับเจ้าหน้าที่ สองสัปดาห์หลังจากนั้นร่างดังกล่าวก็เริ่มเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง (Severely Damaged)
จากการตรวจสอบอายุ คาดว่า ยีเดด เกิร์ล เสียชีวิตระหว่าง 54 ปีก่อนคริสตกาล – ปี 128 เมื่ออายุประมาณ 16 ปี เธอมีผมยาวสีบลอนด์ออกแดงๆ แต่ศีรษะด้านหนึ่งถูกโกนก่อนที่จะเสียชีวิต (จากการศึกษาในปัจจุบัน คาดว่าการที่ศพในบ่อโคลนผมร่วงหรือถูกโกนนั้น เนื่องจากด้านหนึ่งของศีรษะสัมผัสกับออกซิเจนนานกว่าอีกด้านหนึ่ง) และเชื่อกันว่าเธอต้องทนทรมานกับอาการเจ็บปวดบริเวณกระดูกสันหลัง หรือ สโคไลโอซิส (Scoliosis)
ยีเดด เกิร์ล สวมใส่ผ้าขนสัตว์และพบสายรัดรอบคอ คาดว่าจะถูกประหารชีวิตหรือบูชายัญ นอกจากนี้ยังพบรอยแผลถูกแทงบริเวณกระดูกไหปลาร้า แต่ไม่ใช่สาเหตุของการตาย และเช่นเดียวกับศพในบ่อโคลนอื่นๆ คือร่างกายและลักษณะต่างๆ ยังคงถูกรักษาสภาพเอาไว้ ในตอนที่ขุดพบ ยีเดด เกิร์ล นั้น คนขุดได้เผลอทำให้ร่างของเธอขาดเป็นสองท่อน ทำให้ส่วนลำตัวถูกทำลาย – ยีเดด เกิร์ล ถูกนำไปแสดงที่พิพิธภัณฑ์ และในปี 1992 ริชาร์ด เนฟ (Richard Neave) แห่งมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ได้ทำ ซีที-สแกน กะโหลกของ ยีเดด เกิร์ล เพื่อวิเคราะห์อายุ – ยีเดด เกิร์ล เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายเมื่อเนฟได้ทำการสร้างส่วนศีรษะของเธอขึ้น ใหม่ (Reconstruction) โดยใช้เทคนิคทางด้านศัลยกรรม …ยีเดด เกิร์ล และส่วนศีรษะที่ถูกทำขึ้นใหม่นั้น ถูกนำไปตั้งแสดงที่พิพิธภัณฑ์เดรนท์ (Drents Museum) ในแอสเซน (Assen)
บอคสเทน แมน (Bocksten Man)
เป็นร่างของชายในยุคกลางที่ค้นพบในบ่อ โคลนที่วาร์เบิร์ก ประเทศสวีเดน เป็นหนึ่งในร่างที่มีสภาพดีที่สุดที่ค้นพบในยุโรป ชายคนดังกล่าวถูกฆ่าและปล่อยลงไปยังก้นทะเลสาบซึ่งต่อมากลายมาเป็นบ่อโคลน – บ่อโคลนที่ค้นพบร่างอยู่ทางตะวันออกของวาร์เบิร์กไปประมาณ 15 ไมล์ บนชายฝั่งตะวันตกของประเทศสวีเดน
บอลสเทน แมน ถูกค้นพบเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 1936 โดยเด็กอายุ 11 ขวบ ชื่อว่า ยัวร์ จี. โยแฮนซัน (Thure G. Johansson)
บอลสเทน แมน มีความสูงประมาณ 170-180 เซนติเมตร กระดูก, ผิวหนัง, เส้นผม, ช่องท้องและสมอง ถูกรักษาสภาพเป็นอย่างดี และพบร่องรอยการบาดเจ็บขนาดประมาณ 8×5 เซนติเมตร ทางด้านขวาของกะโหลกศีรษะ ส่วนอวัยวะภายใน, ปอด, ตับและสมอง รวมถึงกระดูกอ่อนยังอยู่ในสภาพดี
เสื้อคลุมก็ยังได้รับการรักษาเป็น อย่างดี เสื้อคลุมดังกล่าวทำจากผ้าขนสัตว์ เขาสวมหมวก (Gugel Hood) เสื้อเชิ๊ตและเสื้อคลุมหลวมๆ (Cloak) และถุงเท้า (Hosiery) นอกจากเสื้อผ้าที่สวมใส่แล้ว เขายังมีกระเป๋าผ้าขนสัตร์, รองเท้าหนัง, เข็มขัด, ปลอกมีดที่เป็นหนังและมีดสองเล่ม