หากทุกคนจะพอได้ทราบข่าวกันมาบ้างแล้วว่ามีการจับ ตุ๊กแก
ไทยไปเพื่อการค้า ขายกันตัวละเป็นแสนๆเป็นล้านนั้น ผมบอกได้
เลยว่ามันเป็นเรื่องจริง ทีแรกที่ผมได้เห็นข่าวใน TV ใน Internet
ผมยังเฉยๆ จนวันหนึ่งเพื่อนสาวที่อยู่เชียงใหม่ ชื่อ เม โทรมาหา
แล้วถามว่า ปลาย มีตุ๊กแกไหมหรือญาติๆปลายต่างจังหวัดมี
ตุ๊กแกไหม เพื่อน เม เขาจะขอซื้อ ตามละเอียดดังนี้ 3.2 ขีด ราคา
หนึ่งแสน ตอนหลัง เพื่อนเม อัพราคาให้เป็น แสนห้า ทีแรกผมฟัง
แล้วก็อึ้งเลย นี่มันเป็นเรื่องจริงตามข่าวเหรอว่ะเนี่ย นี่ถ้าไม่ใช่คน
ใกล้ตัวบอกผมคงจะปล่อยผ่านเลยไป
จากที่ได้ฟังเจ้าเม มา ผมก็เลยค้นหาข้อมูลค้นหาหาว่า ตุ๊กแก
ทำไมราคาแพงซะขนาดนั้น ไม่เชื่อคุณลองพิมพ์คำว่า ตุ๊กแก ใน
Google สิคุณก็จะพบกับสิ่งที่ผมบอกคุณ แต่คุณอย่าได้เชื่อทั้ง
หมดในนั้น จนกว่าจะอ่านสิ่งที่ผมได้พิสูจน์มาให้คุณได้รู้กันก่อน
นะครับ
อย่างที่กล่าวมาแล้วนะครับ ผมได้ศึกษาและทำการวิจัยไปในตัว
เลย โดยการจับตุ๊กแกที่อยู่ในห้องทำงานของผม มาเลี้ยง แต่
บอกก่อนนะผมเองก็กลัวเหมือนกันนะ แต่เป็นคนที่ชอบเอาชนะ
ความกลัวด้วยความกล้าค้นหาวิธีจับต๊กแกได้สำเร็จ ซึ่งการจับ
ตุ๊กแกมีด้วยกันหลายวิธี
วิธีที่ 1 : เริ่มด้วยการวางยาสลบตุ๊กแก สิ่งที่ใช้คือ ปูนกินหมาก
ผสมกับยาเส้นพันไว้ที่ปลายไม้แล้วแหย่อยู่ตรงปากตุ๊กแก รอให้
มันงับ ซึ่งธรรมชาติของมันจะอ้าปากกว้างๆเพื่องับสิ่งต่างๆที่อยู่
ตรงหน้า เมื่อมัน งับปูนกินหมากผสมยาเส้นแล้ว รอให้ยามันออก
ฤทธิ์ซึ่งไม่ต่างอะไรกับวางยาสลบคนเลย ผมลองมาแล้ว
วิธีที่ 2 : คือการจับตุ๊กแกด้วยมือเปล่า แต่ทางที่ดีคุณควรสวมถุง
มือผ้าด้วยก็ดีนะกันพลาดโดนมันกัด แต่ถ้าตุ๊กแกที่โดนวางยา
สลบแล้วหมดสิทธิ์กัดครับ วิธีการจับก็คือ เอานิ้วโป้งกดไว้ที่
หัวตุ๊แกแล้วเอานิ้วชี้ นิ้วกลางช้อนไปที่ลำตัวตุ๊กแก เสร็จแล้วให้
ยกตุ๊กแกตรงๆ 90 องศาขนานกับพื้นหรือผนัง อย่ายกด้วยการ
เอียงซ้ายทีขวาที เพราะจะทำให้มือเท้าตุ๊กแกยึดติดกับผนัง
แน่นขึ้น
วิธีที่ 3 : คือการใช้ห่วง เหมือนกับที่จับสัตว์พวกกิ้งก้า วิธีนี้มัก
นิยมใช้กันแต่สุดท้ายก็ต้องใช้ วิธีที่สองในการจับตุ๊กแกออก
จากห่วง
หลังจากนั้นผมก็เอาตุ๊กแกมา เลี้ยงสังเกตุการกินอาหารเพื่อที่
จะให้มันได้น้ำหนักอย่างที่เพื่อนเม ต้องการ แต่ผมไม่ประสบ
ความสำเร็จ เพราะผมดันไปทำห่างมันขาด จนถูกจิ้งหรีดอาหาร
ของตุ๊กแกกินมันซะเองสุดท้ายในก็เลยตาย ผมก็พยายามหามา
เลี้ยงใหม่ในที่ทำงานแต่ก็หายากมาก จบเรื่องไว้ตรงนี้ก่อนนะ
ครับ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ธ.ค 2553 ที่ผ่านมาผมได้เดินทางไปอบรม
การเลี้ยงและการทำฟาร์มตุ๊กแก ที่รามคำแหง ซอย 43 / 1 ร้าน
S & I ซาลอน เพื่อที่จะเรียนรู้และศึกษาการทำฟาร์มเลี้ยงตุ๊กแก
แต่ผมบอกตรงๆว่าผมผิดหวังกับงานอบรมครั้งนี้มาก โดยผู้จัด
งานบอกว่าเคยจัดงานนี้มาแล้ว 3 ครั้ง แต่เท่าที่ผมดูนะ ระบบการ
จัดการในการอบรมห่วยแตกอย่างมาก ผมไม่เสียดายเงินค่าลง
ทะบียบหัวละ 500 หรอก แต่ผมเสียความรู้สึก เพราะสิ่งที่
วิทยากรนำเสนอ ผมกล้าพูดได้เลยว่า ผมหาค้นมูลใน Internet
ผมยังรู้มากกว่าเลย วิทยากร ก็อ้างตัวเองว่าเคยเลี้ยงตุ๊กแกอยู่ที่
สวนเสือศร๊ราชาด้วย ฟังดูมันช่างน่าเชื่อถือซะจริงๆ แต่ไม่เชื่อ
ถือมันตรงมันเอาเรื่องไสยศาสตร์มาเกี่ยวข้องนี่ล่ะ พี่ๆทำฟาร์ม
เลี้ยงตุ๊กแกเพื่อการค้านะครับ ไม่ใช่ส่งร้านยาดอง
( คิดในใจ ) ในงานก็มีวิทยากรอยู่คนสองคน แต่ข้อมูลที่มันพูด
มา คนละทางกันเลยผมไม่รู้จะฟังใครจริงๆ สุดท้ายก็แนะนำ
พ่อค้าคนกลางในงาน ดูแล้วไอ้พ่อค้าคนนี้มันกะล่อนนะ รู้ทัน
ไอ้พวกจับเสือมือเปล่าแล้วคิดกินกำไร 10% 25% จาก
ราคากลาง สรุปก็คืองานนี้อนะ เหมือนโยนหินถามทางว่าใคร
มีของบ้าง ตุ๊กแก อะนะ เพราะเขารับซื้อกันจริงๆ แต่นะต้อง
ผ่านพวกมันเนี่ยราคาหายไปเยอะนะครับ ถ้าผมบอกราคาให้
พวกคุณทราบจริงๆ พวกคุณอาจไม่เชื่อ ก็เพราะความไม่เชื่อ
ของผมไงผมจึงต้องเข้าไปพิสูจน์แล้วเอาข้อมูลตรงนั้นมา ถ่ายทอดให้ทราบกัน
ราคาตุ๊กแก จริงๆอนะ ขึ้นๆลงๆเหมือนทองคำและมีมูลค่า
แพงกว่าทองคำเยอะครับ พ่อค้าที่เขาซื้อไปเขาเอาไปทำยา
รักษาโรคเอด HIV , โรคมะเร็ง และโรคอื่นๆอีกหลายโรคครับ
สิ่งที่พ่อค้าเขาต้องการคือขนาดและน้ำหนัก โดยมากเขาจะรับ
ซื้อกันที่น้ำหนัก 3.2 ขีดขึ้นไปครับ น้ำหนักแค่นี้ ราคาไม่ต่ำ
กว่า 3 - 4 แสนแล้วล่ะครับ ยิ่งถ้าได้น้ำหนัก 4 ขีด รู้ไหมว่า
ราคาเท่าไหร่ อยู่หลักล้านนะครับ ผมเองก็ไม่อยากที่จะเชื่อแต่
ด้วยน้ำหนักตุ๊กแกขนาดนี้มันหายากจริงๆครับ ยิ่งตุ๊กแกบ้าน
ด้วยแล้ว คุณหามาเถอะมันไม่มีหรอกครับ มันเป็นตุ๊กแกที่
เขาขุนกันให้มันได้น้ำหนักขนาดนั้น ส่วนตัวมันเหรอตัวใหญ่
มาก ผมได้ไปพบเห็นกับตามาแล้วพร้อมๆกับแฟนผม
ในงานวันนั้นนะผมทั้งโชคร้าย และโชคดีในเวลาเดียวกัน
โชคร้ายก็คือเข้ามาฟังการบรรยายแบบโง่ๆจากวิทยากร ซึ่ง
เรียนถูกเรียนผิด และที่สำคัญนะผมได้แอบถามเมียของวิทยากร
ซึ่งอายุยังเด็กอยู่มากไม่รู้ไปหลอกมาจากไหน เมียของวิทยากร
ได้ให้ข้อมูลว่า เพิ่งจะเริ่มเลี้ยง สามเดือน และยังไม่เคยขาย
ตุ๊กแกเลยซักครั้ง ป่ะแล้วไง อ้าวๆ แล้วแบบนี้มันยังมีหน้ามาเป็น
วิทยากรได้ไงว่ะ ส่วนเวปสร้างที่สร้างขึ้นคิดว่าเป็นของพวกพ่อ
ค้าของการสร้างมาเพื่อดักจับ เหยื่อย เพราะสังเกตุดูตัววิทยากร
ที่บรรยาย มันยังใช้คอมไม่คล่องเลย เวรกรรม
ส่วนเรื่องโชคดี ในงานผมได้พบกับสาวคนหนึ่ง รุ่นพี่ นี่ถ้าเขา
ไม่ถอยลงมานั่งใกล้ๆผมที่กลางห้องนะคงไม่ได้มีโอกาสที่จะคุยกัน พี่สาวคนนั้นคือ พี่ต้อย แกเป็นเจ้าของฟาร์ม เป็นทั้งนายหน้า
รับซื้อส่งขายและเลี้ยงเอง ทีแรกผมก็ไม่ค่อยเชื่อแกรหรอกครับ
แต่จากการที่ได้คุยกันผมพบว่าสิ่งที่แกรพูกมาน่ะจริง หลังจาก
เลิกอบรมแล้วผมชื้อตุ๊กแกบ้านจากที่งานมาเลี้ยงสองตัว ซึ่งพี่
ต้อยแกบอกว่าพี่ห้ามไม่ทัน จากนั้นผมได้เดินทางไปดูฟาร์มที่แก
เลี้ยงไว้ที่บ้าน นี่ถ้าผมไม่ได้มาเห็นกับตาตัวเอง ผมก็ยังยืนยันว่า
ผมไม่เชื่อ ด้วยนิสัยผมไม่เชื่อใครง่ายๆอยู่แล้ว จะเชื่อได้นั้นก็คือ
พิสูจน์ให้เห็นจริง ผมไปบ้านพี่ต้อยที่อยู่ แถวถนนเทพารักษ์
เหมือนได้ไปศึกษาดูงานยังไงยังงั้นเลยครับ พี่ต้อยทำครบวงจร
หมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตลาดราคาตุ๊กแก เพราะเมื่อก่อนเป็น
นายหน้า แต่ว่าของส่งให้ลูกค้าไม่พอ ประมาณว่าหาของไม่ได้
แกเลยต้องหันมาเลี้ยงและส่งเอง แกทำมาได้สามปีแล้ว มันช่าง
ต่างจากวิทยากรที่เพิ่งเลี้ยงมาได้ สามเดือนซะเหลือเกิน สุดท้าย
ผมก็ได้พบกับของจริงและได้รับคำแนะนำในการเลี้ยงตุ๊กแกเพื่อ
การค้า แกบอกว่า ตุ๊กแกบ้านที่นำมาเลี้ยงและหวังจะให้มันได้
น้ำหนักอย่างที่เป็นข่าว ยาก มันไม่คุ้นเคยกับการถูกขังไว้ในกรง
มันไม่เหมือนตุ๊กแกฟาร์มที่ถูกเพาะเลี้ยงขึ้นมาขายส่งตลาดแบบ
นี้ การเจริญเติบโตจึงต่างกัน อีกอย่างหนึ่งที่จะมองข้ามไม่ได้
เลยคือ เรื่องของสายพันธุ์ ถ้าเราได้พันธุ์ที่ดี ดูแลดี การกินอยู่ดี
และเน้นเลี้ยงวิธีที่ใกล้ชิดธรรมชาติได้มากที่สุกมันจะเจริญ เติบ
โตไว้ เท่าที่ฟังผมเชื่อพี่ต้อยแกนะ แกเลี้ยงจัดการประสบความ
สำเร็จแล้ว ผมเลยเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกแกซะเลย อย่างน้อย
ผมก็ยังมีครูมีที่ปรึกษา และการเลี้ยงสัตว์ประเภทนี้ก็ไม่ต่างกับ
การเลี้ยงไก่ CP เลย นำตุ๊กแกขนาดไซร์น้ำหนัก 2 ขีดมาขุนให้
มันได้น้ำหนัก 3.2 - 4 ขีด และส่งกลับไปที่ที่เราเอาพันธุ์มาเลี้ยง
เราก็ยังมีกำไรอยู่เยอะ ปัญหาคือว่าผมจะเลี้ยงให้ได้ดีเท่าพี่ต้อย
แกหรือเปล่า เพราะว่ามือใหม่ แต่มุมมองของผมนะธุรกิจฟาร์ม
ตุ๊กแก อนาคตยังไปได้อีกไกลครับ เพราะเขาเอาไปทำยาอย่างที่
ผมกล่าวมาจริงๆ สาเหตุ ที่มันแพงแบบนั้นเพราะมันหายากที่จะ
ได้น้ำหนักขนาดนั้น และอีกอย่างนะทางยุโรปก็ต้องการตุ๊กแก
เพื่อสกัดเป็นยารักษาโรคเหมือนกัน ฉะนั้นราคามันจึงขึ้นพุ่งสูง
แบบชนิดที่ว่า เกิดกิเลสกันทีเดียว ตัวผมเองตอนนี้ก็เลี้ยงไว้
4 ตัว เป็นตุ๊กแกบ้าน 2 ตัวที่ซื้อมาจากงานที่ไปอบรมมา ส่วน
อีก 2 ตัวซื้อจากที่ฟาร์มของพี่ต้อย ถ้าคุณรู้ราคาที่ผมซื้อตุ๊กแก
มาเลี้ยงแล้ว คุณอาจจะว่าผมเวอร์ก็ได้นะครับ ผมซื้อตุ๊กแก
ฟาร์มพัธุ์เขมร จากพี่ต้อย คู่ละ สองหมื่น น้ำหนักอยู่ที่ 2 ขีด ส่วน
ตุ๊กแกบ้านที่ซื้อมาจากที่งานอบรม คู่ละ 800 บาท เป็นสายพันธุ์
ไทย น้ำหนักอยู่ที่ 1 ขีด ตุ๊กแกที่ผมซื้อมาเลี้ยงจากพี่ต้อยเป็นตัว
ผู้ทั้งหมด เหตุเพราะทางเขมรไม่ยอมปล่อยพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ให้
เราเพาะเลี้ยงเอง ข้อมูลนี้ได้มาจากพี่ต้อย
ถึงตอนนี้ผมกำลังทำงานวิจัยชุด สอง คือการเลี้ยงตุ๊กแกอย่าง
จริงๆจังๆ ผมเลี้ยงตุ๊กแกฟาร์มกับตุ๊กแกบ้านแยกออกจากกัน
และจะคอยสังเกตุการเจริญเติบโตของมันว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้มาว่า
ตุ๊กแกฟาร์มจะเจริญเติบโตไว้กว่าหรือตุ๊กแกบ้านไทยจะเจริญ
เติบโตไวกว่า ถ้าผมประสบความสำเร็จในงานวิจัย ผมถึงจะทำ
ฟาร์มแบบครบวงจรแบบพี่ต้อย แต่จริงๆแล้วนะผมก็อยากหา
อะไรทำเป็นของตัวเอง เพราะผมเบื่องานบริษัทที่ไม่เห็นคุณค่า
เรา นี่ถ้าพี่ต้อยรู้ว่าผมเป็นช่างนะ ผมคงได้ส่วนลดอีกเยอะเพราะ
ที่บ้านแกมีอะไรเสียให้ผมต้องซ่อมอีกเยอะ
: สิ่งที่ผมทำผมได้ศึกษาและเรียนรู้มาบ้างส่วนหนึ่งแล้ว
และผมเชื่อในสิ่งที่ผมทำ อย่างน้อยตุ๊กแกผมก็ไม่ใช่จระเข้ที่
หลุดออกไปทำร้ายใครได้นินา ชิมิ ชิมิ
: ย้ำว่าสิ่งที่ผมเขียนคือเรื่องจริงทั้งนั้น พูดง่ายๆก็คือ
ผมเอาตัวเข้าแลกเพื่อที่จะรู้ว่ามันจริงมันเท็จประการใด
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.googig.com/story.php?action=view&id=20013