การทดลองทางวิทยาศาสตร์ก็มีมุมมืดเหมือนกัน การทดลอง 7 อันข้างล่างนี้มาจากบทความ "7 Absolutely Evil Medical Experiments" ของเว็บ Live Science ทั้งหมดเป็นการทดลองที่กระทำต่อมนุษย์ซึ่งถ้าตัดสินในมุมมองของจริยธรรมการทดลองในปัจจุบันก็ต้องเรียกว่า "ไร้มนุษยธรรมอย่างที่สุด"
การทดลองที่ค่ายกักกัน Auschwitz ของนาซีเยอรมัน - คงไม่ต้องพูดถึงสำหรับการทดลองของนักวิทยาศาสตร์นาซีที่ทำต่อนักโทษ วัตถุประสงค์การทดลองส่วนใหญ่ก็เป็นไปเพื่อพิสูจน์ความเหนือกว่าของชนชาติอารยันและทดสอบประสิทธิภาพของอาวุธเคมี/ชีวภาพ ผู้ร่วมรับการทดลอง(แบบไม่เต็มใจ)ต้องถูกทรมานสารพัดแบบ ตั้งแต่การรมก๊าซพิษ แช่แข็ง ขังในห้องความดันต่ำ ฯลฯ ผู้หญิงบางคนถูกรัดเต้านมด้วยเชือกเพื่อทดลองว่าทารกจะอดนมได้นานขนาดไหน จนแม่บางคนตัดใจฆ่าลูกตัวเองให้พ้นทรมานด้วยการฉีดมอร์ฟีนเข้าเส้นเลือดเด็ก หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองจบลง นักวิทยาศาสตร์นาซีถูกจับตัวขึ้นศาลอาชญากรสงครามเกือบทุกคน บางคนก็หลบรอดไปได้ เช่น Josef Mengele แพทย์หน่วย SS หัวโจกของโครงการทดลองหลบหนีไปอเมริกาใต้และตายที่บราซิลในปี 1979
Nazi medical experiments
2. หน่วย 731 กองทัพญี่ปุ่น - ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นได้จับเชลยชาวจีนมาร่วมการทดลองสารพัด เช่น การบังคับให้เดินทางไกลลุยหิมะด้วยเท้าเปล่าเพื่อจะดูว่าวิธีไหนรักษาอาการหิมะกัดได้ดีที่สุด การเข้าห้องรมก๊าซพิษ หรือโยนเข้าไปในห้องความดันจนลูกตาทะลักออกมา ไม่มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากการทดลองเท่าไร แต่ประเมินกันว่าไม่น่าต่ำกว่า 200,000 คน ในปี 1995 หนังสือพิมพ์ TImes เปิดเผยว่าทางการสหรัฐฯ ช่วยปกปิดการทดลองเหล่านี้ไว้เป็นความลับจากชาวโลก เนื่องจากต้องการเก็บไว้แบล็คเมล์ให้ญี่ปุ่นยอมเข้าร่วมเป็นพันธมิตรในสงครามเย็น
Japan's Unit 731
3. Monster study - ชื่ออาจจะน่ากลัว แต่จริงๆ เป็นการทดลองเกี่ยวกับอาการติดอ่างของนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยไอโอวาในปี 1939 จุดประสงค์การทดลองคือต้องการดูว่าความเครียดมีผลต่อการติดอ่างในเด็กหรือไม่ นักวิจัยได้ไปบอกกับเด็กกำพร้าในสถานเลี้ยงเด็กว่าพวกเขาจะมีอาการติดอ่างในอนาคตเพื่อให้เด็กเกิดความเครียด ผลการทดลองคือเด็กไม่พัฒนาอาการติดอ่างขึ้นมา แต่กลับส่งผลให้เด็กเกิดความกังวล แยกตัวจากสังคม เป็นโรคซึมเศร้า สุดท้ายในปี 2007 ทางมหาวิทยาลัยต้องยอมจ่ายค่าชดเชยรวม $925,000 หลังจากถูกฟ้องจากผู้เสียหาย ชื่อ "Monster study" เป็นฉายาที่นักศึกษารุ่นหลังตั้งให้เพื่อเป็นการระลึกถึงตราบาปของมหาวิทยาลัย
The "monster study"
4. การฆาตกรรมของ Burke & Hare - เนื่องจากในทศวรรษ 1830 รัฐบาลอังกฤษออกกฏหมายให้การผ่าตัดเพื่อศึกษากายวิภาคทำได้เฉพาะกับศพของนักโทษประหารเท่านั้น ทำให้แพทย์ทางด้านนี้หาตัวอย่างมาศึกษากันยากขึ้น ตลาดมืดของการขายศพจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว สองสหายเจ้าของบ้านเช่าในเอดินเบอร์ก William Hare และ William Burke เลยผุดไอเดียทำเงิน ลักลอบฆ่าผู้เช่าให้ห้องเช่าตัวเอง แล้วเอาศพไปขายให้กับ Robert Knox แพทย์นักกายวิภาค สุดท้ายทั้งสองคนก็โดนจับได้ Burke ถูกแขวนคอ ส่วน Hare บ้างก็ว่าถูกปล่อย บ้างก็ว่าถูกฆ่า คดีนี้ส่งผลให้รัฐบาลอังกฤษยอมผ่อนปรนข้อกฏหมายเกี่ยวกับการศึกษากายวิภาคให้เข้มงวดน้อยลง
The Burke and Hale murders
5. การทดลองสูตินารีเวชกับทาส - บิดาแห่งวิชาสูตินารีเวชสมัยใหม่ J. Marion Sims ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดเกี่ยวกับจริยธรรมการทดลอง การทดลองส่วนใหญ่ของเขาจะทำกับทาสผู้หญิง เกือบทุกครั้งเขาไม่เคยวางยาสลบเลย เนื่องจากเขาให้เหตุผลว่าการผ่าตัดไม่น่าจะเจ็บมากอะไรมาก จึงไม่สมควรสิ้นเปลืองกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
Surgical experiments on slaves
6. การทดลองซิฟิลิสในกัวเตมาลา - ในปี 1946-1948 รัฐบาลของสหรัฐอเมริกากับกัวเตมาลาจับมือกันทำการทดลองลับๆ เกี่ยวกับการรักษาโรคซิฟิลิส ผู้ร่วมการทดลองประกอบด้วยนักโทษและผู้ป่วยทางจิตชาวกัวเตมาลา นักวิจัยทำการทดลองถ่ายเชื้อซิฟิลิสเข้าผู้ร่วมการทดลองโดยการจ่ายเงินให้ไปนอนกับโสเภณีที่ติดเชื้อ หรือไม่ก็กรีดหนังองคชาติแล้วเทเชื้อในจานเพาะลงบนแผล หลังจากที่เรื่องนี้แดงขึ้น เดือนตุลาคม 2010 ที่ผ่านมา Hilary Clinton และ Kathleen Sebelius ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษกับสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ทำลงไป
Guatemala syphilis study
7. การทดลองที่ Tuskegee - การทดลองนี้เหมือนเป็นมุมกลับของการทดลองในกัวเตมาลาข้อข้างบน ในปี 1932 นักวิจัยของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ทำการติดตามอาการของผู้ป่วยโรคซิฟิลิส 399 คนใน Tuskegee รัฐอะลาบามา ผู้ป่วยซึ่งเป็นคนผิวดำและไร้การศึกษาได้รับคำแนะนำแบบหลอกๆ จากนักวิจัยว่า "เขาป่วยเป็นโรคเลือดเสีย (Bad Blood)" จากนั้นนักวิจัยก็แกล้งทำเป็นรักษาไปเรื่อยๆ มีทดลองกับยาปลอมบ้างยาตัวใหม่บ้าง แต่ตลอดทั้งการวิจัยไม่มีผู้ป่วยคนใดได้รับการรักษาแบบจริงจังเลย การทดลองนี้กินเวลายาวนานถึง 40 ปี จนกระทั่งสาธารณชนรับรู้ความจริง รัฐบาลจึงต้องล้มเลิกโครงการในที่สุด
The Tuskegee study
ที่มา : http://jusci.net http://www.livescience.com