10 สุนัขที่เหมาะสำหรับเจ้าของเกียจคร้าน

บทความนี้ไม่ได้สนับสนุนให้คุณเลี้ยงสุนัขเหมือน ลูก และไม่สนับสนุนให้คุณอุ้มสุนัขไปขึ้นหน้ารถจักรยานยนต์หรืออุ้มพาไปเดินตลาด เพราะขนสุนัขจะปลิวมาโดนอาหารที่พ่อค้าแม่ค้ากำลังตักใส่ถุงให้เรากินอยู่

 

สุนัขนับว่าเป็นสัตว์เลี้ยงและเพื่อนของมนุษย์มาช้านาน แต่กระนั้นการเลี้ยงสุนัขแต่ละตัวก็ถือว่าเป็นภาระสำหรับเจ้าของมาก แน่นอนสุนัขมันไม่ใช่เครื่องประดับสนามหญ้าหรือของตกแต่งครัวเรือน มันต้องกิน ขี้ บี้ นอนเหมือนกัน ทำให้เราจำเป็นต้องให้ความรักและเสียค่าใช้จ่ายจิปาทะมากมาย อีกทั้งเราต้องเสียเวลาพามันไปเดินเล่น พามันไปกินอาหาร จีบสาว ฯลฯ เรียกได้ว่าคุณต้องดูแลสุนัขของคุณยิ่งกว่าเมียของคุณเสียอีก

 ดังนั้นรายการต่อไปนี้ เราจะเสนอสุนัข 10 สายพันธุ์ที่เหมาะสำหรับคนขี้เกียจที่อยากเลี้ยงสุนัข ที่เป็นสุนัขที่เสียค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูค่อนข้างต่ำ(แต่กระนั้นหลายคนยินดีจะ เสียค่าใช้จ่ายสูงๆ เพื่อพวกมัน) และไม่ต้องการเอาใจใส่อะไรมาก อีกทั้งคุณสามารถนำพวกมันยังสามารถไปอวดเพื่อนบ้านของคุณได้สบาย(ปล. ข้อมูลบทความนี้มีเนื้อหาแตกต่างจากข้อมูลในไทยมาก ดังนั้นขึ้นอยู่กับคุณที่พิจารณาว่าอันไหนจริงไม่จริง)

 

10. Bolognese

  

สุนัขพันธุ์โบโลเนสเป็นสุนัขที่สืบเชื้อสายมาจากสุนัขพันธุ์บิชอน ฟริซ(หน้าเหมือนกัน) ในภาคใต้ของอิตาลี เชื่อว่ามีต้นกำเนิดราวยุค 1400 เดิมทีมันถูกเลี้ยงไว้สำหรับไล่หนู แต่ภายหลังราวยุคเรนเนซองส์มันถูกใช้เป็นของกำนัลสำหรับพระผู้ใหญ่และภาย หลังมันถูกเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน และกลายเป็นที่นิยมในหมู่ราชสำนักและขุนนางของสเปนและยุโรปในปี 1800 เป็นสายพันธุ์ที่แข็งแรง ไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ เหมาะสำหรับเลี้ยงในพื้นที่ขนาดเล็ก เช่น พาร์ทเม้นท์ หนักเพียง 8-14ปอนด์ขนาดทารกแรกเกิด ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายมาก แต่มันมีนิสัยขี้เล่นดังนั้นออกเดินเล่นบางครั้งบางคราวก็ได้ ส่วนการฝึกอบรมมารยาทขั้นพื้นฐานก็ง่าย แต่ต้องระวังอย่าให้อยู่กับคนแปลกหน้า เด็กและสัตว์อื่นๆ และสุดท้ายการเตรียมที่จะเลี้ยงก็พอสมควรเพราะว่ามันมีขนยาว หลุดติดพรมได้ง่าย และระวังจะเกิดโรคภูมิแพ้ให้ดีหากเลี้ยงมัน  

 

9. Japanese Chin

สุนัขพันธุ์ เจแปนนิส ชิน เป็นสุนัขชนิดหนึ่งที่เชื่อว่ามีต้นกำเนิดในประเทศจีนมีหลายร้อยปีก่อน ตอนแรกอาศัยในวัดของจีนต่อมาจักรพรรดิของจีนก็ชอบ และมอบสุนัขเป็นของขวัญแก่จักรพรรดิของญี่ปุ่นและได้กลายเป็นที่นิยมในที่ สุด ก่อนที่จะแพร่ที่ยุโรปในปี 1800 ในเวลาต่อมา เป็นสุนัขที่ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่เลี้ยงมากเพราะมีขนาดเล็ก ฝึกง่ายเพราะนิสัยเงียบสงบ มีมารยาท ชินได้ดีเกือบทุกคนรวมทั้งสัตว์แปลกหน้าและพวกเด็ก ไม่จำเป็นต้องพาไปเดินเล่นมาก สามารถปรับตัวกับสภาพอากาศต่างๆ ได้ดี แต่การดูแลปานกลางเพราะต้องแปลงขน และต้องดูแลรักษาโรคภัยโดยเฉพาะช่วงอายุสุนัขมีอายุ 4 เดือนแรกไม่ว่าปัญหาหัวใจ ต้อกระจก

 

 

 

8. Greyhound

 

เกรย์ฮาวนด์ เป็นสุนัขที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศอียิปต์ สมัยโบราณนิยมใช้เป็นสุนัขล่าสัตว์เนื่องจากช รูปร่างเพียวลม แต่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ทำให้สุนัขพันธุ์นี้สามารถวิ่งได้เร็วที่สุดในบรรดาสุนัขด้วยกัน และถูกนำมาใช้ในกีฬาการแข่งขันวิ่งแข่งสุนัข และเป็นอันดับที่เหลือเชื่อว่ามันเหมาะสำหรับเจ้าของที่มีนิสัยขี้เกียจไม่ มีเวลาเลี้ยง โดยข้อมูลบอกว่า พื้นที่เลี้ยงต่ำโดยให้เหตุผลว่ามันสามารถเจริญเติบโตได้ในพื้นที่ขนาด เล็ก(สุนัขตัวนี้โตเต็มที่ 2- ½ ฟุต หนัก 60-70 ปอนด์)อีกทั้งมันยังมีสายพันธุ์ขนาดเล็กเหมาะกับพาร์ทเมนต์  ฝึกง่ายเพราะมีนิสัยเรียบร้อย สุภาพ ใจดี จงรักภักดีต่อเจ้าของ เชื่อฟัง แต่กระนั้นควรหลีกห่างจากสัตว์ขนาดเล็กหรือเด็กเล็กเอาไว้(บางเว็บบอกว่ามัน สามารถเล่นกับเด็กได้) ส่วนการออกกำลังกลายบอกว่าต่ำหรือปานกลาง โดยบอกว่าวิ่งแค่ 20-30 นาทีก็พอ สุดท้ายการบำรุงรักษาต่ำเพราะว่าขนสั้นและเหมาะสำหรับคนแพ้ขนสุนัข(ราคาขาย ในไทย 5000 – 10000 บาท)

 

7. Bullmastiff

 

บูลแมสติฟฟ์เป็นสุนัขสายพันธุ์จากประเทศอังกฤษที่มีขนาดปานกลาง สมัยก่อนถูกใช้เป็นสุนัขอารักขา รักษาความปลอดภัยในช่วงปี 1800 สามารถโจมตีผู้บุกรุกได้อย่างดุดัน หากแต่ขนาดของมันของค่อนข้างใหญ่พอสมควร(สูง21-27นิ้ว หนัก 100-130 ปอนด์) ทำให้คุณจะต้องมีที่ว่างเพียงพอให้สุนัขพันธุ์นี้ได้วิ่งเล่นหรือเดินไป มารอบบ้าน หากแต่ในพาร์ทเมนต์ก็สามารถเลี้ยงได้เช่นกัน ฝึกง่ายเพราะสุนัขตัวนี้มีพื้นฐานรักเจ้าของและครอบครัวอยู่แล้ว อีกทั้งมันรักสงบ(??)และมีความอดทนต่อเด็ก ซึ่งนิสัยแท้จริงของมันก็คือมันกระหายที่อยากสนใจมนุษย์และรักใคร่ความสงบ ส่วนการออกกำลังกายต่ำหรือปานกลางเนื่องจากปกติมันเป็นสุนัขที่ขี้เกียจชอบ นอนบนโซฟา ดังนั้นหากปล่อยปะละเลยมันจะเป็นโรคอ้วน ทำให้ต้องพามันไปเดินเล่นครั้งคราวก็ดี และสุดท้ายมันเป็นสุนัขที่ไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษาให้สวยงามเพราะขนสั้น (ราคาขายในไทย 8,000 – 15,000 บาท)

 

 

6. Pug

 

สุนัขพันธุ์ปั๊ก ถิ่นกำเนิดในประเทศจีนเป็นสุนัขที่เก่าแก่ที่สุดพันธุ์หนึ่ง มีกำเนิดตั้งแต่ 400 ปีก่อนคริสตกาลในสมัยโบราณนิยมเลี้ยงไว้ในวัดจีน และต่อมาก็กลายเป็นของขวัญพระราชทานหรือใช้ในการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างจีน ทิเบต ญี่ปุ่น ก่อนที่จะกระจายไปอยู่ส่วนต่างๆของยุโรป เนื่องจากตัวเล็กดังนั้นพื้นที่เลี้ยงดูไม่จำเป็นต้องกว่าง(มันเหมาะสำหรับ เลี้ยงพาร์ทเมนท์มากๆ) นิสัยน่ารักและชอบเด็ก(แต่ไม่กินตับเด็ก) แต่ข้อเสียคือนิสัยดื้อรั้นและชอบนอนบนโซฟา หายใจและกรนเสียงดัง การดูแลรักษาความสะอาดค่อนข้สงมากเพราะว่าโดยเฉพาะริ้วรอยและดวงตามักหลั่ง น้ำตาเป็นที่สะสมเชื้อโรคต้องทำความสะอาดเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ การออกกำลังกาย จนแทบไม่ต้องออกกำลังกายสุนัขชนิดนี้เลย ข้อควรระวังในการเลี้ยงคือสภาพอากาศที่ร้อนปั๊กจะทนไม่ค่อยจะได้ ถ้าทนไม่ไหวอาจเป็นลมแดดได้ และถ้าอากาศเย็นควรให้อยู่ในที่อุ่นๆ หรือหาเสื้อมาสวมให้เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นหวัด (ราคาขายในไทย 5500 – 8000 บาท)

 

5. Glen of Imaal Terrier

 

สุนัขเทอร์เรีย อดีตเป็นสุนัขใช้แรงงานจำพวกล่าสัตว์จิ้งจอกหรือแบดเจอร์ในไอร์แลนด์ เหมาะสำหรับเลี้ยงพาร์ทเมนต์เพราะว่ายาวแค่ 14 นิ้ว แต่นิสัยนั้นจำเป็นต้องฝึกพอสมควรแม้ว่าจะเป็นสุนัขที่มีวินัยเข้ากันได้ดี กับคนและเด็กๆ แต่ปัญหาคือมันไม่เข้ากับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ(เนื่องเพราะอดีตมันเป็นสัตว์ ล่าเนื้อ) การออกกำลังกายก็จำเป็นแม้มันขาสั้นเมื่อเทียบกับร่างกายพวกเขาแต่กระนั้น มันก็ชอบกระโดดหรือทำกิจกรรมอื่นๆ ดังนั้นจำเป็นต้องมีพื้นที่ และการดูแลรักความสะอาดพอสมควรโดยเฉพาะช่วง 3-4 เดือน

 

4. Bulldog

 

สุนัขพันธุ์บลูด็อก เป็นสุนัขที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศอังกฤษ ราวคริสต์ศตวรรษที่ 12 สมัยก่อนนิยมใช้สุนัขชนิดนี้ต้อนฝูงสัตว์ ต่อมาก็นิยมนำสุนัขมากัดกันเป็นกีฬา เนื่องจากเป็นสุนัขที่แข็งแรง ล่ำสัน และเมื่อกีฬาดังกล่าวถูกยกเลิกก็มีการคัดเลือกพันธุ์เพื่อเหมาะสำหรับเลี้ยง จนกลายเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมในที่สุด เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก(แต่คุณต้องดูนิสัยมันด้วยว่าจะไม่เป็นปัญหาใน ที่หลัง) นิสัยขั้นพื้นฐานรักเจ้าของและจงรักภักดีมากเข้ากันได้ดีกับคนและสัตว์ เลี้ยงในบ้าน การออกกำลังกายก็แล้วแต่สายพันธุ์แต่สุนัขพันธุ์นี้เป็นโรคอ้วนได้ง่ายจง ระวัง อีกทั้งการออกกำลังกายในอากาศร้อนจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่วนเรื่องการรักษาความสะอาดระวังโรคที่มากับริ้วรอยบนใบหน้าของสุนัขพันธุ์ นี้(ราคาขายในไทย 5000 – 10,000 บาท)

 

3. Puggle

ปั๊กเกิ้ลเป็นสายพันธุ์สุนัขที่มีส่วนผสมกับปั๊กและบีเกิ้ล โดยจุดประสงค์คือ เน้นเพื่อความน่ารักน่ากอดและนำข้อดีของสุนัขสองสายพันธุ์มารวมกัน ทำให้มันกลายเป็นสุนัขที่เหมาะกับเจ้าของที่ไม่มีเวลาเลี้ยงได้เป็นอย่าง ดี  ด้วยขนาดตัวที่พอเหมาะ(หนักประมาณ 15-30 ปอนด์ สูง 15)เหมาะพาร์เมนต์หรือในบ้าน เป็นสุนัขอารมณ์ดี และสุขภาพแข็งแรงทนทานต่อโรค ร่าเริงขี้เล่น เข้ากันได้ดีกับเด็กและสุนัขและสัตว์อื่นๆ ในบ้าน อีกทั้งยังภักดีและกระตือรื้อร้นเพื่อให้เจ้าของรักใคร่มัน นอกจากนี้มันยังไม่หอนหรือเห่าพร่ำเพรื่อ อย่างไรก็ตาม มีเห่าบ้างถ้ามีคนแปลกหน้าปรากฎตัวหน้าบ้าน  นอกจากนี้ ยังเป็นสุนัขชอบมีกิจกรรมมากเหมือนกับบีเกิ้ล จึงไม่เหมาะที่จะทิ้งเขาไว้ตามลำพังหรือขังไว้ในกรงทั้งวันส่วนการวิ่งเล่น ก็แค่บางครั้งบางคราวเนื่องจากมันมีจมูกสั้น(รับมาจากปั๊ก)ทำให้หายใจลำบาก และไวต่อความร้อน แต่พวกมันแข็งแรงมาก  แต่จมูกจะยาวกว่าปั๊กอย่างชัดเจน จึงไม่มีปัญหาเรื่องระบบหายใจ ลูกนัยน์ตาไม่โปนใหญ่เหมือนปั๊ก ส่วนการดูแลรักษาให้ระวังฤดูใบไม้ผลิดวงตาจะหลั่งน้ำตามาก(เพราะมาจาก ปั๊ก)และต้องดูแลรักษาความสะอาดรอยเหี่ยวย่นของมันด้วย

 

 

2. Rat Terrier

 

เทอเรียพันธุ์หนู สาเหตุที่เรียกชื่อแบบนี้เพราะจุดประสงค์ที่เพาะเลี้ยงมันก็คือเพื่อไล่หนู และล่าสัตว์ มีถิ่นกำเนิดในอเมริกา มักนิยมเลี้ยงในฟาร์มสุนัข ปัจจุบันกลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็ก นิสัยเป็นสุนัขที่ร่าเริง ไวต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง มิตรเข้ากันได้ดีกับทุกคน แม้แต่คนแปลกหน้า เด็ก สุนัขพันธุ์อื่น แมว การดูแลรักษาก็ต่ำเพราะมันขนสั้น และการพาไปออกกำลังกายต่ำพาไปออกบางครั้งบางคราวได้ แต่พวกมันชอบนั่งเล่นบนโซฟาและชอบฉีกหรือข่วน นอกจากนี้ยังมีนิสัยชอบเรียนรู้สิ่งแปลกๆใหม่ ดังนั้นควรพามันไปเปิดหูเปิดตาด้วย

 

1. Chihuahua

 

ชิวาว่า จัดได้ว่าเป็นสุนัขพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุด ในโลก ตั้งชื่อมาจากเมืองแห่งหนึ่งในประเทศเม็กซิโก(ผมก็นึกว่ามีถิ่นกำเนิดที่ ญี่ปุ่น) ถูกค้นพบในปี 1850 และทำการเพาะพันธุ์จนได้สายพันธุ์สำหรับสัตว์เลี้ยงขึ้นมา แน่นอนด้วยขนาดตัวที่เล็กสูงเพียง 6 นิ้ว หนัก 2-6 ปอนด์มันเลยเหมาะแก่การเลี้ยงห้องแคบๆ เหมาะสำหรับที่จะนำมาเลี้ยงในบ้านที่มีเนื้อที่จำกัดโดยเฉพาะบ้านในเมือง ใหญ่ๆ อย่างยิ่ง และพวกผู้หญิงชอบมันใส่กระเป๋า นิสัยเป็นสุนัขที่เงียบ ร่าเริง เฉลียวฉลาดมาก ฝึกสอนง่าย มีความจงรักภักดีต่อเจ้าของ และมันจะมีอัธยาศัยที่ดีกับสุนัขตัวอื่นๆในบ้าน รวมแม้กระทั่งแมวหรือนกด้วย ยกเว้นเมื่อมันถูกรบกวนหรือทำให้มันตกใจ มันจะเห่า การดูแลรักษาการน้อย(ในกรณีพันธุ์ขนสั้น) ส่วนการออกกำลังกายก็ต่ำเพราะสุนัขพันธุ์ชิวาวาถือเป็นสุนัขที่แกร่งและมี อายุที่ยืนยาว แต่กระนั้นก็ไม่ควรปล่อยให้มีน้ำหนักมากเกินไปเพราะว่าจะเกิดปัญหาเรื่อง สุขภาพ และให้ระวังปัญหาโลกพันธุกรรมอย่างโรคลมชัก โรคหัวใจหรือหลอดลมยุบ

 เครดิต : CAMMY

เนื้อหาจากบทความ Top 10 Dogs for Lazy Owners

http://listverse.com/2007/12/21/top-10-dogs-for-lazy-owners/

(ข้อมูลบางส่วนจากวิกิพีเดียไทย-อังกฤษ)

11 พ.ค. 54 เวลา 15:57 3,218 2 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...