10 อันดับภาพยนตร์ไตรภาค

10 อันดับภาพยนตร์ไตรภาค

 

เอาใจแฟนๆภาพยนตร์อีกครั้งใน "10 อันดับภาพยนตร์ไตรภาค"

 

10.The Three Colors

อันดับ ที่ 10 ได้แก่ภาพยนตร์ไตรภาคเรื่อง The Three Colors ภาพยนตร์ไตรภาค ทรี คัลเลอร์ส (ฝรั่งเศส: Trois couleurs, อังกฤษ: Three Colours, โปแลนด์: Trzy kolory) เป็นภาพยนตร์สามเรื่อง ที่กำกับโดยคริสซ์ตอฟ เคียสลอฟสกี้ (Krzysztof Kieślowski) ผู้กำกับชาวโปแลนด์ ในปี พ.ศ. 2536 โดยเนื้อหาในแต่ละภาค มีเค้าโครงมาจาก สีธงชาติฝรั่งเศส และคำขวัญประจำชาติของสาธารณรัฐฝรั่งเศส คือ "เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ" ภาพยนตร์ทั้งสามภาค มี 2 ภาค พูดภาษาฝรั่งเศส และอีกภาคหนึ่ง พูดภาษาโปแลนด์ สีน้ำเงิน Trois couleurs: Bleu หรือ Three Colours: Blue, Trzy kolory. Niebieski (1993) ถ่ายทำในฝรั่งเศส นำแสดงโดยจูเลียต บินอช - สีน้ำเงิน ให้ความหมายแทน เสรีภาพ (Liberté) สีขาว Trzy kolory: Biały หรือ Three Colours: White, Trois couleurs: Blanc (1994) ถ่ายทำในฝรั่งเศส ด้วยภาษาโปแลนด์ นำแสดงโดย Zbigniew Zamachowski และ จูลี เดลปี - สีขาว ให้ความหมายแทน ความเสมอภาค (Égalité) สีแดง Trois couleurs: Rouge หรือ Three Colours: Red, Trzy kolory. Czerwony (1994) ถ่ายทำในสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยภาษาฝรั่งเศส นำแสดงโดย ไอรีน จาค็อบ และ Jean-Louis Trintignant - สีแดง ให้ความหมายแทน ภราดรภาพ (Fraternité) ภาพยนตร์ทั้งสามภาค เขียนบทโดย คริสซ์ตอฟ เคียสลอฟสกี้ ร่วมกับ คริสซ์ตอฟ พิซซิวิคซ์ (Krzysztof Piesiewicz) เป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของเคียสลอฟสกี้ ก่อนจะเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2539

 

9.The Pirates of the Caribbean

อันดับ ที่ 9 ได้แก่ภาพยนตร์ไตรภาคเรื่อง The Pirates of the Caribbean ไพเรทส์ ออฟ เดอะ แคริบเบียน (อังกฤษ: Pirates of the Caribbean) เป็นภาพยนตร์ชุดแนวผจญภัย ผลงานกำกับของ กอร์ เวอร์บินสกี้ เขียนบทภาพยนตร์โดย เท็ด อิลเลียท และ เทอร์รี่ รอสโซ อำนวยการสร้างโดย เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์ ผลิตโดยวอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์ส ภาพยนตร์มีแรงบบรดาลจากเครื่องเล่นธีมปาร์คของวอลท์ ดิสนีย์ในชื่อเดียวกัน เนื้อเรื่องเกี่ยวกับผจญภัยของโจรสลัดที่ผสมผสานความเป็นแฟนตาซีในเรื่อง ตัวละครหลักได้แก่ กัปตัน แจ็ก สแปร์โรว์ (รับบทโดย จอห์นนี เดปป์) วิล เทอร์เนอร์ (รับบทโดย ออร์แลนโด บลูม) และเอลิซาเบธ สวอนน์ (รับบทโดย คีร์รา ไนท์ลีย์) ภาพยนตร์ภาคแรกของชุดคือ คืนชีพกองทัพโจรสลัดสยองโลก (อังกฤษ: The Curse of the Black Pearl) ออกฉายในวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 หลังจากภาพยนตร์ภาคแรกประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง วอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์สจึงได้ผลิตภาคต่ออันได้แก่ สงครามปีศาจโจรสลัดสยองโลก (อังกฤษ: Dead Man's Chest) ออกฉายหลังจากภาคแรก 3 ปีในวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 และ ผจญภัยล่าโจรสลัดสุดขอบโลก (อังกฤษ: At World's End) ออกฉายในวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 และกำลังจะสร้างภาคสี่ที่ใช้ชื่อว่า Pirates of the Caribbean: On Stranger Tides ซึ่งมีกำหนดออกฉายในฤดูร้อนของปี พ.ศ. 2554

 

8.The Back to the Future

อันดับ ที่ 8 ได้แก่ภาพยนตร์ไตรภาคเรื่อง The Back to the Future จาะเวลาหาอดีต (อังกฤษ: Back to the Future) เป็นภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 1985 แนวผจญภัยวิทยาศาสตร์ ของผู้กำกับ โรเบิร์ต เซเม็กคิส ร่วมเขียนบทโดยบ็อบ เกล และอำนวยการสร้างโดยสตีเฟน สปีลเบิร์ก นำแสดงโดย ไมเคิล เจ. ฟ็อกซ์ รับบทวัยรุ่นที่ชื่อ มาร์ตี้ แม็กฟลาย , คริสโตเฟอร์ ลอยด์ ในบทบาทนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่ชื่อ ด็อกเตอร์ เอ็มเม็ต แอล. บราวน์ , คริสพิน โกลเวอร์, ลีอา ธอมป์สัน และโทมัส เอฟ. วิลสัน โดยมีเรื่องราวเกี่ยวกับมาร์ตี้ แม็กฟลาย วัยรุ่นที่บังเอิญย้อนเวลากลับจากปี 1985 ไปในปี 1955 เขาได้พบกับพ่อแม่ของเขาเมื่อครั้งยังเรียนอยู่ในระดับไฮสคูล และบังเอิญทำให้แม่ของเขาหลงชื่นชอบตัวมาร์ตี้ เขาต้องแก้ไขความผิดพลาดที่จะทำลายประวัติศาสตร์ที่เป็นต้นเหตุโดยทำให้พ่อ แม่ของเขากลับมารักกัน ขณะเดียวกันเขาก็ต้องหาวิธีกลับไปในปี 1985 ให้ได้ เซเม็กคิสและเกล ร่วมกันเขียนบทหลังจากที่เกลคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขากับพ่อของเขาเองได้ เข้าเรียนด้วยกัน หลาย ๆ สตูดิโอภาพยนตร์ปฏิเสธบทภาพยนตร์นี้ จนกระทั่งภาพยนตร์ของเซเม็กคิสเรื่อง Romancing the Stone ประสบความสำเร็จทางด้านรายได้ จึงทำให้เกิดโครงการนี้โดยยูนิเวอร์ซัลพิกเจอร์ส โดยมีสปีลเบิร์ก เป็นผู้อำนวยการสร้าง เดิมทีอีริก สตอลต์ซ จะมารับบทเป็นมาร์ตี้ แม็กฟลาย แต่ในระหว่างการถ่ายทำเขาและผู้สร้างภาพยนตร์ตัดสินใจที่จะทำการคัดตัวนัก แสดงใหม่ นั่นหมายถึงการถ่ายทำใหม่เช่นกัน และขั้นตอนหลังการถ่ายทำที่ต้องดำเนินให้เสร็จในวันที่ 3 กรกฎาคม ค.ศ. 1985 ซึ่งเป็นวันกำหนดฉาย เมื่อออกฉาย ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จมากที่สุดในปีนั้น ด้วยรายได้รวม 380 ล้านเหรียญสหรัฐทั่วโลกและได้รับเสียงวิจารณ์ที่ดี ได้รับรางวัลออสการ์ 1 สาขา คือ สาขาลำดับเสียงยอดเยี่ยม, รางวัลฮูโกสาขาการถ่ายทอดทางด้านดราม่ายอดเยี่ยม และรางวัลแซทเทิร์น ในสาขาภาพยนตร์แต่งแนววิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยม และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ในสาขาอื่นๆ, รางวัลบาฟต้า และรางวัลลูกโลกทองคำ ทั้งนี้โรนัลด์ เรแกน ยังเคยพูดถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยในการแถลงนโยบายประจำปี 1986 และในปี 2007 หอสมุดรัฐสภาอเมริกัน ได้คัดเลือกภาพยนตร์เรื่องนี้ในหอทะเบียนภาพยนตร์แห่งชาติ นอกจากนี้ยังมีการออกฉายภาคต่อใน เจาะเวลาหาอดีต ภาค 2 และ เจาะเวลาหาอดีต ภาค 3 ต่อเนื่องกันในปี 1989 และ 1990 ตามลำดับ และยังมีซีรีส์แอนิเมชันทางโทรทัศน์และยานในสวนสนุก

 

7.The Bourne

 

อันดับ ที่ 7 ได้แก่ภาพยนตร์ไตรภาคเรื่อง The Bourne ภาพยนตร์ไตรภาคที่เกี่ยวกับสุดยอดสายลับสมองเพชร ที่เรียกได้ว่าเป็นเครื่องจักรสังหารของ CIA ที่เกิดความจำเสื่อม แต่ความสามารถไม่ได้เสื่อมตาม จะเป็นยังไง เมื่อสุดยอดสายลับ CIA จะเปิดโปง CIA  

 

 

 

 

6.The Matrix

อันดับ ที่ 6 ได้แก่ภาพยนตร์ไตรภาคเรื่อง The Matrix ดอะ เมทริกซ์ : เพาะพันธุ์มนุษย์เหนือโลก 2199 (อังกฤษ: The Matrix) เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของชุดไตรภาคเมทริกซ์ กำกับโดยพี่น้องวาชอฟสกี (แลร์รี และ แอนดี) ออกฉายในอเมริกาเหนือวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) นำแสดงโดย คีนู รีฟส์, ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น, แคร์รี-แอนน์ มอสส์, และฮิวโก วีฟวิง ภาพยนตร์นำเสนอโลก "เมทริกซ์" ซึ่งเป็นโลกจำลองที่เหล่าเครื่องจักรสร้างขึ้นเพื่อควบคุมมนุษย์ เดอะ เมทริกซ์ยังอ้างถึงแนวคิดทางศาสนาและปรัชญาจำนวนมาก รวมไปถึงวัฒนธรรมแฮกเกอร์ มีกลิ่นอายของโลกตะวันออกโดยเฉพาะญี่ปุ่น เดอะ เมทริกซ์เป็นผลงานสร้างร่วมของวอร์เนอร์ บราเธอร์ (Warner Bros.) และสตูดิโอ Village Roadshow จากประเทศออสเตรเลีย ถ่ายทำในซิดนีย์

 

5.The Man With No Name

อันดับที่ 5 ได้แก่ภาพยนตร์ไตรภาคเรื่อง The Man With No Name

4.Indiana Jones

 

อันดับที่ 4 ได้แก่ภาพยนตร์ไตรภาคเรื่อง Indiana Jones คงไม่ต้องพูดกันมากสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ รู้จักกันดีอยู่แล้ว  


 

 

3.The Original Star Wars

 

อันดับ ที่ 3 ได้แก่ภาพยนตร์ไตรภาคเรื่อง The Original Star Wars เนื้อหาในภาพยนตร์ไตรภาคเดิม (เอพพิโซด 4, 5 และ 6) เกี่ยวข้องกับสงครามกลางเมืองกาแลกติกที่มีขึ้นระหว่างพันธมิตรฝ่ายกบฏ กับฝ่ายจักรวรรดิ เป็นการต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่ว ลุค สกายวอล์คเกอร์ หนุ่มน้อยผู้ซึ่งกำลังฝึกฝนเพื่อการเป็นอัศวินเจไดคนสุดท้าย (และคนแรกในเจไดรุ่นใหม่) อาจเป็นผู้เดียวที่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับดาร์ธ เวเดอร์ ลอร์ดมืดแห่งซิธ และจักรพรรดิ ดาร์ธ ซิเดียส อาจารย์ของเขา  

 

 

 

 

 

2.The Godfather

อันดับ ที่ 2 ได้แก่ภาพยนตร์ไตรภาคเรื่อง The Godfather เดอะก็อดฟาเธอร์ (อังกฤษ: The Godfather) เป็นภาพยนตร์ ที่กำกับโดยฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา ออกฉายเมื่อปี ค.ศ. 1972 เกี่ยวกับครอบครัวมาเฟียชาวอิตาลี ที่อพยพจากเมืองเล็กๆ ชื่อคอร์เลโอเน ใกล้กับเมืองปาแลร์โม เมืองเอกของเกาะซิซิลี ไปอยู่ที่เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยมีเนื้อเรื่องครอบคลุมช่วงทศวรรษ ค.ศ. 1945 - 1955 สร้างจากนวนิยายชื่อเดียวกัน ที่เขียนโดย มาริโอ พูโซ ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1969 เดอะก็อดฟาเธอร์ ได้รับการจัดอันดับโดยเว็บไซต์ IMDB ให้เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอันดับหนึ่ง จาก 250 อันดับ และถูกจัดอยู่ในอันดับที่2ของภาพยนตร์ยอดเยี่ยมตลอดกาลจัดลำดับโดยสถาบัน ภาพยนตร์อเมริกัน จากการจัดลำดับใหม่ในปี2007

 

1.Lord of the Rings

 

   

 

 

อันดับ ที่ 1 ได้แก่ภาพยนตร์ไตรภาคเรื่อง Lord of the Rings ดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ (อังกฤษ: The Lord of the Rings) เป็นนิยายแฟนตาซีขนาดยาว ประพันธ์โดยศาสตราจารย์ชาวอังกฤษ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน เป็นนิยายที่ต่อเนื่องกับนิยายชุดก่อนหน้านี้ของโทลคีน คือ เรื่อง There and Back Again หรือที่รู้จักกันดีอีกชื่อหนึ่งว่า เดอะฮอบบิท แต่ได้ขยายโครงเรื่องซับซ้อนไปกว่า เดอะฮอบบิท มาก โทลคีนแต่งเรื่องนี้ขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2480 - 2492 (ค.ศ. 1937 - 1949) และได้วางจำหน่ายในปี ค.ศ. 1954-1955 โดยแบ่งตีพิมพ์ออกเป็น 3 ตอน เนื่องจากหนังสือมีความยาวมากจนสำนักพิมพ์เห็นว่าไม่สามารถตีพิมพ์รวมเป็น เล่มเดียวกันได้ นิยายเรื่องนี้ได้แปลไปเป็นภาษาต่างๆ มากมายไม่น้อยกว่า 38 ภาษา และได้รับยกย่องให้เป็นนิยายที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของคริสต์ศตวรรษที่ 20[1] เรื่องราวใน เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ เกิดขึ้นบนดินแดนในจินตนาการที่มีชื่อว่า มิดเดิลเอิร์ธ ตัวละครในเรื่องมีหลายเผ่าพันธุ์ เช่น มนุษย์ เอลฟ์ (หรือ พราย ในฉบับแปลภาษาไทย) ฮอบบิท คนแคระ พ่อมด และออร์ค หัวใจของเรื่องเกี่ยวข้องกับเอกธำมรงค์ ซึ่งสร้างโดยจอมมารเซารอน เหตุการณ์ในเรื่องเริ่มต้นจากดินแดนไชร์อันสุขสงบ ไปยังส่วนต่าง ๆ ของมิดเดิลเอิร์ธ จนถึงเหตุการณ์สงครามแหวน โดยผ่านมุมมองของตัวละครฮอบบิทคนหนึ่งที่ชื่อ โฟรโด แบ๊กกิ้นส์ ในตอนท้ายของเรื่องยังมีภาคผนวกอีก 6 ชุดที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของโลกในนิยาย รวมถึงภูมิหลังด้านภาษาศาสตร์ของวัฒนธรรมต่าง ๆ ในนิยายด้วย เมื่อพิจารณางานเขียนชิ้นอื่น ๆ ของโทลคีนประกอบ จะเห็นว่า เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ เป็นชิ้นงานที่ขยายผลมาจากโครงเรื่องต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ เป็นชิ้นงานที่มีความซับซ้อน และยังเป็นเหตุการณ์ในลำดับสุดท้ายของปกรณัมของโทลคีนที่ได้บรรจงสร้างมา เนิ่นนานตั้งแต่ พ.ศ. 2460 (ค.ศ. 1917) ผลงานเรื่อง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ และงานเขียนชิ้นอื่น ๆ ของเขาได้แสดงให้เห็นถึงความลุ่มลึกทางด้านภาษา ด้านโครงตำนาน ด้านแนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสู่อุตสาหกรรม และด้านศาสนศาสตร์ จนส่งผลต่อวงการวรรณกรรมแฟนตาซียุคต่อมาเป็นอย่างมาก ผลกระทบจากงานของโทลคีนต่อสังคมทำให้คำว่า "แบบโทลคีน" ("Tolkienian" และ "Tolkienesque") ถูกบรรจุลงในพจนานุกรมภาษาอังกฤษ ฉบับออกซอร์ด ความนิยมอย่างล้นหลามและยาวนานในหนังสือ เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ยังเป็นจุดกำเนิดของงานเทศกาล ประเพณี ชมรม และสมาคมต่าง ๆ มากมาย โดยบรรดาผู้ชื่นชอบผลงานของเขา [3] รวมทั้ง หนังสือในแง่มุมหลายหลากเกี่ยวกับตัวของโทลคีนหรืองานเขียนชิ้นต่าง ๆ ของเขา เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ได้สร้างให้เกิดแรงบันดาลใจอย่างต่อเนื่องต่องานศิลปะ ภาพวาด ดนตรี ภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ เกม และวรรณกรรมชิ้นอื่น ๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน มีการดัดแปลงนิยายเรื่องนี้ไปเป็นบทละครวิทยุ ละครเวที รวมถึง ภาพยนตร์หลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ไตรภาคในระหว่างปี ค.ศ. 2001-2003 เป็นครั้งที่กระตุ้นให้เกิดกระแสความสนใจในผลงานของโทลคีนขึ้นมาอย่างสูงมาก อีกครั้งหนึ่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ที่มา : http://www.smashinglists.com/top-10-movie-triologies/

ยังมีภาค 3 ตามมาอีกนะเนี่ย

27 พ.ค. 54 เวลา 10:20 3,039 4 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...