อะไรๆ ก็.........ณเดชน์!!

 

 

ณเดชน์ คูกิมิยะ หนุ่มนามสกุลญี่ปุ่น ลูกครึ่ง นาทีนี้ ดาราเจ้าพ่อหนังโฆษณาทางโทรทัศน์นั้น เห็นจะไม่มีใครแรงส์เกินไปกว่าเขาซะละมั้ง

แม้เจ้าตัวจะมีชื่อเล่นออกทางฝรั่งอย่าง แบรี่ แต่ผู้คนนิยมเรียกชื่อจริง (ซึ่งฟังดูเท่กว่า แมนกว่า หล่อกว่า) อย่าง ณเดชน์ (นะ-เดช)

ณเดชน์ เป็นนักแสดง และนายแบบลูกครึ่งไทย-ออสเตรีย มีผลงานแสดงละครโทรทัศน์ทางไทยทีวีสีช่อง 3 เป็นแบบให้นิตยสาร และภาพยนตร์โฆษณา มากมายจนนับไม่ถ้วน

 

 

 

 

มาลองดูเส้นทางของณเดชน์กันสักนิด

เมื่อ ปี พ.ศ.2552 ขณะที่ เอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร ผู้จัดการนักแสดงชื่อดัง เดินทางมาเยี่ยมบ้าน เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ นักแสดงในสังกัด ก็บังเอิญพบกับณเดชน์ ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับเวียร์

ศุภชัยจึงทาบทามณเดชน์ให้เข้าสู่วงการบันเทิง

งานแรกของเขา เริ่มจากการเดินแบบของศูนย์ศิลปาชีพฯ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ หลังจากนั้นก็มีงานถ่ายแบบ เดินแบบอีกหลายครั้ง

ณเดชน์ ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงอีกขั้น ด้วยการเริ่มต้นโฆษณาโทรทัศน์ให้กับหมากฝรั่งไทรเด้นท์ คู่กับ อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ ตามมาด้วยภาพยนตร์โฆษณาอีกหลายชิ้น อย่าง นีเวีย ฟอร์ เมน โทรศัพท์ ซัมซุง มอนเต้ 3จี ฯลฯ

ประตูโอกาสสู่การเป็นนักแสดงของเขา ก็เปิดขึ้น ด้วยผู้ใหญ่ทางช่อง 3 ที่ตาถึงเห็นแววความ “ดัง” คว้าเอาหนุ่มตาสวยที่ใครๆ ก็ฮือฮาถึงความหล่อเข้มและยังเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น เข้ามาชิมลางเล่นละคร “เงารักลวงใจ” ในบทของพระรองชื่อ “นาวา” ซึ่งออกฉายในเดือนเมษายน 53

จุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดในชีวิตของณเดชน์ เกิดขึ้นในปลายปีนั้น

 

 

 

ปลายปี 53 ช่อง 3 ได้สร้างโปรเจกต์ละครฉลองครบ 40 ปี ในชุด 4 หัวใจแห่งขุนเขา ที่ขนเอาดาวรุ่งของวิกหนองแขมมาประชันบทบาทกัน ใน 4 เรื่อง 4 รูปแบบความรัก กับพระ-นาง 4 คู่

โดยในละครเรื่อง “ดวงใจอัคนี” นี่เอง ที่ทำให้เรตติ้งของ “ณเดชน์” กับการก้าวขึ้นเป็นพระเอกเต็มตัวคู่กับ “ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์” ดังเปรี้ยงปร้างภายในพริบตา

ในฝั่งช่อง 3 เอง ก็ได้เรตติ้งละครชุดนี้แบบถล่มทลาย

ถือว่าดังสนั่นกันถ้วนทั่ว ทั้งช่อง 3 และดารานำ โดยเฉพาะ ณเดชน์

 

 

หาก เราดูการได้เล่นหนังโฆษณาให้กับบรรดาสินค้าต่างๆ เป็นดัชนีชี้วัดความดัง และคะแนนนิยมของมวลชนที่มีต่อคนคนนั้นแล้ว นาทีนี้ ณเดชน์ถือว่าดังไม่มีใครเกิน

ผมจะขอนำข้อมูลการเล่นหนังโฆษณามาลงไว้ ประกอบให้ท่านผู้อ่านลองดูด้วยครับ

พ.ศ.2552

*หมากฝรั่งไทรเด้นท์ รีแคลเดนท์ (Trident Recaldent) ร่วมกับ พัชราภา ไชยเชื้อ

*ครีมอาบน้ำโชกุบุสซึ โมโนกาตาริ โชกุบุสซึ ฟอร์ เมน (Shokubutsu Monogatari shokubutsu for Men)

 

 

พ.ศ.2553

*ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า นีเวีย ฟอร์ เมน (Nivea for Men)

*โทรศัพท์ซัมซุง มอนเต้ 3จี (Samsung Monte 3G)

*โทรศัพท์ซัมซุง กาแล็คซี่ เอส (Samsung Galaxy S)

*รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ (Yamaha Fino) ชุด วี เลิฟ ฟีโน่
รองเท้าบาโอจิ (Baoji) ร่วมกับ เขมนิจ จามิกรณ์

 

พ.ศ.2554

*เลย์ รสหมึกย่าง+รสน้ำจิ้มซีฟูด ร่วมกับ พอลล่า เทเลอร์

*มาสด้า 2 ซีดาน (Mazda 2 Sedan) (กุมภาพันธ์)

 

 

*นมโฟร์โมสต์ แคมเปญ “สุขภาพดี 24 ชั่วโมงกับโฟร์โมสต์”

*เลย์ ชุด “พาเพื่อนซี้เที่ยวฟรีกับเลย์” ร่วมกับ พอลล่า เทเลอร์ (มีนาคม)

*รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ (Yamaha Fino) ชุด รักยกกำลัง 2 ร่วมกับ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์, จิรายุ ละอองมณี, พลอย หอวัง

 

 

*น้ำส้มมินิทเมท พัลพิ (Minute Made Pulpi) (มีนาคม)

 

 

*แป้งเย็นทเวลฟ์ พลัส เอ็กซ์ตร้า คูล แอนตี้แบคทีเรีย (12 Plus Extra Cool Antibacteria) (มีนาคม)

 

 

*ครีมอาบน้ำโชกุบุสซึ โมโนกาตาริ โชกุบุสซึ ฟอร์ เมน (Shokubutsu Monogatari shokubutsu for Men) สูตร “Synergy relax” (มีนาคม)

*เลย์ ชุด “ความสุขเล็กๆ ที่แบ่งกันได้” ร่วมกับ อุรัสยา เสปอร์บันด์ (เมษายน)

*ชาเขียวญี่ปุ่นผสมน้ำผลไม้ “โออิชิ ฟรุตโตะ” (เมษายน)

 

 

*ทรูมูฟ (True Move) ซิมฮักกัน แคมแปญ “ทรูมูฟไปถึงคุณ ตรงถึงใจ” (เมษายน)

*เลย์ ชุด “คิดรสให้เลย์ 2 คิดรสแบ่งปัน เฮกันเป็นล้าน” ร่วมกับ อุรัสยา เสปอร์บันด์ (เมษายน)

*โทรศัพท์ซัมซุง แคนดี้ 2 (Samsung Candy 2) “คุณล่ะคะ Candy สีอะไร” (เมษายน)

 

 

หากมองย้อนอดีตจนถึงวันนี้ ณเดชน์ยังถือว่าใหม่กับวงการ เพิ่งจะเข้าวงการบันเทิงมาได้ไม่ถึง 3 ปี และที่สำคัญเล่นละครไปเพียงแค่ 2 เรื่องเท่านั้น

ทีนี้ คนยิ่งดัง ก็ยิ่งถูกขุดคุ้ย

ไม่ นานมานี้ ก็มีข่าวการขุดคุ้ยเรื่องในครอบครัวของ “ณเดชน์” ถึงความไม่ใช่ลูกครึ่งญี่ปุ่น กับนามสกุล “คูกิมิยะ” จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว กระทั่งบางสื่อมีการนำไปเปรียบเทียบกับ “นาธาน” จนเจ้าตัวต้องออกมายอมรับถึงชาติกำเนิดที่แท้จริง พร้อมยืนยัน “ไม่ได้หลอกลวงหรือปิดบัง” ก็ตาม

ปรากฏการณ์ ณเดชน์ ฟีเวอร์ กำลังบอกอะไรกับเราบ้าง??

 

 

บทวิเคราะห์

ในแต่ละช่วงเวลา มักจะมีดารานักร้องหรือผู้ประกาศฮิตเป็นพักๆ

บางครั้งก็มีคนเดียว แต่บ่อยครั้งก็ฮอตขึ้นมาหลายคนพร้อมๆ กัน

เมื่อ ดารานักร้องหรือผู้ประกาศฮิตขึ้นมาครั้งใด ก็มักจะกลายเป็นจุดสนใจของเจ้าของสินค้าหรือเอเยนซี ที่นำดาวดังมาเป็นพรีเซนเตอร์ โดยหวังว่าจะทำให้ยอดขายสินค้าพุ่งกระฉูด

บางแบรนด์ถึงกับประโคมเกินจริงไปว่า ดาราผู้นั้นคือ Brand Ambassador ของตนเข้าไปนั่น

ณเดชน์ คูกิมิยะ คือ ดาวรุ่งพุ่งแรงมากๆ เขากลายเป็นขวัญใจของคนรุ่นใหม่ภายในชั่วเวลาไม่นานนัก ทั้งๆ ที่เพิ่งมีผลงานละครเพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับดาราขวัญใจมหาชนอย่าง เคน ธีรเดช, ติ๊ก เจษฎาภรณ์ กว่าจะมาถึงขั้นนี้ก็ต้องใช้เวลาหลายปี ขณะที่ณเดชน์ใช้เวลาน้อยมากๆ

ซึ่ง อาจจะเป็นเพราะปัจจัยหลายอย่าง ตั้งแต่หน้าตาดี นามสกุลลูกครึ่งญี่ปุ่น ลูกชาวอีสานที่เป็นดาราดังเพียงคนเดียวกระมังที่เว้าอีสานแบบไม่กระมิด กระเมี้ยน อีกทั้งบทบาทการแสดงที่นอกจากจะถูกจริตหญิงวัยเดียวกันแล้ว แฟนรุ่นป้าน้าอายังติดกันงอมแงม

อาจกล่าวได้ว่าณเดชน์มีคุณสมบัติครบต่อการเป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ดัง ด้วย เหตุเช่นนี้จึงไม่แปลกที่แบรนด์ทั่วฟ้าเมืองไทยต่างไขว่คว้าณเดชน์มา เป็นพรีเซนเตอร์พร้อมๆ กัน โดยมิได้นัดหมายแต่อย่างใด ซึ่งปรากฏการณ์นี้มีไม่บ่อยครั้งนักที่ดาราคนหนึ่งจะถูกทาบทามให้เป็น พรีเซนเตอร์พร้อมๆ กันเช่นนี้

และก็มีไม่บ่อยนักเช่นกันที่ดาราคนหนึ่งจะรับงานเกือบทุกชิ้นที่ติดต่อเข้ามาเช่นนี้ Thailand Only ซะละกระมัง

บางคนบอกว่าขณะนี้แบรนด์ที่ใช้ณเดชน์นั้นยังออนแอร์ไม่หมดเสียด้วยซ้ำไป เพราะจริงๆ ต้องมีทั้งหมด 14 ตัว แต่ทว่าตอนนี้ยังไม่ครบ

คำถามก็คือแบรนด์ณเดชน์แข็งแกร่งพอที่จะทำให้ยอดขายของแบรนด์สินค้าที่เลือกณเดชน์ เป็นพรีเซนเตอร์พุ่งสูงขึ้นกว่าปรกติจริงหรือ

และ คนดูที่เป็นฐานแฟนณเดชน์จะเลือกซื้อสินค้าตัวไหน เมื่อสินค้าบางตัวกลายเป็นคู่แข่งทางตรงหรือทางอ้อมไปโดยปริยาย ยกตัวอย่างเช่น โออิชิ ฟรุตโตะ และน้ำส้มพัลพิ ที่เป็นเครื่องดื่มรส ผลไม้คล้ายๆ กัน ซึ่งอาจไม่ใช่คู่แข่งกันตรงๆ แต่ก็อาจเป็นคู่แข่งโดยอ้อม หรือการที่เขาไปเป็นพรีเซนเตอร์มอเตอร์ไซค์ ขณะเดียวกันก็รับเป็นพรีเซนเตอร์รถยนต์ด้วย จริงอยู่มอเตอร์ไซค์กับรถยนต์คนละกลุ่มกัน แต่ก็ยานพาหนะเหมือนกัน

แต่ ถ้ามองอย่างกว้างๆ โดยไม่ใส่ใจอะไรเลย นั่นคือแบรนด์ใดติดต่อเข้ามาก็รับให้หมดเลย โดยไม่สนใจว่าสินค้าแต่ละแบรนด์จะทับซ้อนกันหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ถ้า หากเป็นเช่นนั้น Product Life Cycle ของณเดชน์เองก็อาจจะสั้นกว่าที่ควรจะเป็น เพราะเจ้าของสินค้าเองก็อาจจะเกิดความเบื่อหน่าย เพราะคนดูอาจเกิดเบื่อหน้าณเดชน์ที่โฆษณาสินค้าพร้อมๆกันนับสิบตัวในเวลา เดียวกัน จนไม่รู้ว่าตัวไหนเป็นตัวไหนกันแล้ว

ในด้านเจ้าของสินค้า เองก็ต้องการให้พรีเซนเตอร์นั้นเป็นตัวแทนแบรนด์ของตน เมื่อผู้ดูชอบดาราคนนั้น ก็อาจจะทำให้คนดูนั้นหันมาซื้อสินค้าที่ดารานั้นเป็นพรีเซนเตอร์ก็ได้

ทว่า เมื่อณเดชน์เป็นพรีเซนเตอร์มากมายเกินสิบชิ้นพร้อมๆ กันเช่นนี้ ผู้บริโภคก็อาจจำไม่ได้ หรือถึงจำณเดชน์ได้ ก็จำไม่ได้ว่าณเดชน์เป็นพรีเซนเตอร์ให้แบรนด์ใดบ้าง เพราะเยอะเกินไป

ซึ่ง ก็หมายความว่าแบรนด์ต่างๆ เหล่านี้แท้ที่จริงแล้ว เสียเงินจ้างณเดชน์และซื้อเวลาโฆษณา เพื่อทำให้แบรนด์ณเดชน์อยู่ในใจคนดูมากขึ้นเพราะเห็นบ่อยและไปได้ทุกช่อง

นั่นแปลว่าแบรนด์บางแบรนด์ที่จ้างณเดชน์เท่านั้นจึงจะได้ประโยชน์

ต้องเป็นแบรนด์ที่ยิงโฆษณาเยอะ และโฆษณาโดนจนคนดูจำได้ และกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์นั้น สอดคล้องกับฐานแฟนหลักของณเดชน์ด้วย

อย่าง ไรก็ตาม ถึงแม้ยอดขายของสินค้าอาจจะเพิ่มขึ้นเพราะการยิงโฆษณา แต่ก็ไม่อาจตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเพิ่มขึ้นเพราะพรีเซนเตอร์คนนี้ เนื่องจากเป็นตัวแทนสินค้าในเวลาเดียวกันมากมาย จนเกินไป

จึงควรกลับมาทบทวนใหม่ทั้งเจ้าของสินค้าและณเดชน์ดีกว่าหรือไม่

ในฐานะ ผจก. ของณเดชน์ ควรจะรับสินค้ากี่ตัวในเวลาเดียวกัน

ในฐานะเจ้าของสินค้า พรีเซนเตอร์ที่เลือกควรจะเป็นพรีเซนเตอร์ประเภทไหน

 

 

ที่มา : http://www.wiseknow.com

Credit: Mthai
2 พ.ค. 54 เวลา 22:41 4,193 6 50
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...