สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ระพีพัฒน์ ปาละวงศ์ ผู้ช่วยผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์
ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ผอ.ศปจร.ตร.) แถลง
ผลการปฏิบัติงานหลังสั่งการให้ชุดปฏิบัติการ ศปจร.ตร. ดำเนินการสืบสวนจับกุมแก๊งโจรกรรมรถ
ยนต์รายใหญ่ที่กระทำความผิดต่อเนื่องใน หลายพื้นที่ โดยสามารถตรวจยึดจับกุมรถยนต์ที่เข้า
ข่ายกระทำความผิดได้จำนวนทั้งสิ้น 100 คัน เป็นรถหนีภาษีศุลกากร 51 คัน รถแจ้งหายจาก
ประเทศมาเลเซีย 24 คัน และรถต้องสงสัยว่าหลบเลี่ยงภาษีนำเข้า 25 คัน
พล.ต.ท.ระพีพัฒน์ กล่าวว่า รถยนต์ที่สามารถจับกุมได้เหล่านี้จะส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการ
ตาม พ.ร.บ.ศุลกากรต่อไป สำหรับรูปแบบคนร้ายที่นำเข้ารถผิดกฎหมายเหล่านี้ มีรูปแบบวิธีการ
กระทำผิด โดยการนำรถยนต์ทั้งคันหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรประเทศมาเลเซีย หรือประเทศ
สิงคโปร์ เข้ามาในไทย และขายให้กับประชาชนโดยผิดกฎหมาย ทั้งยังใช้ประเทศไทยเป็นทาง
ผ่าน เพื่อนำรถยนต์เหล่านี้ไปขายยังประเทศที่สาม ในรูปแบบของนิติบุคคลโดยแสดงเอกสารว่า
เป็นรถที่เข้ามาซ่อมดัดแปลงสภาพรถ เพื่อให้ได้ทะเบียนแล้วส่งต่อไปยังอีกประเทศ
พล.ต.ท.ระพีพัฒน์ กล่าวว่า อีกรูปแบบคือการนำเข้ารถยนต์เก่า โดยการสำแดงเท็จต่อเจ้าหน้าที่
กรมศุลกากรว่าเป็นชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ เพื่อเสียภาษีในอัตราของอะไหล่รถยนต์ แล้วนำอะไหล่
มาประกอบเป็นรถยนต์เก่าสมบูรณ์เต็มคัน โดยพบว่าขบวนการเหล่านี้มีช่องทางนำเข้าด้วยการ
ลักลอบมาทางชายแดนประเทศ มาเลเซีย ผ่านด่านศุลกากรทั้ง 12 ด่าน พบว่าด่านที่ผ่านมากที่
สุดคือด่านสะเดา อีกส่วนจะลักนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นโดยซุกซ่อนมาในตู้คอนเทนเนอร์ โดยมี
แบบทั้งคัน และถอดแยกเป็นอะไหล่สำคัญ เช่นประตูรถ เครื่องยนต์ เพื่อมาประกอบในไทย และ
บางส่วนนำออกไปขายยังประเทศที่สาม โดยพบว่ามีจุดที่ใช้ปรับแต่งรถเหล่านี้ในย่านลาดกระบัง
และแหลมฉบัง.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์