ผวาผีเด็กพม่า ตามหาศีรษะ
ทีมกู้ภัยเร่งค้นหาศีรษะเด็กพม่าวัย 6 ขวบที่จมน้ำปิงเสียชีวิต หลังพบแต่ร่างหลังเกิดเหตุ 10 วัน จนท.เชื่อส่วนศีรษะจมอยู่ในน้ำ ส่วน 2 อปพร.เชียงดาว ที่เห็นวิญญาณเด็กไร้ศีรษะ ยืนยันไม่กลัว จุดธูปขอขมาแล้ว ขณะที่ชาวบ้านผวาผีเด็กจะเฮี้ยน…
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเกิดเหตุการณ์ชวนขนหัวลุก กรณีเด็กหญิงทู อายุ 6 ขวบ ลูกสาวชาวพม่าที่ลงเล่นน้ำแม่น้ำปิงและจมหายไปบริเวณบ้านม่วงค้อน ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มานานร่วม 10 วัน ชาวบ้านไปพบศพอืดเหลือแต่ตัวส่วนศีรษะหลุดหายไป โดยลอยมาติดริมฝั่งแม่น้ำปิง บ้านห้วยโจ้ หมู่ 4 ต.แม่นะ อ.เชียงดาว ห่างจากจุดที่ตกประมาณ 7 กิโลเมตร
ด้านทีมงานกู้ภัย อปพร.เชียงดาว พร้อมกับตำรวจ และแพทย์เวร รพ.เชียงดาว นำศพขึ้นมาตรวจสอบ สภาพเน่าแล้ว และไม่สวมเสื้อผ้า ส่วนศีรษะที่หายไป สันนิษฐานว่าเมื่อศพเน่า ทำให้ศีรษะน่าจะไปติดกิ่งไม้ตามชายฝั่ง เมื่อกระแสน้ำไหลเชี่ยว จึงทำให้ส่วนตัวหลุดขาดลอยน้ำไป จึงเก็บศพไว้รอญาติ แต่เหตุการณ์กลับไม่จบลงแค่นั้น เพราะช่วงกลางคืน ชุดกู้ภัยที่ไปนำศพขึ้นมา เจอผีเด็กไร้ศีรษะเดินวนเวียนอยู่ใกล้ตู้ยาม เห็นกันเต็มตาถึง 2 คน จึงเชื่อว่าวิญญาณเด็กคงไม่ยอมไปไหน เดินวนเวียนหาศีรษะอยู่สร้างความหวาดผวาตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
และเมื่อเวลา 13.00 น. (9 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมงานกู้ภัย อปพร.เชียงดาว ได้ทำพิธีไหว้ศาลฤาษีที่นับถือ และไหว้จุดที่พบผีเด็กเดินวนเวียนอยู่ใกล้ตู้ยามวังจ้อม อปพร.เชียงดาว บริเวณปากทางม่วงค้อน ซึ่งเป็นทางสามแพร่งเข้าป่าช้าหมู่บ้าน นายไผ่ ไม่ทราบนามสกุล หัวหน้าทีมงานกู้ภัย เปิดเผยว่า ในการไหว้ขอขมา ไม่ใช่พวกเราจะกลัวผีอะไรทั้งสิ้น เพราะทำงานเกี่ยวกับการเก็บศพและช่วยเหลือผู้ประอุบัติภัยต่างๆ เห็นมาทุกสภาพแล้ว จึงไม่กลัวภูติผีวิญญาณ และที่ตั้งของกู้ภัยอปพร.เชียงดาว ก็มีศาลหลวงปู่ฤาษีที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจพวกทีมงานกู้ภัยอยู่แล้ว จึงไม่ได้กลัวสิ่งใดๆ แต่ยอมรับว่าเรื่องผีเด็กตามหาศีรษะตัวเอง ชาวบ้านที่ทราบข่าวพากันหวาดผวา โดยเฉพาะ 2 หนุ่มทีมกู้ภัยเชียงดาว ที่เจอผีเด็กทั้ง 2 คน คือนายนิคม คำแก้ว อายุ 29 ปี และนายสุรจิตร ไหลหลั่ง อายุ 29 ปี ได้ทำพิธีไหว้ขอขมาศพไปแล้ว แต่ขวัญกำลังใจดี ไม่ได้หวาดกลัวอะไร แต่จะทำบุญไปให้เด็ก ส่วนเรื่องติดตามหาศีรษะเด็ก ก็คงจะดำเนินต่อไปหากชาวบ้านพบเห็นก็ขอให้รีบแจ้งด้วย แต่เชื่อว่าศีรษะน่าจะจมลงน้ำปิงไปแล้ว
ด้านนายนิคม กล่าวยืนยันเหตุการณ์นี้ว่า เมื่อเวลา 04.00 น. (8 พ.ค.) ขณะที่ตนนอนอยู่ในตู้ยามอปพร.วังจ้อม เกิดปวดปัสสาวะขึ้นมา จึงได้ลุกออกมาข้างนอก เห็นเด็กเดินวนเวียนที่สามแยก ไม่สวมเสื้อผ้า และไม่มีศีรษะ ตนพยายามเพ่งดูให้แน่ใจ และเห็นว่าร่างของเด็กหายไปต่อหน้าต่อตา ตอนแรกคิดว่าตาฝาดไป เมื่อทำธุระเสร็จ ก็เดินกลับจะไปนอนต่อ ได้ยินเสียงเดินอีก จึงมองผ่านบานเกล็ดออกไปยังสามแยกจุดเดิม ก็เห็นเด็กไม่มีศีรษะอีกครั้ง ตนจึงรีบปลุกนายสุรจิตร เพื่อนทีมงานที่นอนอยู่ด้วยกันให้ลุกมาดู
โดยนายสุรจิตร บอกว่า เมื่อเวลา 02.00 น. วันเดียวกัน ตนออกมาดูความเรียบร้อย ก็เจอเด็กไม่มีศีรษะเดินอยู่เช่นกัน นึกว่าตาฝาด แต่หันกลับมาดูก็ยังพบอีก จึงได้กลับเข้าไป แต่ไม่กล้าบอกให้ใครฟัง เกรงจะหาว่าสร้างเรื่องราวขึ้นมา ขอให้เห็นกับตาจึงจะเชื่อกันเอง ในเรื่องการติดตามหาศีรษะเด็ก ก็คงจะทำกันอยู่ แต่คิดว่าคงจะจมอยู่ที่ใดที่หนึ่งในแม่น้ำปิง ส่วนที่ว่ากลัวไหม ก็คงไม่กลัว เพราะพวกเราทำงานเกี่ยวกับช่วยเหลือผู้ประสบภัยและเก็บศพ จึงไม่มีความกลัวในสิ่งที่พบเห็น แต่ก็คงจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้