10 สิ่งประดิษฐ์ที่ค้นพบเพราะความ "บังเอิญ"

 

การคิดค้นสิ่งใหม่ๆ บนโลกนี้ หากไม่อาศัยจากการค้นคว้าทดลองด้วยตัวเองแล้ว ยังมีอีกช่อง

ทางนึงที่ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาคือ "ความบังเอิญ" หลายๆ อย่างเป็นของที่มีใช้กันอยู่

ในชีวิตประจำวันด้วยซ้ำ น่าสรรเสริญนักประดิษฐ์เหล่านี้นะครับ หากพวกเค้าไม่เจอสิ่งเหล่านี้โดย

บังเอิญแล้ว สิ่งนั้นๆ อาจไม่เกิดขึ้นมาก็ได้ เอาล่ะ -v' 10 อย่างที่ว่านี้มีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลยครับ :)

[ ไมโครเวฟยุคแรกๆ ]

[ ปัจจุบันขนาดไม่ใหญ่แล้วจ้า ]

เตาไมโครเวฟ (Percy L. Spencer)

  เตาอบไมโครเวฟที่ใช้งานกันอยู่ทุกวันนี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้หากนาย Percy L. Spencer วิศวกร-

นักประดิษฐ์ชื่อดังชาวอเมริกัน เดิมทีเดียวเขาทำหลอด Magnetron (ใช้ปล่อยคลื่นไมโครเวฟ) สำหรับ

เรดาร์ และในปี 1945 ขณะที่เขายืนดูการผลิต Magnetron พบว่าช็อกโกแลตแท่งได้ละลาย และเดือด

อย่างรวดเร็ว หลังจากวันนั้นการพัฒนาเตาอบไมโครเวฟจึงเริ่มต้นขึ้น และวางขาย (ในเชิงพาณิชย์) ครั้ง

แรกในปี 1947 โดยบริษัท Raytheon

น้ำตาลซัคคาริน (Ira Remsen, Constantin Fahlberg)

  หากคุณกลัวอ้วน แต่ขาดหวานไม่ได้ มีวัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาลอยู่ชนิดนึงที่มีชื่อเรียกว่า

"Saccharin" หรือในบ้านเราเรียกว่า "ขัณฑศกร" ซึ่งถูกค้นพบโดยความบังเอิญโดยนักเคมี 2 รายที่มีชื่อ

ว่า Ira Remsen วันหนึ่งเมื่อเขาเสร็จจากการทดลองสารเคมี Coal Tar ในห้องแล็ปมหาวิทยาลัย

Johns Hopkins และได้มารับประทานขนมปัง พบว่ามีรสหวานโดยที่ภรรยาของเขาไม่ได้ใส่อะไรลงไปเลย

วันต่อมาเขาจึงพบว่า สารที่ให้ความหวานนั้นเกิดจากการแตกตัวของ "o-toluenesulfonamide" และได้

ตั้งชื่อมันว่า Saccharin อย่างไรก็ดี ในปี 1880 "Constantin Fahlberg" ผู้ช่วยของเขา ได้นำสูตรดัง

กล่าวไปจดสิทธิบัตร ซึ่งทำให้เขาโกรธมากเลยทีเดียว 

  ปัจจุบันซัคคารินเป็นวัตถุที่ห้ามใช้ในอาหารบางประเภท และต้องควบคุมปริมาณในการใช้งาน เพราะเป็นสารเคมีที่ไม่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย และหากบริโภคมากๆ จะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้ครับ

สปริงเด้งดึ๋ง (Richard T. James)

  ใครจะไปรู้ว่าสปริงที่ใช้ในงานหลายๆ ประเภทจะสามารถทำเป็นของเล่นได้ หากนาย

Richard T. James ไม่ได้ค้นพบมันโดยบังเอิญจากการทดลองการใช้สปริงกับเรือเพื่อลดอัตราการโยกของ

เรือเมื่อเจอคลื่นหนักๆ วันหนึ่งเขาได้ทำการทดลอง และมีครั้งนึงที่ตกพื้น ทันใดนั้นเขาได้คิดไอเดียเด็ดออก

ทันทีว่า "มันน่าจะทำเป็นของเล่นนะ" จากนั้น Richard จึงร่วมหุ้นกับ Betty ภรรยาเปิดบริษัทผลิต

"Stinky" นี้ขึ้นมา ปรากฏว่าขายดีเทน้ำเทท่า ล็อตแรก 400 ชุดขายหมดภายใน 3 ชั่วโมง ปัจจุบันของ

เล่นดังกล่าวขายไปได้มากกว่า 300 ล้านชิ้นทั่วโลกแล้วล่ะครับ :)

ดินน้ำมันสุดหรรษา (Kutol Products)

  นี่ก็เป็นอีกหนึ่งของเล่นที่ถูกคิดค้นมาจากชุดทำความสะอาดวอลเปเปอร์ !! โดยบริษัท Kutol Products

(ปัจจุบัน Play-Doh หรือดินน้ำมันนี้ผลิตโดยบริษัท Hasbro) หลังจากพบว่าชุดทำความสะอาดที่ขายไป มี

สถานรับเลี้ยงเด็กนำไปปั้นเป็นเครื่องประดับคริสต์มาส จากนั้นมาบริษัทจึงได้คิดค้น "Play-Doh" แบบใหม่

ที่ไม่มีสารเคมีอันตรายเจือปน และวางขายในปี 1956 ภายใน 2 ปี ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวทำยอดขายไปได้

เกือบ 3 ล้านเหรียญสหรัฐ !!

  ปัจจุบัน "Play-Doh" ได้ถูกขายไปแล้วมากกว่า 2 หมื่นล้านกระป๋องใน 75 ประเทศ ว่างๆ ลองไปเดิน

ตามห้างหรือร้านขายเล่นดูนะครับ ว่ามีเจ้าดินน้ำมันอัดกระป๋องนี่ขายมั้ย ?

กาวตราช้าง (Harry Coover)

  กาวตราช้าง หรือที่ฝรั่งเรียกว่า "Super Glue" นั้น เป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ 320 รายการที่คิดค้นโดย

"Harry Coover" นักประดิษฐ์ชื่อดังชาวอเมริกัน เหตุเกิดขณะที่ Harry และลูกทีมของเขาได้หาวัสดุที่จะ

มาทำศูนย์เล็งปืน ในการทดลองกับสารที่มีชื่อว่า "Cyanoacrylates" พบว่ามันมีความเหนียวมากจนดึง

ออกไม่ได้ และอีก 9 ปีต่อมา ก็ได้นำสารดังกล่าวมาใช้ในงานทำหลังคาเครื่องบินเจ็ทอีกครั้ง แต่เขาไม่ได้

สนใจอะไรมากนัก 

  จนกระทั่งปี 1958 เขาจึงฉุกคิดได้ว่า ได้คิดค้นสารที่ทำให้วัตถุยึดติดแน่นได้ตั้งนานแล้ว จึงจดสิทธิบัตร

และตั้งชื่อว่า "Super Glue" และจากนั้นไม่นานก็เริ่มวางตลาด จนปัจจุบันที่มีใช้กันทุกครัวเรือนนี่ล่ะครับ

เทฟลอน (Roy J. Plunkett)

  กระทะเทฟลอนที่ใช้ทอด ปิ้ง ย่างแบบใช้น้ำมันน้อยๆ ไม่ติดกระทะแบบทุกวันนี้ คิดค้นมาตั้งแต่

ปี 1938 โดย Roy J. Plunkett จากการเช็คตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุสาร "tetrafluoroethylene"

(ใช้สำหรับผลิตสารทำความเย็น) เมื่อเขาเปิดตู้ออกมาเพื่อที่จะระบายกรดไฮโดรคลอลิค ถึงกับผงะ

เนื่องจากพบผงสีขาวที่มาจากไหนไม่รู้ และสารที่อยู่ในตู้ก็ถูกแปรสภาพให้เป็นสารเทฟลอน

(หรือ Polytetrafluoroethylene) ซึ่งหลังจากวิเคราะห์แล้ว พบว่ามันมีคุณสมบัติป้องกันการกัดกร่อน,

ลดแรงเสียดทาน และทนความร้อนได้สูง 

  ส่วนกระทะเทฟลอนที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ผลิตขายครั้งแรกในปี 1954 ในฝรั่งเศสภายใต้แบรนด์ "Tefal"

และในอเมริกาปี 1961 ในชื่อแบรนด์ "Happy Pan" นั่นเอง

เบกาไลท์ (Leo Baekeland)

  เบกาไลท์เป็นหนึ่งในพลาสติกสังเคราะห์ชนิดแรกๆ ของโลก คิดค้นโดย Dr.Leo Baekeland ในปี 1907

จากคิดค้นที่จะหาสิ่งมาทดแทน "Shellac" หรือเรซิ่น ซึ่งผลิตภัณฑ์แรกที่เขาผลิตได้ "Novolak" ไม่

ประสบความสำเร็จในการค้า ดังนั้นเขาจึงกลับมาทดลองใหม่ และพบว่า หากนำสาร Phenol และ

Formaldehyde มาทำปฏิกิริยากันด้วยอุณหภูมิ-แรงกัดดันที่เหมาะสม จะเกิดพลาสติกชนิดใหม่ขึ้นมา ซึ่ง

เขาตั้งชื่อมันว่า "Bekelite" มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันไฟฟ้า, ทนความร้อน, ดัดแปลงเป็นรูปร่างต่างๆ ได้

ปัจจุบันสามารถทำได้หลายผลิตภัณฑ์ อย่างที่เห็นในภาพก็ใช่ครับ กำไลข้อมือดีๆ นี่เอง

เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Wilson Greatbatch)

  "Pacemaker" หรือเครื่องกระตุ้นหัวใจแบบฝังในร่างกายมนุษย์ได้ ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาในปี 1960 โดย

วิศวกรชาวอเมริกัน "Wilson Greatbatch" เมื่อทดลองครั้งแรก พบว่ามันใช้งานได้นานถึง 18 เดือนต่อ

แบต 1 ชุด แน่นอนว่าช่วยชีวิตผู้ป่วยโรคหัวใจได้เยอะทีเดียวล่ะครับ

 

เวลโคร (George De Mestral)

  สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้น่าจะคุ้นๆ กันดี โดยเฉพาะบนเสื้อผ้า (ดูในภาพแทนเลยละกัน) ค้นพบโดยบังเอิญเมื่อ

นาย George De Mestral ได้พาสุนัขเดินเล่นในป่า และพบว่ามีเมล็ด Cocklebur (ต้นกระชับ) เกาะตามตัว

เขา-สุนัขมากมาย และเมื่อนำเมล็ดนั้นมาส่องกับกล้องจุลทรรศน์ พบว่าเมล็ดนี้มีห่วงคล้ายตะขอมากมาย

จากนั้นนายจอร์จจึงได้ทดลองทอผ้าหลายๆ ชนิดขึ้นมา และก็ทำสำเร็จได้ในที่สุด ภายหลังได้จดสิทธิบัตร

ในชื่อ "Velcro" 

  ปัจจุบันเวลโครถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะบนเสื้อผ้า อุปกรณ์พกพาต่างๆ เพราะสะดวกใน

การใช้งาน แถมไม่ต้องรูดซิป ติดกระดุมให้วุ่นวายอีกตะหาก ^^

ภาพเอ็กซ์เรย์แรกสุดของโลก มือที่เห็นเป็นของภรรยา (Anna Berthe Roentgen)

 

ชัดขึ้นมาอีกหน่อย เป็นของ Albert von Kölliker นักกายวิภาคศาสตร์ชื่อดังในสมัยนั้น

รังสีเอ็กซ์ (William Corad Rentgen)

  รังสีเอกซ์เรย์ที่ใช้ในโรงพยาบาลทุกวันนี้ ถูกค้นพบโดย William Rentgen ในปี 1896 โดยเขาได้ทำการ

วิจัยด้วยการใช้เครื่องสร้างรังสีแคโทดผ่านท่อแก้วสุญญากาศ ปรากฏว่ามีแสงสีเขียววิ่งปะทะกับท่อ ซึ่ง

แสงดังกล่าววิ่งทะลุวัตถุทุกอย่างที่อยู่หน้ามัน ดังนั้นเขาจึงทดลองถ่ายโครงกระดูกมือไว้

(ในภาพเป็นมือของ Albert von Kolliker นักกายวิภาคศาสตร์) และทำการตีพิมพ์ผลงานวิจัยในชื่อ

"On a New Kind of Radiation"

 

[ ภาพเอ็กซ์เรย์ปลาเข็ม (NeedleFish) ก็เป็นงานศิลปะได้เหมือนกัน ]

  การใช้งานรังสีเอ็กซ์ทางการแพทย์ เริ่มขึ้นเมื่อปี 1896 โดย John Francis Hall-Edwards นักฟิสิกส์

ชาวอังกฤษ และวิทยาการก็เจริญมาถึงปัจจุบัน นอกจากนี้มีการเอ็กซ์เรย์เพื่อทำงานศิลปะซะด้วย

โดย Peter Dazeley ศิลปินชาวอังกฤษ (ในภาพ)

  ที่ได้ชมกันไปก็เป็น 10 สิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นจากความบังเอิญเป็นสาเหตุหลัก แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่

ช่วยให้เกิดการสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ ให้เจริญก้าวหน้าขึ้นเช่นเดียวกัน หากคุณลองเล่น

แร่แปรธาตุดูอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ที่ไม่เคยพบในโลกก้ได้ ใครจะไปรู้ ?? :D

 

 

ที่มา ; Gizmodo

Credit: http://beta.i3.in.th/content/view/3650
11 พ.ค. 54 เวลา 04:21 10,018 6 50
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...