กลายเป็นประเด็นร้อนประจำจอโทรทัศน์ของฮ่องกงในปี 2011 ไปแล้วสำหรับซีรีส์เรื่อง Relics of An Emissary ของทีวีบี ที่เต็มไปด้วยฉากล่อแหลมทั้ง การข่มขืน, รักร่วมเพศ และ S&M จนถูกเรียกว่าเป็น Sex and Zen แห่งจอทีวีไปเรียบร้อยแล้ว
ซีรีส์เรื่อง Relics of An Emissary ของทีวีบีได้รับความนิยมถึง 26 จุด หรือหมายความว่ามีชาวฮ่องกงติดตามชมซีรีส์เรื่องนี้อยู่ถึง 1.66 ล้านคนเมื่อสัปดาห์ก่อน เป็นตัวเลขที่เรียกว่าสูงมาก สำหรับความนิยมของรายการโทรทัศน์ในยุคปัจจุบัน ซึ่งเมื่อซีรีส์เดินทางเข้าถึงจุดไครซ์แม็กซ์ในช่วงท้ายของเรื่อง หลายฝ่ายก็เชื่อว่าดัชนีความนิยมก็น่าจะพุ่งสูงขึ้นไปอีก
Relics of An Emissary เล่าเรื่องในประวัติศาสตร์กับการขึ้นสู่อำนาจของ จักรพรรดิหย่งเล่อ หรือชื่อเดิมว่า "จูตี้" ฮ่องเต้พระองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์หมิง ที่นักแสดงชื่อดังอย่าง โจหม่า (หม่าเต๋อจง) เป็นผู้สวมบทบาทนี้
แม้จะว่าด้วยเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ ซีรีส์สุดดังเรื่องนี้กลับเต็มไปด้วยฉากล่อแหลม ซึ่งมีรายงานว่า Relics of An Emissary ถูกเซนเซอร์ไปถึง 5 แต่มันก็ยังเต็มไปด้วยฉากที่หลายฝ่ายมองว่า "ไม่เหมาะสม" อยู่ดี
มีหลายเสียงเชื่อว่าซีรีส์เรื่องนี้ไม่ควรถูกฉายในช่วงเวลา 20:30 - 21:30 ในฮ่องกง ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่สมาชิกในครอบครัวจะมาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน จนมีคนโทรศัพท์เข้าไปร้องเรียนถึงเรื่องทางเพศที่เกินขอบเขต นอกจากนั้นยังมีเสียงจากผู้ชม 1 สาย ที่ร้องเรียนว่าภาพการฆ่าปลาเป็น ๆ ที่ปรากฏในซีรีส์ก็โหดเหี้ยมเกินไป
ด้วยเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวด้านเพศอันหลากหลาย ทำให้ชาวเน็ตฮ่องกงหลายคนตั้งชื่อเล่นให้กับ Relics of An Emissary ว่าเป็น Sex and Zen ฉบับโทรทัศน์กันเลยทีเดียว
หย่งเล่อ : ฮ่องเต้ซาดิสม์มาโซคิสม์
ในเรื่อง จักรพรรดิหย่งเล่อเป็นผู้มีบุคลิกคุ้มดีคุ้มร้าย และแม้เรื่องราวจะอยู่ในช่วงยุคราชวงศ์หมิง แต่ผู้สร้างก็ดูเหมือนว่าจะออกแบบให้ตัวละครตัวนี้มีรสนิยมออกไปทาง S&M (ซาดิสม์และมาโซคิสม์) ที่มีความสุขหรือความพึงพอใจทางเพศ จากความเจ็บปวดและความทุกข์ของผู้อื่นและของตัวเอง
ในตอนหนึ่งของเรื่อง จูตี้ สำนึกถึงการกระทำที่ผิดบาปบางอย่างของตนเอง เขาขอให้ตัวละครที่สวมบทบาทโดย อดีตมิสฮ่องกง ฉีจื่อซาน เฆี่ยนตีเขาด้วยแส้ หลังจากถูกเฆี่ยน พระเอกจอมซาดิซม์จึงถอดเสื้อของตัวเองออก และแสดงออกถึงความปลาบปลื้มพึงพอใจ พร้อมหัวเราะออกมา และกล่าวต่อตัวละครของ ฉีจื่อซาน ว่า "เยี่ยมมาก! ทำอีก"
"ทำไมซีรีส์ประวัติศาสตร์ยุคโบราณแบบนี้ถึงมีฉาก S&M ระหว่าง ฉีจื่อซานกับโจหม่าได้ เรื่องราวแบบนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับรัชสมัยของจักรพรรดิหงหวู่เลยนะ" ผู้ชมคนหนึ่งกล่าว
คู่เกย์ "จักรพรรดิหย่งเล่อ" กับ "เจิ้งเหอ"
นอกจากเรื่องเพศและความรุนแรงแล้ว ประเด็นรักรวมเพศ ก็เป็นสิ่งที่หลายคนรู้สึกได้จาก Relics of An Emissary โดยเฉพาะในการฉายภาพความสัมพันธ์ระหว่าง จูตี้ และตัวละคร เจิ้งเหอ ที่สวมบทบาทโดย เฉินเจี้ยนฟง
ขันที ซานเป่า ที่ต่อมากลายเป็น เจิ้งเหอ ผู้บัญชาการกองเรือผู้ยิ่งใหญ่แห่งประวัติศาสตร์จีน ถูกออกแบบให้เป็นตัวละครผู้ชาญฉลาด เป็นที่ปรึกษาที่ จูตี้ เชื่อถือเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกัน ซานเป่า ก็มีความจงรักภักดีต่อนายของเขาเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ดังกล่าวกลับถูกตีความไปในทางรักร่วมเพศ โดยเฉพาะในฉากที่ทั้งคู่อาบน้ำในอ่างไม้ด้วยกัน !!!
ในฉากที่ว่าสองหนุ่มนายบ่าวเปลือยท่อนบนอยู่ในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ และนวดตัวให้แก่กัน กลายเป็นฉากที่หลายคนเชื่อว่าสร้างความคลุมเครือว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองอาจจะไม่ใช่เพียงบ่าวและนายธรรมดา ๆ แม้ในเรื่องต่างคนก็ต่างมีคู่อยู่แล้วก็ตาม โดยเฉพาะในฝ่ายของ ซานเป่า ที่ได้พบกับหญิงสาวที่รักเขา โดยไม่ตะขิดตะขวงใจต่อความเป็นขันที
นอกจากเรื่องราวที่มีกลิ่นเรื่องรักร่วมเพศ Relics of An Emissary ยังประกอบไปด้วยเนื้ออื้อฉาวอีกมากมาย ทั้งฉากที่ตัวละครที่แสดงโดย เซียะเทียนหัว ถ้ำมองตัวละครของ ฉีจื่อซาน ขณะอาบน้ำ, ฉากจูบอย่างดูดดื่มแบบ "เฟรนช คิส" ของทั้งสอง เป็นซีรีส์ที่คนดูบางท่านเบือนหน้าหนีเพราะเต็มไปด้วยเรื่องราวทางเพศ
พระเอกขอแก้ตัว
โจหม่า ที่ขณะนี้กำลังถ่ายทำหนังอยู่ที่ประเทศจีน ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงประเด็นที่ร้อนแรงต่าง ๆ รวมถึงเรื่องเนื้อหาเกี่ยวกับพวกรักร่วมเพศว่า
"ในซีรีส์เรื่องนี้ผมและเฉินเจี้ยนฟง มีความสัมพันธ์แบบเจ้านายและลูกน้องกัน ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมคนมองเป็นเรื่องเกย์ไปได้ แต่อีกยินดีนะครับ ที่คนพูดคุยถกเถียงเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้ ตามประวัติศาสตร์จักรพรรดิหย่งเล่อต้องแสร้งเป็นคนเสียสติด้วย ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฉากในอ่างอาบน้ำกับตัวละครของเฉินเจี้ยนฟงรึเปล่า"
เกี่ยวกับประเด็นเรื่องเซ็กส์และความรุนแรงในแบบ S&M นั้นนักแสดงหนุ่มคนดังตอบด้วยเสียงหัวเราะอย่างไม่ซีเรียสว่า "จักรพรรดิหย่งเล่อค่อนข้างจะเป็นบุคคลที่เพี้ยน ๆ หน่อย เขาบ้า และเป็นจอมใช้ความรุนแรง"
สุดท้ายพระเอกชาวฮ่องกงเชื่อว่าผลงานของตนเอง ไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรงแบบนั้น "ผมไม่รู้หรอกครับว่าผลสุดท้ายซีรีส์เรื่องนี้จะมีผลกระทบอะไรบ้าง แต่คุณควรมองในแง่ของซีรีส์อิงประวัติศาสตร์ สร้างความบันเทิงจะดีกว่า"
ฝ่ายเจ้าหน้าที่แผนกกิจการพิเศษของทีวีบีก็กล่าวถึงกระแสตอบรับในทางลบว่า "ซีรีส์เรื่องนี้ผ่านการตรวจพิจารณาจากหน่วยงานด้านการแพร่ภาพแล้ว เราจะส่งคำแนะนำต่าง ๆ ที่ได้รับจากผู้ชมให้กับฝ่ายผลิตต่อไป"
ความจริงแล้วนอกจากความอื้อฉาวของ Relics of An Emissary ตัวผู้รับบทนำอย่างโจหม่าเองก็ได้รับคำชื่นชมว่าแสดงได้อย่างสมบทบาท จนกลายเป็นตัวเต็งสำหรับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประจำปี 2011 ของทีวีบีไปแล้ว