เอวัง นิทานเรื่อง อีปุ๊กลุก

เอวัง นิทานเรื่อง "อีปุ๊กลุก"/ไก่ อำนาจ

โดย อำนาจ เกิดเทพ 27 เมษายน 2554 19:07 น.   "นี่มึงยังจะหน้าด้านกล้าเขียนตอนที่สองอีกหรือวะ...?"
       
        เพื่อนผมคนหนึ่งถามเสียงสูงด้วยภาษาสมัยพ่อขุนรามฯ หลังผมบอกกับมันไปว่านิทานเรื่อง "อีปุ๊กลุก" ที่เขี่ย เอ๊ย...ที่เขียนไปเมื่อครั้งที่แล้วยังมีตอนจบเหลืออยู่
       
        "เฮ้ย แต่เรื่องถัดจากนี้ไปจะออกแนวแฟนตาซีเลยนะโว้ย" ผมบอกมันก่อนจะร่ายยาวถึงพล็อตเรื่องให้ฟังคร่าวๆ ว่า...หลังจากนั้นไม่นานอีปุ๊กลุกก็ถูกหนุ่มลูกครึ่งไทยเนปาลคนหนึ่งซึ่งพูด ได้ถึง 5 ภาษาพาไปเลี้ยง และนั่นเองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยที่แสนจะเหลือเชื่อ
       
        หนึ่งคนหนึ่งหมาบุกตะลุยเข้าไปในป่าหิมพานต์และได้ต่อสู้กับผีกระสือตัว หนึ่งจนได้รับบาดเจ็บ ต้องหนีไปที่กรุงไคโร ระหว่างทั้งคู่นอนพักรักษาอาการบาดเจ็บในโลงของมัมมี่ก็ต้องมาถูกงูเห่ากัด เข้าให้อีก ซึ่งขณะที่ทั้งคู่คิดว่าจะตายด้วยพิษงูแน่แล้ว ท่านดาไลลามะก็เดินธุดงค์ผ่านมาพอดี เลยช่วยชีวิตไว้ได้
       
        พอหายจากอาการบาดเจ็บ ทั้งคู่เลยตัดสินใจที่จะหันมาเอาดีในวงการบันเทิงด้วยการโกอินเตอร์ไปเล่น หนังฮอลลีวูดประกบดาราชื่อดัง กระทั่งพอที่จะเก็บเงินที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงส่วนหนึ่ง ทั้งคู่ก็เดินทางกลับมาที่บ้านเกิด "เชียงคาน" โดยหวังจะใช้ชื่อเสียงที่มีอยู่ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ให้กลายเป็น ที่รู้จักของนักท่องเที่ยว
       
        แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร? เพราะไม่ว่าจะลงทุนลงแรงไปเท่าไหร่ เงินทั้งหมดที่ได้มาต้องหมดไปกับบรรดาผู้ชายที่แวะเวียนเข้ามาเกาะรับประทาน ทั้งคู่หลายต่อหลายคน
       
        ปรึกษาจิตแพทย์ก็แล้ว นักสังคมสงเคราะห์ก็แล้ว ถามนักลงทุนก็แล้ว ก็ไม่เห็นจะมีใครช่วยเหลือได้สักคน จนทั้งคู่เกิดอาการจิตตก
       
        แต่ก่อนที่จะได้ทันคิดสั้นก็ได้มีคนมาบอกว่ามีแม่ชีท่านหนึ่งที่ว่ากันว่า ท่านสามารถมองเห็นอดีตชาติกาลเก่าได้ว่าใครทำอะไรไว้ในชาติที่แล้ว และชาตินี้จะต้องแก้ไขอย่างไร นั่นเองที่ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจเดินทางไปหาแม่ชีที่ว่า ซึ่งทันทีที่เห็นหน้าหมองๆ ของทั้งหมาและคนเท่านั้น ท่านก็ตวาดเสียงดังอย่างน่าเกรงขามขึ้นมาทันที
       
        ...ข้ารู้ ข้าเห็น ที่ชาตินี้พวกเอ็งต้องถูกผู้ชายมาเกาะแล้วก็เกาะอีกก็เพราะชาติที่แล้วเอ็ง ไปเปิดประตูให้พม่าเข้ามาในเมือง ชาตินี้พวกเอ็งเลยต้องโดนผู้ชายเข้ามาทะลวงประตูอยู่ตลอด วิธีแก้ก็ไม่มีอะไรมากมาย ให้พวกเจ้าเอาหอยไปแขวนไว้ที่หน้าประตู สิ่งไม่ดีทั้งหลายมันจะได้ไปลงที่หอยนั้นแทนที่จะมาลงที่หอยพวกเจ้า...
       
        หลังรับรู้ถึงสาเหตุและวิธีแก้เคล็ดแล้วทั้งสองก็จัดการทำตามทันที แต่ไม่ว่าจะแขวนหอยใหญ่ก็แล้ว หอยเล็กก็แล้ว ทว่าปัญหาต่างๆ ก็ยังหาได้หายไปแต่อย่างใด
       
        ระหว่างที่ทั้งคู่เกิดความกังวลจนไม่คิดจะมีอยู่อีกต่อไปอีกแล้วก็มีเสียง ลือให้สะพัดไปทั่วหมู่บ้านว่ามีพระรูปหนึ่งมาปักกลดทรงกลมขนาดมหึมาคล้ายจาน บินอยู่ท้ายหมู่บ้าน ที่สำคัญพระรูปนี้ศักดิ์สิทธิ์มากๆ ชนิดที่ว่าทำบุญชาตินี้การันตีว่าชาติหน้าเกิดมาสบายหรือตายไปได้ขึ้นสวรรค์ แน่นอน
       
        เอาวะ ชาตินี้ไม่ได้ดี ขอสบายชาติหน้าก็ได้วะ...ทั้งคู่คิดเหมือนๆ กันก่อนจะตัดสินใจไปหาพระรูปที่ว่า
       
        เอ้าโยม เขยิบมาด้านหน้าสิ ไปแอบอยู่ด้านหลังอย่างนั้นมันจะขึ้นสวรรค์ได้อย่างไรล่ะโยม...พระรูปที่ว่า กล่าวขึ้นมาหลังเห็นของถวายที่เกินกว่าจตุปัจจัย ทั้ง แก้ว แหวน เงิน ทอง ที่ทั้งคู่หอบหิ้วมา
       
        ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เป็นที่น่าสังเกตว่าหลังนำเอาทรัพย์สินไปบริจาคให้กับพระรูปที่ว่ามากเท่า ไหร่ จำนวนผู้ชายที่มาเกาะรับประทานทั้งคู่ก็เริ่มที่จะลดน้อยลงไปจนท้ายสุดก็ไม่ เหลือใคร ซึ่งแรกทั้งๆ คู่ก็เข้าใจว่าเป็นอิทธิฤทธิ์ของพระรูปดังกล่าว ก่อนจะมาเข้าใจในภายหลังว่าไม่ใช่
       
        ฉับพลันทั้งคู่ก็รู้สึกเหมือนๆ กันว่าหรือทั้งหมดนี้คือกุศโลบาย การที่แม่ชีท่านบอกเพราะชาติที่แล้วชาตินี้จึง้ป๋นเช่นนี้ นั่นอาจจะหมายถึงเพราะมันมีเหตุเช่นนั้นมาก่อนมันเลยมีผลเช่นนี้ ซึ่งถ้าเราแก้ที่เหตุได้ผลมันก็น่าจะดีขึ้น ส่วนที่พระท่านบอกให้มานั่งหน้านั้น ท่านอาจจะสื่อว่าถ้าต้องการอะไรก็น่าจะหาโอกาสเข้าไปใกล้สิ่งที่ต้องการให้ มากที่สุด อย่ารอให้โอกาสมาหาเรา หรือถ้าเมื่อไหร่ที่เราเจอปัญหาแล้วหากมัวแต่วิ่งหนีมัน หรือเอาแต่ไปพึ่งสิ่งที่มองไม่เห็นก็แล้วเมื่อไหร่กันล่ะที่ปัญหาที่ว่ามัน จะหมดไป
       
        "แล้วตอนจบของนิทานนะโว้ย กูก็จะเขียนให้เหมือนอีสปที่ว่า นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า..." ยังไม่ทันจะว่าอะไรต่อเพื่อนผมก็รีบชิงพูดขึ้นมาก่อน
       
        "อีสปอะไรของมึงเป็นศพสิไม่ว่า นี่มึงจะเรื่อยเปื่อยไร้สาระไปถึงไหนวะ มึงไม่ได้ดูคอมเมนท์หรือไงวะว่ามีคนเขามาสรรเสริญนิทานมึงว่าอะไรบ้าง..." เพื่อนบอกด้วยความห่วงใย ทำเอาผมต้องลองคลิคเข้าไปดูบ้าง
       
        ความคิดเห็นนี้บอกหน้าตัวเมีย ความคิดเห็นนี้แนะให้ไปหาผ้าถุงมานุ่ง ความคิดเห็นนี้บอกเขียนอะไรไม่มีสาระ ความคิดเห็นอันนึงหาว่าพยายามอัพเกรดตัวเอง ความคิดเห็นนี้บอกให้เลิกเขียนได้แล้ว ความคิดเห็นอันนี้ถามหาจรรยาบรรณสื่อ ส่วนความคิดเห็นอันนั้นแช่งไปถึงยายแจ๋ว(แม่ผม)ให้มีอายุสั้น ฯ
       
        "เออว่ะ..." ผมบอกเพื่อน
       
        เอวังนิทานเรื่อง "อีปุ๊กลุก" เลยมีด้วยประการละฉะนี้...
Credit: ผุ้จัดการออนไลน์
#ดาราบันเทิง
THEPOco
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIP
28 เม.ย. 54 เวลา 06:55 1,509 1 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...