1. เฉลียว อยู่วิทยา
อายุ 76 ปี กลับมาเป็นบุคคลที่รวยที่สุดของไทยอีกครั้งหนึ่งหลังจากยอดจำหน่ายกระทิงแดง
เครื่องดื่มบำรุงกำลังที่นายเฉลียว ร่วมกับนายดีทริช มาเตสชิทซ์ นักธุรกิจออสเตรียเริ่มผลิตขึ้น
เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ในต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น ยอดขายเพิ่มจากปี 2547-2550 ถึงเกือบเท่าตัวเป็น
4,200 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา มีมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด 4,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ
136,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 500 ล้านดอลลาร์
2. เจริญ สิริวัฒนภักดี
ผู้ก่อตั้งบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ เจ้าของธุรกิจวิสกี้และเบียร์ (เหล้าแม่โขง , เบียร์ช้าง ฯลฯ ) ที่เพิ่ง
จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์เมื่อปี 2549 ทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการโรงแรมพลาซ่า แอ
ทธินี่ และไอเอ็มเอ็ม อีกด้วย มูลค่าทรัพย์สินรวม 3,900 ล้านดอลลาร์
3. ครอบครัว “จิราธิวัฒน์”
มีกิจการหลายอย่างตั้งแต่ธุรกิจค้าปลีก (ห้างเซ็นทรัล) ,อสังหาริมทรัพย์ ,โรงแรม เป็นต้น
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 2,800 ล้านดอลลาร์
4. ธนินท์ เจียรวนนท์
ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) กิจการเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี.) อายุ 69 ปี
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ์ 2,000 ล้านดอลลาร์
5. กฤตย์ รัตนรักษ์
จัดเป็นเป็น เศรษฐีอันดับต้นๆ ของเมืองไทย มีบุคลิกเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ชอบเป็นข่าว ไม่เคยแถลง
ข่าว จะเปิดเผยตัวต่อสาธารณะในวันประชุมผู้ถือหุ้นบ้าง “กฤตย์” จบการศึกษาระดับปริญญาโท
เศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอีสเทิร์น นิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา และเริ่มประธานและซีอีโอของ
บริษัท บางกอก บรอดคาสติ้ง แอนด์ ทีวี (บีบีทีวี) และครอบครัว ทรัพย์สินรวมถึงหุ้นในธนาคารกรุง
ศรีอยุธยา และปูนซิเมนต์นครหลวง มูลค่าทรัพย์สินรวม 1,000 ล้านดอลลาร์
6. ประณีตศิลป์ วัชรพล
เจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ มูลค่าทรัพย์สินรวม 940 ล้านดอลลาร์
7. วิชัย มาลีนนท์
บีอีซีเวิร์ลด์ และไทยทีวีสีช่อง 3 มูลค่าทรัพย์สินรวม 880 ล้านดอลลาร์
8. จำนงค์ ภิรมย์ภักดี
ประธานบริษัทบุญรอด บริวเวอรี่ (เบียร์สิงห์) และครอบครัว มูลค่าทรัพย์สินรวม 820 ล้านดอลลาร์
9. สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ
ประธานเครือบริษัท ไทยซัมมิต ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ถือหุ้นส่วนหนึ่งอยู่ในเนชั่น มัลติมีเดียมูลค่า
ทรัพย์สินรวม 580 ล้านดอลลาร์
10. อนันต์ อัศวโภคิน
ก่อตั้งบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮาส์ มูลค่าทรัพย์สินรวม 525 ล้านดอลลาร์