คนบางคนมีอวัยวะครบ 32 กลับไม่สามารถทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมได้ แต่ขณะที่
ชายชราชาวจีนผู้พิการขาทั้งสองข้างคนหนึ่ง กลับใช้เวลาในช่วงบั้นปลายของชีวิต เดิน
หน้าปลูกป่า เพื่อโลกและมนุษย์โลกทุกคน แม้สภาพร่างกายของเขาจะไม่เอื้ออำนวย
โดยเรื่องราวอันน่ายกย่องครั้งนี้ ได้รับการเปิดเผยจากสถานีโทรทัศน์ซีซี
ทีวี ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งรายงานว่า นายหม่าซานเสี่ยว ชายวัย 62 ปี ผู้
ซึ่งสูญเสียขาข้างขวาส่วนล่างเมื่อปี พ.ศ.2528 จากอาการโลหิตเป็นพิษ และยังมา
สูญเสียขาข้างซ้ายจากโรคด้วยกันในปี พ.ศ.2547 จนต้องใช้ชีวิตอยู่บนไม้ค้ำ เขาได้
ลงมือปลูกต้นไม้ที่เทือกเขาไท่หัง ในเมืองสือเจียจวง มณฑลเหอเป่ย ทางตอนเหนือของ
ประเทศจีนมานับสิบปีแล้ว เพื่อหวังจะให้ต้นไม้ของเขาช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมใน
ปัจจุบันได้บ้าง
โดยทันทีที่ต้นไม้ต้นแรกของคุณลุงหม่าถูกปลูกลงดินในปี พ.ศ.2544 คุณลุงหม่า ก็เดิน
หน้าปลูกต้นไม้ต้นต่อไปอีกเรื่อย ๆ ทุก ๆ วัน จน ณ วันนี้ เป็นเวลานับสิบปีแล้วที่คุณลุง
หม่ายังคงปลูกต้นไม้เช่นนี้เป็นกิจวัตรประจำวัน นับ ๆ แล้วมีต้นไม้ที่เติบโตขึ้นมาด้วยสอง
มือของคุณลุงหม่านับ 3,000 ต้นเข้าไปแล้ว และยังมีหลุมที่คุณลุงหม่าขุดไว้เพื่อเตรียม
ปลูกต้นไม้อีกนับ 300 หลุม
อย่างไรก็ตาม ตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา คุณลุงหม่าก็ได้เจออุปสรรคสำคัญ เมื่อ
ทางเดินบนเขาชันขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้คุณลุงหม่าไม่สามารถใช้ไม้ค้ำเดินขึ้นไปได้ เขาจึง
สวมถุงมือแล้วลงไปคลานเพื่อขึ้นเขาไปปลูกต้นไม้แทน จนต้องเปลี่ยนถุงมือคู่ใหม่ทุก ๆ
สิบวัน ซ้ำร้ายครั้งหนึ่งคุณลุงหม่ายังเคยตกเขาจนเสียนิ้วก้อยมือขวาไปอีกหนึ่งนิ้ว แต่ถึง
อย่างนั้น คุณลุงหม่าก็ยืนยันว่า จะเดินหน้าปลูกต้นไม้ต่อไปอีกจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพราะ
เขาเชื่อว่า ต้นไม้คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก xici.net, hb168.com, 10bu.com