สมเด็จพระเทพฯ"ทรงห่วง”น้องธัญย์”นักเรียนไทยถูกรถไฟฟ้าสิงคโปร์ทับขาขาด ส่งทีมแพทย์ช่วยเหลือ
ด.ญ.ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ อายุ 13 ปี หรือน้องธัญย์ นักเรียนชั้นม.2 โรงเรียนจุฬาภรณ์ราช
วิทยาลัย จ.ตรัง ซึ่งเดินทางไปเรียนซัมเมอร์คอร์สภาษาอังกฤษ เคมบริดจ์ที่ประเทศสิงคโปร์ และ
ประสบอุบัติเหตุรถไฟฟ้าMRTทับขาขาดทั้งสองข้างเมื่อวันที่3 เมษายน ที่ผ่านมาและขณะนี้ยังคง
พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลTan TocK Seng ในประเทศสิงคโปร์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 26 พ.ค. นายกิตติ์ธเนส เป็นเอกชนะศักดิ์ พ่อของ
น้องธัญย์ ซึ่งกลับจากไปเยี่ยมลูกสาวที่ประเทศสิงคโปร์มาลงเครื่องที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่
จ.สงขลา ได้ร้องเรียนผ่านผู้สื่อข่าวไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เร่งช่วยเหลือ
น้องธัญย์ ทั้งในส่วนของเรื่องคดีความและการเยี่ยวยาจากหน่วยงานของประเทศสิงคโปร์เนื่อง
จากขณะนี้เรื่องยังล่าช้าและน้องธัญย์ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลของประเทศสิงคโปร์
อีกกว่า3 เดือน
นายกิตติ์ธเนส กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนใดๆจากทางผู้บริหารของรถไฟฟ้าSMRT ซึ่ง
เป็นหน่วยงานหนึ่งของเทมาเซ็กว่าจะช่วยเหลือเยียวยาอย่างไรโดยอ้างว่ากำลังรอผลการพิสูจน์
จากจากตำรวจ แม้ว่ากระบวนการพิสูจน์ข้อเท็จจริงของตำรวจจะออกมาแล้วว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
ไม่ใช่ความประมาทของน้องธัญย์ เพราะขณะเกิดเหตุยืนอยู่ในเส้นที่กำหนดไว้แต่อาจจะ
ถูกกระแทกหรือทำให้ตกลงไปในรางของรถไฟฟ้าและถูกทับขาจนขาด จึงต้องการให้รัฐบาล
หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งทีมฝ่ายกฏหมายไปช่วยดูแลเพราะขณะนี้ครอบครัวตนติดตามเรื่อง
เพียงลำพังและหากหน่วยงานภาครัฐของไทยไม่ช่วย เป็นเรื่องยากและล่าช้าเพราะต้องต่อสู้กับ
หน่วยงานรัฐของประเทศสิงคโปร์
อย่างไรก็ตามสำหรับอาการของน้องธัญย์ขณะนี้ดีขึ้นบาดแผลที่ขาทั้งสองข้างเริ่มหายและอยู่
ระหว่างการทำกายภาพบำบัดเพื่อเตรียมใส่ขาเทียมรวมทั้งสภาพจิตใจดีขึ้นและไม่ย้อท้อกับ
สภาพชีวิตแม้ขาจะขาดทั้งสองข้างยังคงตั้งใจที่จะเป็นจิตแพทย์ตามความฝันที่ตั้งไว้ แต่ต้อง
รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล Tan TocK Seng อีกกว่า3 เดือน ส่วนความช่วยเหลือขณะนี้ได้รับพระ
มหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเสด็จพระราชดำเนิน
ไปยังประเทศสิงคโปร์เมื่อเร็วๆนี้ได้รับสั่งให้ราชเลขาสอบถามความช่วยเหลือโดยเฉพาะในเรื่อง
ของขาเทียมผ่านโครงการขาเทียมของศูนย์ศิรินธร พร้อมกับได้ส่งผู้อำนวยการศูนย์ศิรินธรและ
ทีมแพทย์8 คนไปประสานกับโรงพยาบาล Tan TocK Seng ซึ่งมีโครงการร่วมกับศูนย์ศิริธรอยู่
แล้วเพื่อดูแลน้องธัญย์ในเรื่องของขาเทียมซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
“หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลหรือหน่วยงานของไทยในเรื่องของคดีและการเรียกร้อง
การเยียวยาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสิงคโปร์ ผมก็จะตั้งทนายเพื่อต่อสู้เอง ภายใต้ความ
ช่วยเหลือของโรตารี่ จ.ตรัง ที่เป็นสมาชิกอยู่ ซึ่งได้ประสานไปยังโรตารี่ภาคในสิงคโปร์เพื่อให้
เตรียมแต่งตั้งทนายเข้ามาดูแลเรื่องนี้ต่อไป”พ่อน้องธํญย์ กล่าว. ขอบคุณ เดลินิวส์