ประธานาธิบดีเบนิกโน อาคีโน ที่ 3 เข้าเยี่ยมเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอสคาร์ลวินสัน พร้อมกับคณะ

รัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดในวันเสาร์ หลังเรือเข้าเทียบท่ากรุงมะนิลาพร้อมกับเรือคุ้มกันอีก 3 ลำ

เพื่อเริ่มต้นทัวร์เรือบรรทุกเครื่องบินเป็นเวลา 4 วันในวันอาทิตย์

โฆษก หญิงสถานทูตสหรัฐ โวสเซนเยเลช มาเซนเกีย ชี้แจงต่อสื่อมวลชนที่เข้าร่วมทัวร์ว่า ตลอดการทัวร์

จะไม่มีการเอ่ยถึงบินลาดินเนื่องจาก "ไม่มีใครบนเรือวินสันได้รับอนุญาตให้กล่าวถึงรายละเอียดปฏิบัติการ

อุซามะห์ บินลาดินได้"

รัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์ วอลแตร์ กัสมิน กล่าวว่า อาคีโนและผู้ติดตามได้รับเชิญให้เยี่ยมชมภายในเรือรบ

และการแสดงเครื่องบินเจ็ตออกตัวและลงจอดบนเรือบรรทุกเครื่องบิน โดยมีลูกเรือลูกครึ่ง

ฟิลิปปินส์-อเมริกัน เป็นหนึ่งในนักบิน เขายังได้รับเชิญให้นั่งในห้องคนขับเครื่องบินเจ็ต เอฟ/เอ-18 อี

ซูเปอร์ฮอร์เน็ต และถ่ายรูปร่วมกับกลาสีลูกครึ่งฟิลิปปินส์-อเมริกัน

อย่าง ไรก็ตาม กัสมินชี้แจงว่า ไม่มีใครในคณะผู้ติดตามของอาคีโนถามถึงการทิ้งศพบินลาดิน เนื่องจากเห็น

ว่าไม่เป็นการเหมาะสมที่จะถาม และด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐก็หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงประเด็นนี้ "เราไม่ถามเพราะ

เห็นว่าเป็นประเด็นละเอียดอ่อน อีกทั้งการเยี่ยมชมเรือรบครั้งนี้เป็นไปเพื่อสานไมตรีกัน"

เรือ บรรทุกเครื่องบินคาร์ลวินสันเดินทางจากอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งเป็นจุดรับหน่วยซีลสหรัฐและศพของ

บินลาดินหลังเสร็จสิ้นภารกิจล่าสังหาร ในบ้านพักใกล้กับวิทยาลัยทหารปากีสถาน เจ้าหน้าที่กลาโหมชี้

แจงว่าลูกเรือบรรจุศพบินลาดินใส่ในถุงถ่วงน้ำหนัก แล้วทำพิธีทางศาสนาก่อนจะทิ้งลงทะเล

รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ โรเบิร์ต เกตส์ กล่าวว่า หน่วยล่าสังหารบินลาดินวิตกถึงความปลอดภัยของ

ครอบครัว ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องปกปิดรายละเอียดปฏิบัติการ แต่เกตส์ชี้ว่าแผนดังกล่าวไม่สัมฤทธิผล

และต้องหาวิธีเพิ่มระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย

สถานทูตสหรัฐประจำ กรุงมะนิลาระบุว่า ลูกเรือคาร์ลวินสันและผู้เข้าเยือนมีกำหนดเล่นกีฬา เข้าร่วม

สัมมนา และให้ความช่วยเหลือกันในโปรเจ็กต์ต่างๆ และระบุอีกว่าการเทียบท่าครั้งนี้ให้ผลตอบแทนทาง

เศรษฐกิจแก่ฟิลิปปินส์เป็น จำนวน 140 ล้านบาท จากค่าธรรมเนียมเทียบท่า และการจับจ่ายใช้สอยของ

ลูกเรือ

ตำรวจ ฟิลิปปินส์แจ้งว่า ได้เพิ่มมาตรการความปลอดภัยทั่วกรุงมะนิลา หลังมีข่าวนักเคลื่อนไหวทางการ

เมืองฝ่ายซ้ายขู่นัดประท้วงการมาเยือนของเรือ รบสหรัฐ.

ที่มา -